•ความตาย ในทัศนะของศาสนา และทางวิทยาศาสตร์
1.ศาสนาที่เชื่อในพระเจ้า : ศาสนาคริสต์
เป็นเรื่องของความเชื่อและศรัทธาในพระเจ้า“พระเจ้าเป็นผู้สร้างมนุษย์ และสรรพสิ่ง ฯลฯ”
กล่าวโดยทั่วไปว่า พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
๑.วิญญาณ ๒.จิตใจ ๓.ร่างกาย
จึงกล่าวได้ว่า สามส่วนนี้ : จะทำให้มนุษย์มีชีวิตอยู่ได้อย่างปกติในโลกนี้ 1 ธส.5:23
อะไรตาย? อะไรยังเหลืออยู่?
พระคัมภีร์กล่าวถึงความตายว่าอย่างไร ?
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ชี้ให้เห็นถึง ความตาย 3 อย่างด้วยกัน
๑.การตายฝ่ายวิญญาณ (ตายเพราะการล่วงละเมิด และการบาป) อ.ฟ. 2 :1
คือ การที่วิญญาณได้ถูกแยกออกจากพระเจ้าผู้เป็นแหล่งชีวิต ยน. 1:4
๒.การตายฝ่ายร่างกาย ฮบ. 2 : 14
เป็นผลเนื่องมาจาก : ความผิดบาปของมนุษย์
เราสร้างเจ้าจากดิน เจ้าเป็นผงคลีดิน และจะต้องกลับเป็นผงคลีดินดังเดิม “ใน ปฐก. 12:7”
เมื่อผงคลีกลับเป็นดินอย่างเดิม และจิตวิญญาณกลับสู่พระเจ้าผู้ประทานให้มานั้น”
๓.การตายครั้งที่ 2 วิวรณ์ 21: 4
คือวิญญาณจิตถูกแยกจากพระเจ้าตลอดเป็นนิตย์ เป็นความตายที่น่าสะพรึงกลัว และมีอันตรายอย่างยิ่ง นั่นคือนรกนั่นเอง
คนบาป ไม่เชื่อในพระเจ้า ฯลฯ แต่ละอย่างมีความหมายอย่างเดียวกัน คือ การแยกออก หรือย้ายที่อยู่ของวิญญาณและความรู้สึกนึกคิด (จิต)
• 2.ศาสนาพุทธ
การตายอย่างพุทธ
ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน โดยแท้จริง
พระพุทธองค์ทรงสอนให้เรามองว่า
ความตายนั้นเป็นธรรมชาติอันเป็นธรรมดา
• อภิณหปัจจเวกขณปาฐะ
(หันทะ มะยัง อะภิณหะปัจจะเวกขะณะปาฐัง ภะณามะ เส)
เรามีความแก่เป็นธรรมดาจะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้
เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาจะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้
เรามีความตายเป็นธรรมดาจะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้
เราจะละเว้นเป็นต่างๆ, คือว่าเราจะต้องพลัดพรากจากของรักของเจริญใจทั้งหลายทั้งปวง
เรามีกรรมเป็นของตน, มีกรรมเป็นผู้ให้ผล,เป็นแดนเกิด, เป็นผู้ติดตาม, เป็นที่พึ่งอาศัย
เราทำกรรมอันใดไว้, เป็นบุญหรือเป็นบาป,เราจะเป็นทายาท,
คือว่าเราจะต้องได้รับผลของกรรมนั้นๆ สืบไป
เอวัง อัมเหหิ อะภิณหัง ปัจจะเวกขิตัพพัง
เราทั้งหลายควรพิจารณาอย่างนี้ทุกวันๆเถิด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย.......
ภิกษุเหล่านี้เรากล่าวว่า เป็นผู้ไม่ประมาท
เจริญมรณัสสติ เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายช้า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้ เรากล่าวว่าเป็นผู้ไม่ประมาท
ย่อมเจริญมรณัสสติ เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายแรงกล้า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
เราทั้งหลาย จักเป็นผู้ไม่ประมาท จักเจริญมรณัสสติ
เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายอย่างแรงกล้า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย พึงศึกษาอย่างนี้แลฯ
-ถ้าหากว่าเราละเลยมรณสติ พยายามหนีความตาย ปฏิเสธความตาย
เราก็จะถูกความตายคุกคามชีวิตและจิตใจความตายก็เป็นศัตรู
-แต่ถ้าระลึกความตายอยู่เสมอ เจริญมรณสติอยู่เป็นประจำ
จนกระทั่งคุ้นชินกับความตายที่จะเกิดขึ้นกับเราหรือกับคนที่เรารัก ความตายก็จะกลายเป็นมิตร กลายเป็นครู-อาจารย์ ที่จะเคี่ยวเข็ญเราให้ใช้เวลาทุกนาทีอย่างมีคุณค่า ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใกล้ธรรมะ หรือเข้าใกล้จุดมุ่งหมายสูงสุดในฐานะชาวพุทธที่แท้จริง
มรณสติ มี 2 ส่วนคือ
1.คือ การระลึกถึงความจริงว่า “เราต้องตายอย่างแน่นอน และตายได้ทุกโอกาสทุกเมื่อ”
2.คือ การถามตัวเองว่า “เราพร้อมตายหรือยัง?”, “เราทำความดีมาพอหรือยัง?”,
“เราทบทวนสิ่งที่ควรทำแล้วหรือยัง” เพื่อกระตุ้นให้เราขวนขวายทำความดี
ไม่ผัดผ่อนในการกระทำหน้าที่สำคัญ ไม่ว่ากับตนเอง ครอบครัว พ่อแม่ ลูกหลาน หรือ ส่วนรวม
ถ้าเราทำหน้าที่ทั้งภายนอกและภายใน เราก็พร้อมสำหรับการพลัดพราก
นั่นคือพร้อมจะไปอย่างสงบ และรู้ที่จะปล่อยวาง
•3.ทัศนทางวิทยาศาสตร์ (ตามความเข้าใจของข้าพเจ้า)
การเกิด แก่ เจ็บ ตาย : มีเหตุปัจจัย ที่เป็นจริง ที่ไม่มีใครกำหนด หรือฝ่าฝืนได้
องค์ประกอบของชีวิตมนุษย์ คือ
๑.กาย ๒.สมอง ๓.ใจ
การเกิด มาจากกระบวนการพัฒนา “องค์ประกอบทั้งสาม” ที่เริ่มเกิดจากไม่มีสู่มี จากเล็กไปสู่ใหญ่เป็นความสัมพันธ์เกี่ยวข้อง มีผลต่อกันและกัน มีปัจจัยและสภาพแวดล้อม เป็นตัวเสริม มีการเกิด พัฒนาและการเสื่อม จนถึงจุดหรือการดับ
การตาย (ขององค์ประกอบทั้งสาม) หรือการเสื่อมก็จะเกิดขึ้น ตลอดเวลา มีทั้งการพัฒนา เติบโตอย่างปกติ และไม่ปกติ (ร่างกาย สมอง ใจ : ไม่สมบูรณ์)
การดับ หรือ ความตายของมนุษย์
-หากเป็นไปตามธรรมชาติ หรือสภาพของแต่ละปัจเจก : ก็จะมีระยะเวลาของมัน
-หากเป็นอุบัติเหตุ หรือการมีโรคภัย : เวลาก็อาจจะสั้นลง
จะเริ่มจากบางส่วนขององค์ประกอบทั้งสาม ที่จะเสื่อมไป ตามกาลและสภาพของมัน
ส่วนที่ ๑ อาจจะดับไปก่อน ตามมาด้วยส่วนที่ ๒ และเมื่อส่วนที่ ๓ ดับลง
เมื่อนั้น การดับหรือการเสื่อมสูญไปของทั้งหมดหรือบางส่วนขององค์ประกอบ
ชีวิตนั้น ก็จะดับสูญหมดสิ้น และค่อยๆ เสื่อมสลายไป ไปสู่ธรรมชาติและที่มา
นี่คือ “ความตาย”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี