จนถึงบัดนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวัน ไม่มีทีท่าว่าจะลดต่ำจากหลักสามพันสี่พัน ลงมาสู่พันสองพันหรือในความฝันคือหลักร้อย หลักสิบ และเป็นศูนย์ เราฟังศบค.รายงานทุกวัน จนเรื่อง “ไม่ธรรมดา” กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ทว่า สิ่งที่ ศบค. ไม่ได้รายงานอันที่จริงควรต้องรายงาน คือ จำนวนเตียงว่างที่แทบจะไม่เหลือ วิกฤติห้องไอซียู ห้องว่างในฮอสพิเทล และโรงพยาบาลสนามนั้น ล้วนอยู่ในสภาพ “ไม่ว่าง”
นั่นหมายความว่า ใครติดเชื้อในเวลานี้ แค่จะไปตรวจ ยังหาที่ตรวจยากเลย จะไปโรงพยาบาล ก็ต้องรอ รอทั้งรถที่จะมารับ และรอให้มี “เตียงว่าง” นี่คือ “วิกฤติ” ของจริงครับ จึงอย่าได้แปลกใจ ที่มีเสียงเรียกร้อง ทั้งจากหมอและจากประชาชนจำนวนไม่น้อย ให้ “ปิดกรุงเทพฯ”
บ่ายๆ ของวันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน 2564
1-- มีข้อเสนอให้ “ล็อกดาวน์ กรุงเทพฯ” เพราะสถานการณ์ในโรงพยาบาลต่างๆ เริ่มวิกฤติ เตียงเต็มไอซียูแน่น เครื่องมือขาด เจ้าหน้าที่ล้า และเริ่มติดเชื้อด้วย นายกฯ ในฐานะ ผอ. ศบค. เรียกประชุมคณะแพทย์ และผู้เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุป สรุปว่า ไม่ล็อกดาวน์ แต่ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า จะจัดการกับสถานการณ์ดังต่อไปนี้
2-- เรื่องแรก จะบริหารจัดการวัคซีน มีการจัดหาเพิ่มเติมและเตรียมแผนในการฉีดให้ตรงกับเป้าหมายตามสถานการณ์ในปัจจุบัน “...วันนี้ตนขอยืนยันว่าในช่วง 2 เดือน คือ ก.ค.ถึงเดือนส.ค. ฉีดให้กับเป้าหมายแรกของเราคือ ผู้สูงอายุ และ 7 กลุ่มโรคตามเป้าหมายเดิมให้ครบทั้งหมดทุกคนจะได้สบายใจ โดยจากผู้เสียชีวิตในขณะนี้ คือ ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เราต้องลดการสูญเสียตรงนี้ให้ได้ อีกส่วนหนึ่งคือกลุ่มเป้าหมายต่างๆ จะทยอยดำเนินการ”
3--ในเรื่องของคนไข้หนัก นายกฯบอกว่า“...วันนี้ผมได้สั่งการไปยังกระทรวงสาธารณสุขและ กทม. จัดหาเตียงเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้ได้ประมาณ 100 เตียงแล้วโดยจะทำในลักษณะเป็นห้องไอซียู ซึ่งขณะนี้มีคนทำแล้ว โดยมีการค้นคว้าวิจัย และให้กระทรวงสาธารณสุขของบประมาณเพิ่มเติมขึ้นมา อีกทั้งขณะนี้ มีการบริจาคบ้างแล้ว สิ่งสำคัญต้องไปเชื่อมโยงกับระบบโรงพยาบาลด้วย ต้องหาสถานที่ที่เหมาะสม สิ่งสำคัญในเรื่องการขาดบุคลากรทางการแพทย์ วันนี้ได้มีการหารือเพื่อปรับและโยกมาที่กรุงเทพฯ ซึ่งทางแพทยสภาและราชวิทยาลัยฯ ซึ่งมีแพทย์ปีสุดท้ายที่กำลังจะจบใหม่เข้ามาช่วยตรงนี้ด้วย ส่วนเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ รัฐบาลยินดีสนับสนุนหากขาดแคลนตรงไหนเสนอเข้ามา”
4-- เรื่องที่ 2 ที่มีการพูดคุยกันในที่ประชุมคือ สถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบัน “...ซึ่งจากการรับฟังผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมดมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในแคมป์คนงานต่างๆ วันนี้จึงมีข้อตกลงใจจากข้อมูลหลายฝ่ายที่เสนอเข้ามา ว่าจะต้องดำเนินการปิดแคมป์เหล่านี้ เพื่อระงับการแพร่ระบาด และกระทรวงแรงงานจะเข้าไปดูแลค่าใช้จ่ายในระหว่างที่ปิดแคมป์เป็นเวลา 1 เดือนในเบื้องต้น โดยจะดูแลว่า จะอยู่อย่างไร ซึ่งทุกคนจะต้องอยู่ในพื้นที่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นแรงงานคนไทยหรือแรงงานต่างด้าว เราต้องควบคุมตรงนี้ให้ได้ เพราะเป็นคลัสเตอร์ อีกส่วนหนึ่งคือโครงการของรัฐในเรื่องของการจ้างงาน ได้สั่งการว่าให้หยุดชั่วคราวไปก่อน 1 เดือน ซึ่งจะมีการยืดระยะเวลาให้ภายหลัง...”
5--เมื่อถามว่า ภายใต้มาตรการที่จะเริ่มใช้ควบคุมการแพร่ระบาดโควิดนี้ จะมีการตรวจหาเชื้อแบบปูพรมในพื้นที่ ที่จะประกาศหรือไม่อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญสุดเราต้องไล่ฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด โดยจะต้องจัดสรรวัคซีนให้เพิ่มขึ้น ประเด็นคือกันไม่ให้การติดเชื้อเพิ่มขึ้น คนฉีดจะลดการติดเชื้อได้มาก คนที่เป็นอยู่แล้วก็ถูกตรวจสอบคัดกรองในกลุ่ม เพราะการตรวจทั้งหมด บางทีก็คือปัญหาไม่ค่อยได้ประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ได้เหมือนกันแต่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเท่าไหร่
6-- นายกฯ บอกว่า “...ตอนนี้ที่จะปิดแน่ๆ คือ แคมป์คนงาน เพราะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ทราบได้แล้ว ว่า มาจากแหล่งนี้เป็นจำนวนมาก จะปิดลักษณะอย่างนี้ โดยมาตรการนี้จะใช้ระยะเวลา 1 เดือน อดทนหน่อย ส่วนการบับเบิ้ลแอนด์ซีลก็ทำกันอยู่แล้ว โดยโรงงานอุตสาหกรรมต้องทำของตัวเอง ตรงนั้นจะปิดมากไม่ได้ แต่ที่จะปิดคือแคมป์คนงาน เพราะคนที่อยู่ตรงนี้ สามารถไปนั่นไปนี่ได้ รวมถึงคนเข้าไปค้าขายส่งอาหาร แล้วก็ติดกันเองอยู่อย่างนี้ฉะนั้น ต้องหยุดตรงนี้ให้ได้ ในส่วนของโรงงานยังคงประกอบการได้ แต่เขาต้องบับเบิ้ลแอนด์ซีล ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ 4 จังหวัดภาคใต้ ส่วนการเดินทางยังไม่ได้จำกัดอะไร และพื้นที่ของแต่ละจังหวัดเขาก็มีมาตรการอยู่แล้ว มาจากพื้นที่ตรงไหนก็แล้วแต่ ถ้าไปเข้าพื้นที่เขาก็จะให้อยู่ในบ้าน โดยมี อสม.ดูแลอยู่ ให้อยู่ในบ้าน ห้ามออกจากบ้าน ก็แล้วจะกลับไปทำไม ยังไม่ถึงขั้นห้ามคนเดินทางเข้า-ออก เพียงแต่ขอร้องกันอย่าเพิ่งไปไหน เป็นการขอความร่วมมือ ส่วนคนที่ตกงานรัฐบาลก็ดูแลอยู่แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นเมื่อตกงานก็กลับบ้านหมด ก็ไปติดที่บ้านอีก ฉะนั้นที่บ้านอสม. ก็ดูแล ดังนั้นกลับบ้านก็ใช่ว่าจะไปไหนมาไหนได้สะดวก แล้วจะไปทำไมก็อยู่ที่นี่อีก กระทรวงแรงงานก็ดูแลในจุดที่ปิด ส่วนร้านอาหารเขาก็ดูแลกันอยู่แล้ว จ่ายเงินบ้าง ช่วยจ่ายครึ่งหนึ่งบ้าง...”
7-- “...ผมรู้ว่าทุกคนเดือดร้อน ผมเองก็เดือดร้อนเดือดร้อนใจยิ่งกว่าท่านอีก เพราะผมเป็นผู้รับผิดชอบใช่หรือไม่และหมอที่ยืนข้างๆ ผมก็มาจากโรงพยาบาลหลักทั้งนั้น เป็นคณบดีทั้งนั้น ไม่เชื่อนายกฯก็เชื่อหมอแล้วกัน”
ทันทีที่ได้ยินถ้อยแถลงข้างต้น พร้อมกับบอกว่า“สรุปแล้วรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจเลยสักเรื่อง ผมให้เกียรติกับคณะหมอ สาธารณสุข แม้จะมีความจำเป็นด้านเศรษฐกิจอยู่ แต่วันนี้สาธารณสุขต้องมีบทบาทนำ ขณะเดียวกันเราก็ต้องทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าด้วยความปลอดภัย ถ้าเน้นข้างใดข้างหนึ่งอาจจะลำบากได้ เราจึงต้องพิจารณาตามความเหมาะสม โดยทั้งหมดที่พิจารณาวันนี้ จะออกเป็นมาตรการภายในสัปดาห์นี้ วันจันทร์ที่ 28 มิ.ย.นี้ จะเริ่มปฏิบัติ ขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งในเรื่องการเดินทางไป-มาน้อยลง โดยเฉพาะสถานที่ที่มีการสุ่มเสี่ยง” นายกฯกล่าว
หลายคนยกมือขึ้นทาบอก อุทานว่า “ฉิบหายแล้ว” ประกาศปิดแคมป์ก่อสร้างล่วงหน้า แต่มาตรการจะออกมาวันหลัง!!
เฟซบุ๊คเพจ “หมอแล็บแพนด้า” ของ ทนพ.ภาคภูมิเดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง แคปหน้าจอลูกเพจที่ออกมาแจ้งข่าว ระบุว่า “แจ้งข่าวค่ะหมอแล็บ แคมป์คนงานก่อสร้างจะถูกปิด หลังจากปิดแล้วคนงานจะแห่กลับบ้านต่างจังหวัดกันค่ะ ที่ตึกหนูพักเริ่มเก็บของออกไปตั้งแต่ 6 โมงเย็นแล้วค่ะ หลังจากนี้หมอและพยาบาลจะเหนื่อยมากกว่าเดิมแน่เลยค่ะ”
ขณะที่ความเห็นชาวเนตสะท้อนออกมาดังนี้ “แถวบ้านถึงบ้านเเล้วค่ะ มาจากเเคมป์คนงานทั้งนั้น จากติดวันละ 1 คน หรือบางวันเป็น 0 ตอนนี้พุ่งไปเลข 2 หลักแล้ว”,“ไปตั้งแต่เมื่อคืน นี่รอบเก็บตก รถรับจ้าง นายหน้าพาข้ามแดนรวย” “ความหวังอยู่ที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. สแกนคนต่างพื้นที่เข้าหมู่บ้าน ต้องออกกฎข้อปฏิบัติอย่างชัดเจนและเข้มแข็ง เช่น การกักตัว หากมีอาการเสี่ยงต้องเข้ารับการตรวจโควิดไม่ปล่อยให้บานปลาย เป็นกำลังใจให้ทุกคน”
“นึกภาพตามนะ บ้านพักร้อนๆ มีรอบด้านเป็นสังกะสี อากาศร้อนๆ ต้องนอนทุกคืนเพื่อทำงานแลกเงินรายวัน พอปิดไม่มีงาน จะให้เขาขุดสังกะสีมากินหรอหรือหวังให้เช่าคอนโดอยู่ .... ทุเรศมากที่เอารูปเขามาลงแล้วปัดความรับผิดชอบให้เป็นปัจเจกอีกแล้ว สิ่งที่คุณควรเรียกร้องคือการจัดการของรัฐบาล จะเยียวยาคนกลุ่มนี้อย่างไร ให้อยู่ในพื้นที่ควบคุมต่อ ให้อยู่ได้ มีเงินชดเชย ไม่ใช่มาโทษคนไม่มีอันจะกินให้กลับบ้าน ขอละ”
“เรื่องนี้ผมไม่กล้าโทษคนงานเลยครับ ลองนึกว่าเราอยู่ในสถานการณ์นั้น จะอยู่ยังไง กินอะไร ให้นายจ้างเป็นคนจัดหาอาหารส่ง เกิดนายจ้างไม่ได้มีศักยภาพพอจะทำให้ได้ล่ะ ค่าชดเชยก็ยังไม่ชัด รมว.แรงงานบอกต้องเสนอ ศบค. อนุมัติก่อน - คำถามคือเมื่อไหร่? ถ้าผมเป็นเค้าผมก็ไม่ยอมเสี่ยงอยู่ในเพิงสังกะสีโดยที่ไม่รู้ชะตากรรมหรอก ประกาศใครๆ ก็ทำได้ แต่มาตรการรองรับยังไม่มีซักอย่าง แล้วประกาศมาทำไม”
เฟซบุ๊ค “ทินกร อ่อนประทุม” โพสต์ข้อความว่า ข้อคิดเรื่องปิดแคมป์คนงาน_ในฐานะอดีตวิศวกรโครงการของบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง คือ ในแคมป์หนึ่งๆ มันไม่ได้มีแค่คนงานของบริษัทหลักที่มีรายชื่อในระบบฝ่ายบุคคลนะครับ ยังมีการกันห้องไว้ให้กับคนงานของ ผู้รับเหมาย่อย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีชื่อในสารบบ ดังนั้นการเยียวยา และการควบคุม ต้องให้ถึงกลุ่มนี้ด้วย แล้วยังมีญาติ พ่อแม่ลูกหลานจากต่างจังหวัดมาเยี่ยมมาอาศัยอยู่ด้วยก็จะถือโอกาสกลับบ้านกันช่วงนี้ ไม่แพ้ช่วงเทศกาล (บางทีกลุ่มนี้เป็นสัดส่วนที่สูงด้วย) ไม่คัดค้าน แค่อยากให้คิดให้ครบครับ แต่จะว่าไป ท่าน รมว. ก็เป็นเจ้าของบริษัทรับเหมายักษ์ใหญ่ ก็น่าจะทราบดี
นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ผอ.ศบค. ประกาศเตรียมปิดแคมป์คนงานก่อสร้างในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑลและ 4 จังหวัดภาคใต้ เป็นเวลา1 เดือน ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายนนี้ว่า พลเอกประยุทธ์มีความเข้าใจการบริหารภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินบ้างหรือไม่ การออกมาประกาศในลักษณะนี้ มีแต่สร้างความเดือดร้อนให้ภาคแรงงานหาเช้ากินค่ำ กระตุ้นให้ประชาชนเร่งเดินทางกลับภูมิลำเนาหนีการโดนกักตัว
นายชนินทร์ เสนอว่า การประกาศปิดแคมป์คนงานเพื่อควบคุมการระบาด ต้องประกาศแบบบังคับใช้ทันทีโดยมีแผนการรองรับที่ชัดเจน ได้แก่
1.รัฐบาลต้องออกคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานทันที และต้องดูแลประคองชีวิตทุกด้านอย่างครบถ้วน
2. รัฐบาลต้องพิจารณาปิดบริการขนส่งมวลชนเป็นการชั่วคราวประกอบกันในช่วงสั้นๆ เพื่อป้องกันการเดินทางกลับภูมิลำเนาในทันที และเพิ่มโทษเอาผิดกับเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการที่ทำหน้าที่ควบคุมจุดตรวจในการดูแลประตูไปสู่จังหวัดต่างๆ
3.กรมควบคุมโรคต้องเข้าปิดพื้นที่ตามแนวทาง bubble and seal แล้วปูพรมตรวจคัดกรองทุกแคมป์ เพื่อแยกผู้ติดเชื้อไปสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลสนามทันที
4.ผู้ที่ตรวจแล้วมีผลไม่ติดเชื้อ และไม่มีอาการป่วย ควรได้วัคซีนโควิด-19 ทันที โดยยังต้องกักตัวในแคมป์แยกสัดส่วน และต้องตรวจผลซ้ำอีก 1 ครั้งหลัง 7 วัน
5.หากพื้นที่ใดสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จะต้องเปิดการทำงานในพื้นที่กลับมาทันที ไม่ต้องรอถึง 1 เดือน เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบมากเกินกว่าเหตุ แต่ยังคงห้ามแรงงานเดินทางออกนอกพื้นที่
“ปรากฏการณ์ผึ้งแตกรัง เกิดขึ้นหลายครั้ง พลเอกประยุทธ์ นอกจากจะควบคุมการระบาดไม่ได้ ยังทำตัวเป็นภาระ ออกคำสั่งให้เกิดการกระจายตัวของผู้มีความเสี่ยง หนำซ้ำการแถลงข่าววานนี้ยังแสดงออกแบบไร้ภาวะผู้นำ ไม่สำนึกรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิตจากโควิดที่เพิ่มขึ้นทุกวันเลย” นายชนินทร์ กล่าว
ขณะที่ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า เสนอความเห็นว่า นายฯกตัดสินใจถูกต้อง “ไม่ปิดกรุงเทพฯ” ผมอยากให้ ศบค.จัดระบบแรงงานต่างด้าว ไม่เอาผิดนายจ้างลูกจ้าง ตรวจเชิงรุก-รักษาฟรี จ่ายยาทันที กักตัวที่พัก จัดระบบส่งอาหารน้ำ ย้ำถ้าดูแลดี ป้องกันเคลื่อนย้ายออกต่างจังหวัดได้ พรรคกล้าพร้อมเป็นอาสาช่วยทุกอย่าง
“แรงงานต่างด้าว” มีระเบียบราชการหลายขั้นตอนกำกับอยู่ การทำผิดกติกาผิดกฎหมายยังมีอยู่มาก เมื่อเจ็บป่วย ก็เกิดการปิดบังข้อมูลที่แท้จริง จึงอยากให้พักการดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวทั้งนายจ้างและลูกจ้างไปก่อน แล้วเร่งจัดระบบลงทะเบียนออนไลน์แรงงานต่างด้าวที่เจ็บป่วย จำกัดพื้นที่ให้กักตัวเองในที่พัก ส่งอาหาร และยาต้านไวรัสทันที เชื่อว่าถ้าแรงงานมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลที่ดี จะป้องกันการเคลื่อนย้ายออกต่างจังหวัดได้ด้วย
สถานการณ์ตอนนี้หมอไม่พอ เตียงไม่มี จำเป็นต้องใช้วิธีการกักแยกตัวเองในที่พัก (self-isolate) ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้ผลในหลายประเทศ และย้ำนะครับว่า ต้องจ่ายยาทันทีเมื่อพบเชื้อ เพราะขณะนี้กว่าจะได้ยา ต้องเสียเวลาเข้าระบบนานมาก กระทรวงแรงงาน และ กทม. ต้องร่วมมือกันการแจกอาหารน้ำดื่ม สำนักงานเขตสามารถรวมจุด มีอาสาสมัครอสส. และจิตอาสาพร้อมช่วยเหลือเต็มที่ พรรคกล้าเราก็พร้อมเป็นอาสาช่วยท่าน พร้อมสู้ภัยโควิดนี้ด้วยกัน
สองเดือนที่เราทำโครงการ “กล้าหาเตียง” และพบว่าสัปดาห์นี้บีบหัวใจที่สุด หาเตียงยากกว่าช่วงต้นเดือนมาก ยอดผู้ป่วยสะสมมาถึงจุดที่รัฐรับได้ไม่หมด ต้องเลือกเฉพาะเคสหนัก และเมื่อไม่รับผู้ป่วยมารักษา มากักตัว เขาเหล่านั้นก็ใช้ชีวิตปะปนกับคนทั่วไป เช้า-เย็นยังต้องไปตลาดซื้อของมาทำกิน โรงพยาบาลเอกชนหลายที่ไม่รับตรวจ เพราะไม่มีเตียงให้ ไม่มีหมอพอ ก่อน ศบค. จะออกมาตรการบังคับในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ โปรดพิจารณาขอเสนอนี้ด้วยอาสาสมัครของพรรคกล้าพร้อมสนับสนุนทุกทาง
หวังว่าข้อวิจารณ์และข้อเสนอทั้งหลายที่หยิบยกมา จะทำให้นายกฯ หาทาง “อุดช่องโหว่” ได้ทัน และให้การช่วยเหลือได้ครอบคลุมด้วยเถิด สาธุ!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี