...“ท่านคะในวันที่คนตายจากโควิดเป็นนิวไฮท์ ผู้ใหญ่ไปภูเก็ตกันหมดไม่มีใครอยู่กรุงเทพฯ เลย” เสียงแว้ดของนักข่าวสาวตะโกนใส่นายกรัฐมนตรีเล็ดลอดออกมาจากจอทีวี ฟังแล้วไม่รู้ว่าเธอสอนนายกฯ ตำหนินายกฯ หรือตั้งคำถาม
แต่จากสำเนียงเสียงเข้มของเธอทำให้เรารู้ทันทีว่านักข่าวคนนี้มีทัศนคติมีสติปัญญาอย่างไร เธออาจไม่เข้าใจถึงจิตวิทยาทางสังคม ว่าเหตุผลที่นายกฯนำคณะวีไอพีไปต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยตัวเองนั้น เพราะรัฐบาลต้องแสดงออกถึงความมั่นใจและให้ความสำคัญต่อนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่มาเยือนเมืองไทยหลังจากเงียบหายไปเกือบสองปี
การที่นายกฯต้องเดินทางไปรับนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกเป็นสัญญาณสำคัญของการทดลองเปิดรับนักท่องเที่ยวในโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์นั้นว่ามันสำคัญอย่างไร ภูเก็ตเป็นไข่มุกแห่งอันดามัน เคยเป็นแดนสวรรค์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกซึ่งทำรายได้ให้กับประเทศไทย
ในช่วงเวลาสิบปีก่อนหน้าจะเกิดโควิดระบาด ถึงปีละสามล้านล้านบาท จากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เที่ยวเยือนภูเก็ตถึงปีละกว่า 14 ล้านคน
แต่หลังจากโควิดโจมตีสองปีที่ผ่านมาสถิติของนักท่องเที่ยวมาเยือนไข่มุกอันดามันนั้นกลายเป็นศูนย์ทำให้เดือดร้อนกันทั่วหน้าตั้งแต่พ่อค้าแม่ขาย แม่ค้าขายผลไม้คนขับแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ คนขับเรือ จนไปถึงพนักงานโรงแรม เจ้าของโรงแรม สายการบินและอาชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว
เมื่อรัฐบาลได้ปรึกษาหารือกับการท่องเที่ยว กับกระทรวงสาธารณสุข กับคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานมั่นคงตลอดถึงทุกฝ่ายและชาวบ้านทั่วไป จึงได้มีโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ขึ้น โครงการนี้ไม่ได้ทำขึ้นมาลอยๆ แต่ได้ผ่านศึกษามาอย่างรอบคอบ ดังนั้นเมื่อวันเปิดทดลองให้นักท่องเที่ยวเข้ามา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต้องไปภูเก็ตเพื่อให้นักท่องเที่ยวอบอุ่นใจมั่นใจ ตลอดถึงให้ความมั่นใจแก่ผู้ประกอบการและชาวบ้านทั่วๆ ไป
และการที่นายกรัฐมนตรีนำคณะวีไอพีลงไปในพื้นที่ที่ทดลองรับนักท่องเที่ยวนั้น ไม่ได้หมายความว่าการดูแลรักษาคนป่วยด้วยโรคโควิด-19 ต้องชะงักลง แพทย์พยาบาลยังคงให้การรักษาคนป่วยตามปกติการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดก็ยังดำเนินการไปอย่างต่อเนื่องหมอพยาบาลทำงานกันอย่างไม่มีเวลาพักไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยไม่ได้หยุดทำงานวันที่นายกฯ ไม่อยู่เมืองหลวง
ก่อนวันที่นายกฯ และคณะลงไปภูเก็ต ตัวเลขการฉีดวัคซีนให้ประชาชนอยู่ที่ประมาณเก้าล้านหกแสนกว่าโดส แต่วันที่นายกฯ ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงทางกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยตัวเลขว่าการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเกินหลักสิบล้านล้านโดสไปแล้ว และในวันที่นายกฯ กับคณะลงไปภูเก็ตผู้เขียนได้รับโทรศัพท์จากสถาบันโรคทรวงอก ว่าการนัดหมายฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มที่สองให้ผมและภรรยาเลื่อนขึ้นมาเร็วกว่าที่นัดหมายไว้ก่อนหน้าหนึ่งเดือน คือเลื่อนจากวันที่ 28 กันยายน มาเป็นวันที่31 สิงหาคม นี้ เป็นเครื่องยืนยันว่านายกฯ จะอยู่ในกรุงเทพฯหรือไม่การดูแลรักษาการแก้ปัญหาโควิดยังดำเนินต่อไปไม่ได้ติดขัดอะไรเลย
ดังนั้นสังคมไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อมวลชนต้องเข้าใจและแยกแยะให้ได้ ว่าการบริหารงานการปฏิบัติหน้าที่นั้นได้แบ่งแยกหน้าที่กันทำตามหลักสากล เราทุกคนไม่ควรตำหนินักการเมือง ตำหนิ สส. ว่ามัวแต่ประชุมสภา มัวแก้ รธน.พูดกันแต่เรื่องงบประมาณไม่เห็นหัวชาวบ้านที่กำลังต่อสู้อยู่กับโรคโควิด...ทุกคนต้องเข้าใจให้ได้ว่ายิ่ง สส.พูดเรื่องโควิดมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้สังคมสับสนมากเท่านั้น
ต้องเข้าใจให้ได้ว่านายกฯ จะอยู่เมืองหลวงหรือไม่หรือนายกฯเกิดอาการป่วยไข้ก็ไม่ได้ทำให้การรักษาเยียวยาโควิด-19 ต้องชะงักไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อมวลชนและผู้สื่อข่าวต้องเข้าใจให้มากกว่าชาวบ้านทั่วไปจะได้ไม่ทำเสียงแว้ดใส่นายกฯ ว่า “ท่านคะในวันที่มีคนตายเป็นนิวไฮท์ผู้ใหญ่ไปภูเก็ตกันหมดไม่มีใครอยู่กรุงเทพฯ เลย...”
นักข่าวคนที่ถามเหมือนสอนหรือตำหนินายกฯคงไม่เข้าใจลึกซึ้งถึงโครงการทดลองรับนักท่องเที่ยวที่เรียกว่า “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ถ้าไม่ลึกซึ้งว่าแซนด์บ็อกซ์คืออะไร ให้นึกกระบะทรายแมว หรือกล่องใส่ทรายที่ทาสแมวทั้งหลายเตรียมให้แมวขับถ่ายในบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้แมวเที่ยวขับถ่ายเรี่ยราดหรือป้องกันให้กลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่ในแวดวงจำกัด
สำหรับคำว่าแซนด์บ็อกซ์นั้นผู้ที่เคยอาศัยอยู่ประเทศตะวันตก ยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา คนที่ไปศึกษาไปทำงานหรือไปท่องเที่ยวในประเทศตะวันตกนานๆจะเข้าใจดีว่า “แซนด์บ็อกซ์นั้นเป็นกระบะทรายที่สร้างไว้ให้เด็กเล่น เช่น ปั้นปราสาท ปั้นรูปสัตว์ รูปบ้าน หรือเล่นอะไรก็แล้วแต่เมื่อล้มลงบนทรายจะรองรับกระแทกได้และทรายไม่กระเด็นออกมาเลอะเทอะทั่วไป หรืออีกตัวอย่างคือกระบะทรายที่เขาใช้แข่งกีฬากระโดดไกลทรายจะรับแรงกระแทกได้มิให้นักกีฬาเกิดอาการบาดเจ็บหรือถ้าบาดเจ็บก็ไม่ถึงขั้นเป็นอันตราย
สรุปง่ายๆ คือแซนด์บ็อกซ์ป้องกันแรงกระแทกไม่ให้บาดเจ็บมากเกินไปหรือไม่ให้พื้นที่เลอะเทอะได้กระจายออกไปในวงกว้าง ดังนั้นเมื่อใช้คำว่าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เป็นโครงการทดลองต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ภูเก็ต คือทดลองว่ามันได้ผลหรือไม่ ถ้าได้ผลก็จะขยายวงรับนักท่องเที่ยวออกไปในแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ และค่อยๆ ขยายวงกว้างออกไป แต่ถ้ามันเป็นอันตรายหรือนักท่องเที่ยวนำเชื้อโรคมาแพร่ระบาดก็ยกเลิกไปและหามาตรการใหม่รองรับเพื่อให้ความเสียหายได้อยู่ในพื้นที่จำกัด
และการทดลองรับนักท่องเที่ยวในโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์นั้นได้เตรียมมาตรการป้องกันเชื้อโรคระบาดกระจายไว้อย่างรอบคอบ กล่าวคือนักท่องเที่ยวที่มาร่วมโครงการต้องผ่านการฉีดวัคซีนกันโควิดครบสองโดส ต้องมีการตรวจโรคและมีใบรับรองแพทย์มาจากประเทศต้นทาง เมื่อมาถึงพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ต้องมีการวัดไข้สวมใส่หน้ากากอนามัย นักท่องเที่ยวเดินทางไปได้ในพื้นที่ที่กำหนดให้เท่านั้นและต้องอยู่ในภูเก็ตอย่างน้อย 14 วัน หลังจากนั้นจะพิจารณาให้ขยายพื้นที่เป็นรายๆ ไป
ดังนั้นจึงเน้นว่าถ้าเกิดอันตรายก็อยู่แวดวงจำกัดเหมือนกระบะทรายที่ให้เด็กเล่น กระบะทรายแมวที่มันกลบของถ่ายอย่างดีถ้ามีกลิ่นไม่พึงประสงค์ก็อยู่ในแวดวงจำกัด หรือกระบะทรายที่ใช้รองรับนักกีฬากระโดดไกลถึงนักกีฬาได้รับบาดเจ็บก็ไม่ถึงขั้นอันตราย
อาจารย์ภัทร เหมสัก นักวิชาการอิสระได้อธิบายคำว่า “แซนด์บ็อกซ์” ไว้บนเฟซบุ๊คว่า กล่องทราย นั่นคือพื้นที่จำกัดให้เล่นอะไรสักอย่างในกล่องนั้นไม่เลอะเทอะออกมานอกกล่อง ถ้าคนที่เคยใช้ชีวิตในต่างประเทศมาบ้างจะคุ้นตากับสนามเด็กเล่นที่มีพื้นที่เป็นทรายอยู่ส่วนหนึ่งให้เด็กมาเล่นก่อปราสาททรายหรือเล่นอะไรที่ไม่เลอะเทอะออกมาในพื้นที่ส่วนอื่น คือจะเล่นให้เละอย่างไรสนามเด็กเล่นส่วนอื่นก็ไม่สกปรกเละไปด้วย นั่นคือพื้นที่ “แซนด์บ็อกซ์” ที่สร้างเอาไว้ให้เด็กเล่นกันแบบตามสบาย
นั่นคือกฎเกณฑ์ของสังคมที่อยู่ร่วมกันที่แยกพื้นที่ยกเว้นเอาไว้ให้กับเด็กอีกกลุ่มหนึ่ง แต่สำหรับงานทดลองทางวิศวกรรม การแพทย์ เศรษฐศาสตร์ การเมืองการปกครอง ฯลฯ ก็มีแซนด์บ็อกซ์เป็นของตัวเองเพื่อใช้ทดลองวัดผลโดยที่สังคมหรือระบบส่วนใหญ่ไม่โดนกระทบกระเทือนไปด้วยกับการทดลองอันนั้น ถ้ามันพังก็พังในพื้นที่จำกัด แต่ถ้าสำเร็จไปได้ดีตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ก็เปิดแซนด์บ็อกซ์ให้สิ่งที่ทดลองในระบบปิดนั้นไหลเข้าไปในระบบใหญ่หรือพื้นที่ทั้งหมด
ตัวอย่างเช่น สมมุติว่า ผมเป็นโปรแกมเมอร์ของธนาคารอะไรสักแห่ง ผมต้องการทดลองแอปพลิเคชั่นตัวใหม่ของระบบตู้ ATM ผมคงไม่เอาระบบตัวใหม่เข้าไปในทุกตู้ทั่วประเทศในครั้งเดียว แต่จะเอาเข้าไปทดลองใช้สักสองสามตู้สักสัปดาห์หนึ่งดูว่ามันทำงานได้ราบรื่นไหม ถ้ามันจะล้มเหลวก็เจ๊งไปสองสามตู้ที่ทดลองใช้ อีกหลายพันตู้ในระบบทั่วประเทศก็ไม่ได้พังไปด้วย สองสามตู้นั้นคือ แซนด์บ็อกซ์ของแอปพลิเคชั่นใหม่ของธนาคารนั้น
ถ้าผมต้องการทดสอบไลน์การผลิตของโรงงานอะไรสักโรงงานหนึ่ง ผมจะเอาวิธีการผลิตแบบใหม่เข้าทดสอบแบบไม่ต้องเกี่ยวข้องอะไรกับไลน์การผลิตจริงในเวลานั้น ถ้ามันสำเร็จตามที่คิดไว้ ก็นำไปใช้ได้ในระบบการผลิตใหญ่ทั้งโรงงาน แต่ถ้ามันไปไม่ไหว มีปัญหาต้องแก้ไข ก็ทำในไลน์การผลิตสมมุตินั้นจนมันทำงานได้จริงแล้วค่อยเอาไปใช้ ดังนั้นโรงงานทั้งโรงงานก็ไม่ต้องหยุดหรือมีปัญหากับการทดสอบอันนั้น นั่นคือ แซนด์บ็อกซ์ ของการผลิตสินค้าของโรงงานนั้น
ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรีต้องการทดสอบว่าการกระจายอำนาจบริหารออกไปยังท้องถิ่นอะไรสักอย่าง ผมคงไม่สั่งให้ทำทั้งประเทศในครั้งเดียวโดยไม่มีการวัดผลก่อนว่าใช้ได้ไหม แต่ผมจะให้ทดลองในพื้นที่ตำบลอะไรสักที่ ให้ อบต.ใช้การกระจายอำนาจการตัดสินใจในพื้นที่ตัวเองแล้ววัดผลดูว่าไปรอดไหม ถ้าไปได้ดีก็ค่อยกระจายอำนาจนั้นไปทุกตำบลถ้าไปไม่รอดก็ไม่พังไปทั้งประเทศ การทดสอบการกระจายอำนาจในตำบลนั้นนั่นคือแซนด์บ็อกซ์ทางรัฐศาสตร์
เรื่องนี้เคยมีมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 แล้ว ที่ทดสอบการกระจายอำนาจการบริหารของพื้นที่ในปี พ.ศ. 2440 โดยพระองค์ทรงให้ตำบลท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร เป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย เมื่อได้รับความสำเร็จตามที่วางแผนเอาไว้ก็มีการกระจายอำนาจนั้นไปยังสุขาภิบาลตั้งใหม่ทั่วประเทศ นั่นคือตำบลท่าฉลอมคือแซนด์บ็อกซ์ของพระองค์ที่ใช้ทดลอง
ถ้าผมต้องการทำวัคซีนอะไรสักตัว ผมก็คงไม่ให้คนทั้งประเทศฉีดเลยหลังจากทดลองกับสัตว์แล้วหรอกครับ แต่จะทดลองกับคนกลุ่มเล็กๆ ก่อนว่าปลอดภัยในระดับหนึ่งและสามารถป้องกันโรคได้แบบมีนัยที่วัดค่าได้ทางคลินิกได้จริง และยังต้องทดสอบอีกมากมายหลายปีจนมั่นใจได้ว่าวัคซีนนั้นดีจริง ผลิตได้จำนวนมากแบบไม่มีปัญหาในการผลิตจริง คนกลุ่มนั้นคือแซนด์บ็อกซ์ของการทดลองใช้วัคซีนตัวนั้นที่ไม่มีผลกระทบกับสุขภาพของคนทั้งประเทศ
ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ก็เช่นกัน ถ้าเราจะปิดประเทศไม่รับนักท่องเที่ยวแบบนี้เราอยู่ได้ไม่นานหรอกครับ ปีกว่าที่เราหยุดการท่องเที่ยวไปเดือดร้อนกันตั้งแต่แม่ค้าผลไม้รถเข็น คนขับแท็กซี่ คนขับเรือ ยันเจ้าของโรงแรมลามไปถึงสายการบินที่เจ๊งกันไปทั้งประเทศ การบินไทยยันสายการบินโลว์คอสต์ยังไปไม่รอดเลย ดังนั้นเราต้องมีการทดสอบอะไรสักอย่างหนึ่งว่าเราพร้อมจะรับมือกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวหรือไม่ กฎเกณฑ์การคัดกรองนักท่องเที่ยวใช้งานได้จริงหรือไม่ พื้นที่นั้นต้องมีคนฉีดวัคซีนในจำนวนที่มากพอตามเป้าของการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว และสามารถปิดพื้นที่ควบคุมโรคได้ถ้ามีอะไรผิดพลาดแบบคาดเดาไม่ถึง ประชากรในพื้นที่นั้นต้องเคยรับมือและอยู่รอดกับการระบาดในพื้นที่ในระดับคลัสเตอร์ใหญ่มาแล้ว
ดังนั้นจังหวัดภูเก็ตไข่มุกของอันดามันเป้าหมายอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวทั้งโลกจึงเป็นจังหวัดที่เหมาะที่สุดที่จะทำ “แซนด์บ็อกซ์” ของการท่องเที่ยวเป็นพื้นที่แรก ถ้าระบบการคัดกรองนักท่องเที่ยวไปได้ดี ไม่เอาโรคมาแพร่แบบควบคุมไม่ได้ ก็ขยายพื้นที่ไปยังเชียงใหม่ พัทยา สมุย พะงัน ฯลฯ จนสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ทั้งประเทศ ระบบเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจที่เป็นรายได้หลักของประเทศจากธุรกิจการท่องเที่ยวก็จะค่อยๆ กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ถ้าระบบใน “แซนด์บ็อกซ์” ของพื้นที่ภูเก็ตไปได้สวยและไม่สะดุดตัวลง
คราวนี้เข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าคำว่า “แซนด์บ็อกซ์”นั้นไม่ใช่เรื่องที่พูดแบบเลื่อนลอย แต่เป็นอะไรที่ต้องใช้ระบบความคิดทางวิชาการและการประเมินผลทางตัวเลขที่หนักพอสมควร อีกทั้งต้องมีระบบการประมวลผลและแก้ไขตัวเองอยู่ตลอดเวลาที่ใช้งานในแซนด์บ็อกซ์นั้นๆ และที่สำคัญคือถ้ามันจะพังก็พังเฉพาะในแซนด์บ็อกซ์เล็กๆ ไม่ใช่ฉุดเอาทั้งระบบใหญ่ทั้งระบบให้พังไปด้วย
เมื่อเข้าใจถึงความหมายของคำว่าแซนด์บ็อกซ์ที่นำมาใช้ ทุกคนต้องให้ความร่วมมือร่วมใจ ไม่เกิดประโยชน์กับการที่เอาแต่ตำหนิด่าว่าหรือ “มือไม่พายสามหาวเอาเท้าราน้ำ”
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี