คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกรายการสนธิทอล์ค นำข้อเท็จจริงจำนวนมากมาเปิดเผยให้ประชาชนชาวไทยได้ทราบกันอย่างกว้างขวาง ถึงการที่ประเทศไทยเบี้ยวประเทศภาคีลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ไม่ยอมเข้าร่วมการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง
ทำให้ประเทศไทยและคนไทยได้รับความเสียหายยับเยินไปอีกนานเท่านาน เพราะประเทศไทยจะไม่สามารถรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางมาท่องเที่ยวตามลำแม่น้ำโขงได้ และไม่สามารถขนส่งสินค้าทางแม่น้ำโขงไปขายยังประเทศลุ่มแม่น้ำโขงอีก 5 ประเทศได้
ประเทศไทยมีตลาดสินค้าใหญ่มากประเทศหนึ่งคือจีน โดยเฉพาะสินค้าจำพวกเกษตร ไม่ว่าข้าว ยางทุเรียน ลำไย ผลไม้ต่างๆ รวมทั้งเครื่องอุปโภค-บริโภคและผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอีกมากมาย เมื่อไม่สามารถขนส่งทางลุ่มแม่น้ำโขงได้ ก็ต้องไปอาศัยน้ำใต้ศอกขนผ่านไปยังประเทศลาว เวียดนาม ไปยังประเทศจีน หรือต้องไปส่งที่ประเทศลาวไปยังประเทศจีน ทำให้ต้องเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายเบี้ยใบ้รายทางจำนวนมหาศาลไปไม่มีที่สิ้นสุด
ดังนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่าใครก็ตามที่เป็นตัวการเบี้ยวไม่เข้าร่วมแผนปฏิบัติการในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงร่วมกับภาคีสมาชิกอีก 5 ประเทศ ว่าเป็นการจงใจทำความเสียหายร้ายแรงให้เกิดแก่ประเทศชาติและประชาชน เป็นการทำลายผลประโยชน์แห่งชาติที่หนักหนาสาหัสไปอีกนานเท่านาน
และถ้าหากการเบี้ยวไม่เข้าร่วมแผนปฏิบัติการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงกับอีก 5 ประเทศภาคี เกิดจากการบงการหรือบังคับของนักล่าอาณานิคมแล้ว ก็ต้องถือว่าการสมยอมสมรู้กันเบี้ยวเช่นนั้นเป็นพฤติกรรมที่ถือได้ว่าเป็นการทรยศชาติหรือขายชาติ
ซึ่งต้องถือว่าเป็นการกระทำอนันตริยกรรมต่อประเทศชาติและประชาชน เพราะประพฤติตนเป็นมือไม้ให้แก่อริราชศัตรูในการทำลายผลประโยชน์แห่งชาติและประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ และเป็นเรื่องที่ประชาชนจะต้องสืบสาวราวเรื่องว่าใครคืออริราชศัตรูที่แฝงตัวอยู่
กรุงศรีอยุธยาเสียแก่ข้าศึกไม่ใช่เพราะความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์ทำสงครามข้ามฤดูน้ำอย่างเดียวแต่ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือความแตกแยกแตกสามัคคีและการมีไส้ศึกที่แฝงฝัง กระทั่งเปิดประตูเมืองให้ข้าศึก พวกที่แฝงฝังเช่นนี้แหละจะเป็นอันตรายต่อบ้านเมืองที่จะทำให้ประวัติศาสตร์การเสียกรุงเกิดซ้ำรอยได้
ดังนั้นการสืบหาค้นคว้าและการกำจัดอริราชศัตรูที่แฝงตัวเช่นนี้จึงเป็นความจำเป็นของบรรดาผู้รับผิดชอบต่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติร่วมกัน
ปฏิญญาซันย่าเป็นปฏิญญาหรือข้อตกลงตั้งภาคีร่วมกันระหว่างประเทศ 6 ประเทศ คือ จีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชาและเวียดนาม โดยเบื้องลึกเบื้องลับนั้นเป็นดำริของฝ่ายไทย ซึ่งขณะนั้นประเทศจีนซึ่งเป็นเจ้าภาพก็รับรู้เพราะได้เห็นผลประโยชน์ร่วมกันในการทำมาค้าขายไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนของทั้ง 6 ประเทศ ที่อยู่รอบลุ่มแม่น้ำโขง
จึงมีการประชุมจัดตั้งภาคีปฏิญญาซันย่าขึ้นที่มณฑลไหหลำ ประเทศจีน โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานที่ประชุม แต่เมื่อถึงวาระประชุมเรื่องนี้ ผู้เป็นประธานที่ประชุมได้ขอเชิญตัวแทนจากประเทศไทยนั่งเป็นประธานเพื่อเป็นการให้เกียรติอย่างสูง และในที่สุดก็ได้ตกลงกันและได้มีการลงนามก่อตั้งปฏิญญาซันย่าขึ้น 6 ประเทศ โดยเรียกเป็นชื่อย่อตามภาษาอังกฤษของแต่ละประเทศว่า CLMVT
หลักการสำคัญของปฏิญญาซันย่าสรุปโดยสังเขปเพื่อความเข้าใจง่ายที่สุดคือ
หนึ่ง พัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงให้พ้นสภาพจากแม่น้ำแห่งยาเสพติดและอาชญากรรม ให้เป็นแม่น้ำแห่งสันติภาพและการพัฒนา เพื่อผลประโยชน์ของ 6 ประเทศภาคี และเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้ง 6 ประเทศร่วมกัน
สอง จีน พม่า และลาว ซึ่งเป็นประเทศต้นแม่น้ำโขงจะร่วมกันบริหารจัดการน้ำจากต้นน้ำ เพื่อให้มีน้ำไหลในลำน้ำโขงตลอดสายตลอดทั้งปี แก้ไขปัญหาการใช้ลำน้ำโขงได้เพียงปีละ 3 เดือน เป็นให้ใช้ได้ตลอดทั้งปี
สาม จะร่วมกันขุดลอกแม่น้ำโขงให้กว้างและลึกตามธรรมชาติดั้งเดิม เพื่อให้สามารถรองรับเรือท่องเที่ยวขนาดยักษ์เพื่อให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาท่องเที่ยวตามลำน้ำโขง 6 ประเทศ ซึ่งจะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่เรียกว่าสวรรค์บนดินที่มีความสวยงาม อุดมด้วยวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมที่หลากหลาย และให้สามารถเดินเรือที่บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ได้50 ตู้ หรือระวางขับน้ำ 500 ตัน เพื่อให้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าของภาคีสมาชิก 5 ประเทศได้โดยสะดวกรวดเร็วและประหยัด
เนื่องจากจีนมีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมและมีทุนรอนมาก ภาคีสมาชิกจึงตกลงกันให้จีนเป็นผู้ทำการขุดลอกโดยค่าใช้จ่ายของจีนเอง
เนื่องจากการขุดลอกแม่น้ำโขงนั้นมีเกาะแก่งอยู่ในแม่น้ำโขงจำนวนมาก และที่มากที่สุดก็คือช่วงที่กั้นเขตแดนไทย-ลาว ทั้งตอนบนและตอนล่าง แต่ทว่าเกาะแก่งเหล่านี้ทั้งหมดข้ามร่องน้ำลึกที่เป็นเส้นแบ่งเขตแดนไทย-ลาว ตามกฎหมายระหว่างประเทศมาอยู่ใกล้ชิดกับริมฝั่งของประเทศไทย
ทำให้พื้นที่ตั้งแต่เกาะแก่งใกล้ริมฝั่งแม่น้ำโขงของประเทศไทยไปจนถึงริมฝั่งแม่น้ำโขงด้านประเทศลาวเป็นสิทธิ์ของลาว ตามสนธิสัญญาซึ่งฝรั่งเศสเคยบังคับประเทศไทยให้ทำสนธิสัญญายึดดินแดนแม่น้ำโขงในสมัยรัชกาลที่ 5
ดังนั้นถ้ามีการขุดลอกเกาะแก่งดังกล่าวแล้วก็จะทำให้ผลบังคับตามสัญญาที่ประเทศไทยทำกับฝรั่งเศสหมดสภาพบังคับ และทำให้เขตแดนไทย-ลาว ถอยร่นไปอยู่ที่ร่องน้ำลึกกลางแม่น้ำโขง
ทั้งนี้จะร่วมกันจัดทำท่าเรือสำหรับเรือท่องเที่ยวยักษ์ และท่าเรือขนส่งสินค้าระหว่าง 6 ประเทศตลอดสองฝั่งแม่น้ำโขง และให้มีด่านศุลกากรอยู่ชายฝั่งของแต่ละประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านการเก็บภาษีศุลกากรเมื่อมีการส่งออกหรือนำเข้าสินค้าเข้ามาทางท่าเรือเหล่านั้น
ประเทศไทยตั้งอยู่ช่วงกลางของลำน้ำโขงทั้งสองช่วงคือช่วงบนตั้งแต่พื้นที่อำเภอเชียงแสน เชียงของ ไปจนถึงพื้นที่ใกล้จังหวัดเลย และช่วงล่างเมื่อแม่น้ำโขงผ่านออกจากประเทศลาวตรงกับจังหวัดหนองคาย เป็นแม่น้ำกั้นเขตแดนไทย-ลาว เป็นตอนที่สอง ไปจนถึงจังหวัดมุกดาหารใกล้กับจังหวัดอุบลราชธานี
ดังนั้นประเทศไทยจึงได้เปรียบทั้งในเรื่องการท่องเที่ยวและในเรื่องการขนส่งสินค้าระหว่างกันที่จะใช้ระยะเวลาสั้นที่สุด สะดวกที่สุด เพราะมีโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่มีความเจริญมากกว่าประเทศอื่นอยู่ก่อนแล้ว
ดังนั้นการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงตามปฏิญญาซันย่าจึงเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยมากที่สุด ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกไหลบ่าเข้าภาคเหนือ ภาคอีสาน และทั่วประเทศซึ่งจะเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจบริการจำนวนมหาศาลไปยาวไกล
จะทำให้การขนส่งสินค้าไทยไปยัง 6 ประเทศสะดวกรวดเร็วและต้นทุนต่ำ ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยมากที่สุดเช่นเดียวกัน
หลังจากผู้แทนทั้ง 6 ประเทศได้ลงนามเป็นภาคีสมาชิกปฏิญญาซันย่าเรียบร้อยแล้ว โดยปฏิญญาดังกล่าวนั้นได้กำหนดให้จัดทำแผนปฏิบัติการตามปฏิญญาซันย่าในรายละเอียดเพื่อกำหนดรายละเอียด และเวลา ตลอดจนขั้นตอนปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้ภาคีสมาชิกได้เตรียมดำเนินการและกำหนดลงนามในแผนปฏิบัติการตามปฏิญญาซันย่าในการประชุมภาคีสมาชิกครั้งถัดไปซึ่งจะมีการประชุมที่กัมพูชาในเวลาไม่นานหลังจากนั้น
ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลานัดลงนามในแผนปฏิบัติการตามที่ตกลงกัน ประเทศไทยกลับเบี้ยวอย่างหน้าตาเฉย และไม่เคยบอกความจริงให้ประชาชนทราบว่าทำไมจึงต้องเบี้ยว เพราะทำให้บ้านเมืองและประชาชนเสียหายย่อยยับ หรือว่าเพราะถูกนักล่าอาณานิคมใดบงการข่มเหงหรือบังคับไม่ให้ประเทศไทยลงนามในแผนปฏิบัติการนั้น
แต่ภาคีสมาชิกที่เหลืออีก 5 ประเทศเขาไม่ได้ร่วมเบี้ยวด้วย เขาจึงลงนามในแผนปฏิบัติการและดำเนินการต่อไป ประเทศไทยเราจึงหลุดโลกและทำให้พรมแดนด้านเหนือไม่สามารถติดต่อไปมาหาสู่ค้าขายได้ตามเจตนารมณ์แห่งปฏิญญาซันย่า
อย่างนี้ถ้าไม่เรียกว่าทรยศชาติหรือขายชาติแล้ว จะให้เรียกว่าอะไร!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี