นับแต่ คมช. ได้ยึดอำนาจมาจนถึงวันนี้ ต้องถือว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เข้าสู่วงจรแห่งอำนาจมาถึงบัดนี้เป็นเวลา 15 ปี โดยมีอำนาจสูงสุดนับตั้งแต่เป็นหัวหน้า คสช. มาจนถึงวันนี้รวม 7 ปี
เป็นเส้นทางเดินแห่งอำนาจที่มิได้เกิดจากเหตุบังเอิญ แต่ทุกจังหวะก้าวเมื่อร้อยเรียงมาจนถึงบัดนี้ก็กล่าวได้ว่ามีเส้นทางที่แน่นอนที่มีการกำหนดและวางแผนอย่างรอบคอบ และเดินทางได้อย่างต่อเนื่องราบรื่น
แต่เป็นธรรมชาติของสรรพสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืนเป็นอมตะนอกจากพระนิพพานซึ่งจะดำรงคงอยู่ไปตลอดกาลนาน ดังนั้นอำนาจเมื่อมีแล้วย่อมตั้งอยู่และ
พัฒนาไปและในที่สุดก็จะต้องถึงวันสิ้นสุดลงในสักวันหนึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุอายุขัยหรือปัจจัยอื่น ดังนั้นในวันนี้เมื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในวงอำนาจสูงสุดแล้ว จึงมีแต่วันเวลาที่จะหมดอำนาจลงในวันใดวันหนึ่งช้าหรือเร็วเท่านั้นและด้วยประการใดเท่านั้น
น่าเสียดายที่ 7 ปี หลังแห่งอำนาจที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอำนาจสูงสุดและรวมศูนย์อำนาจมากที่สุด แต่โอกาสในการปฏิรูปใหญ่ประเทศไทย โดยเฉพาะที่เป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้ประเทศและประชาชนตกอยู่ในท่ามกลางการทุจริต การฉ้อฉล การบิดเบือนการใช้อำนาจและการไม่นำพาต่อความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของราษฎรเป็นสิ่งที่ท้าทายต่อสัมผัสและความรู้สึกนึกคิดของประชาชน ทำให้โอกาสอันยอดเยี่ยมของชีวิตคนคนหนึ่งผ่านไปอย่างน่าเสียดาย
นับตั้งแต่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 และการจัดวางกระบวนการต่างๆ ก็มีการกล่าวหาจากทั่วหล้าว่ามีแผนการที่จะสืบทอดอำนาจ โดยมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นพยานหลักฐาน
ยิ่งประสบกับเหตุการณ์วิกฤติโคบ้าจึงทำให้สถานการณ์ทุกด้านรุมเร้าพุ่งตรงไปยังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แรงกดดันสำคัญที่จะมีผลต่อการอยู่หรือไม่ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะนี้สามารถประมวลได้ดังต่อไปนี้
ประการแรก ความเชื่อมั่นของประชาชนตกต่ำถึงขีดสุดจากผลโพลล์ของสื่อยักษ์ของประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับนับถือยิ่งกว่าโพลล์ทั้งหลาย เพราะจัดทำขึ้นจาก
ผู้ลงมติกว่าแสนคน ระบุชัดว่าความเชื่อมั่นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เหลือเพียง 12.8% เท่านั้น ซึ่งไม่เคยตกต่ำถึงขนาดนี้มาก่อน อันแสดงว่าความศรัทธาเชื่อมั่นที่เคยมีมาแต่อดีตไม่สามารถครองใจคนได้อีกแล้ว โดยเฉพาะพวกที่ไม่เชื่อมั่นนั้นไม่ได้นั่งนอนอยู่เฉยๆ แต่ก่อการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ มากหลายเพื่อขับไล่ออกจากอำนาจ
โบราณท่านได้เตือนไว้ว่าการครองเมืองนั้นต้องครองใจคนเมื่อครองใจคนไม่ได้ ฐานแห่งอำนาจก็ว่างเปล่า
ประการที่สอง บรรดาการปฏิรูปทั้งหลายที่คนทั้งปวงเห็นว่าเป็นปัญหาของชาติและก่อให้เกิดความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของประชาชน ไม่ว่าระบบราชการต่างๆ การปกครองทั้งในส่วนกลางและในส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น รวมทั้งรัฐวิสาหกิจ มิได้มีการดำเนินการใดๆ มิหนำซ้ำยังมีข่าวคราวอยู่เสมอถึงการนำทรัพย์สมบัติของชาติทั้งที่เป็นทรัพย์สิน สิทธิ และรัฐวิสาหกิจ ได้ถูกเปิดโอกาสให้บรรดาทุนใหญ่ทุนชาติเข้ามายึดครอง และสร้างความเดือดร้อนทุกข์เข็ญให้กับอาณาประชาราษฎรทุกหย่อมหญ้า ทำให้บรรดาผู้ที่มุ่งหวังให้เกิดการปฏิรูปและเคยสนับสนุนมาแต่ก่อนต้องถอนตัวเป็นทิวแถว หากเป็นต้นไม้ก้าน กิ่ง ใบ และรากก็ถูกลิดรอนหลุดร่วงไปเกือบหมดแล้ว เหลือแต่กลุ่ม IO จัดตั้งที่ไร้ราคามิหนำซ้ำยังเห่าหอนไล่กัดผู้ที่มีความเห็นต่างสร้างศัตรูขึ้นอย่างมากหลาย ถึงขั้นยั่วยุท้าทายประชาชนให้เห็นเป็นที่ประจักษ์
ประการที่สาม การปฏิรูปทางเศรษฐกิจและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย เพราะบรรดาผู้ที่มีอำนาจเกี่ยวข้องที่ถูกจัดวางลงไปมีลักษณะผิดฝาผิดตัวหรือมีลักษณะให้ช่างทำรองเท้าไปทำฟัน จึงไม่เพียงแต่ไม่สามารถปฏิรูปได้สำเร็จ กลับทำให้เกิดความเสียหายดังตัวอย่างรัฐวิสาหกิจทั้งหมดมีผลขาดทุนจนต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลายในบางแห่งและตกอยู่ในสภาพถูกจับจ้องที่จะฉวยซื้อไปในราคาต่ำเพื่อแสวงหาประโยชน์
ที่สำคัญคือการปฏิรูปลัทธิประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขถูกทอดทิ้งและมีเหตุการณ์บั่นทอนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ โดยผู้เกี่ยวข้องมิได้ปกป้องหรือพิทักษ์ตามอำนาจหน้าที่ที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ จึงทำให้ผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันมีความแคลงใจสงสัย จึงทำให้ฐานแห่งอำนาจที่สำคัญสลายไป
ประการที่สี่ การบริหารราชการแผ่นดินได้เกิดปรากฏการณ์โกงทั้งแผ่นดิน กินทุกโครงการ โดยผู้คนที่เกี่ยวข้องลอยนวลหรือได้รับการปกป้องหรือมีการบิดเบือนทำให้อำนาจแห่งความยุติธรรมไม่สามารถชำระล้างความสกปรกเหล่านั้นได้ จึงเกิดกระแสต่อต้านขึ้นอย่างกว้างขวาง
ประการที่ห้า ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาโคบ้า ที่มีการรวบอำนาจรวมศูนย์ต่อเนื่องยาวนานถึง 17 เดือนแล้ว และยังจะต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินปกติฟั่นเฟือนไป ทำให้ข้าราชการกว่า 3 ล้านคน ต้องรอคอยการบริหารสั่งการจากกระทรวงซึ่งรัฐมนตรีไม่มีอำนาจตามปกติในขณะที่ ศบค. ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจภายใต้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ปฏิบัติงานแค่จัดการประชุมและมติต่างๆ โดยห่างไกลจากความเป็นจริง กระทั่งเกิดความสับสนอลหม่านและปรากฏผลชัดเจนว่าล้มเหลวในการแก้ปัญหาโคบ้า มีการแพร่ระบาดมากขึ้น มีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น
ประชาชนไม่สามารถรับการตรวจหาเชื้อได้ทันเวลาไม่สามารถได้รับการรักษาได้ตามเวลา ทำให้ผู้ป่วยปะปนอยู่ในสังคมและแพร่ระบาดต่อไปอย่างกว้างขวาง และทำให้ผู้ป่วยสะสมเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างน่าตกใจ คือมีจำนวนร่วม 3 เท่าของผู้ป่วยสะสมในประเทศจีน
ปรากฏการณ์ที่มีผู้ไปนอนข้างถนนให้เห็นกลาดเกลื่อนอยู่เสมอเพื่อรอรับการตรวจและปรากฏการณ์ที่ผู้ป่วยไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้ ต้องยกพวกกันไปกักตัวกันเองบนท้องถนนก็ดี ตามวัดวาหรือสถานที่ต่างๆ ก็ดี เป็นสภาพที่น่าอเนจอนาถที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ซึ่งถึงวันนี้ก็ไม่มีการแก้ไข
ประการที่หก ความขัดแย้งทางการเมืองที่ทำให้บรรดาพรรคการเมืองฝ่ายค้านรวมตัวกันแล้วประสานกับประชาชนเพื่อดำเนินการตามวิถีทางการเมืองในการขับไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งใหม่มีน้ำหนัก เพราะเดินคู่ไปกับข้อเรียกร้องของประชาชนโดยทั่วไป
สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลนั้นได้ผ่านบรรยากาศฮันนีมูนมานานแล้ว การทะเลาะเบาะแว้งแย่งชิงได้เปิดเผยออกสู่ภายนอกอย่างกว้างขวาง ทำให้ฐานอำนาจทางการเมืองในสภาเปราะบางอย่างยิ่ง
ในขณะที่ผู้เดือดร้อนเสียหายจากมาตรการต่างๆ กำลังรวมตัวกันฟ้องคดี ซึ่งพอจะคาดหมายได้ว่าจะมีคดีฟ้องร้องกันนับไม่ถ้วน และทำให้รัฐเสี่ยงต่อความเสียหายที่จะถูกเรียกร้องหลายล้านๆ บาท
การประท้วงและเรียกร้องของบรรดากลุ่มอาชีพต่างๆ ที่ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ยาวนานถึง 17 เดือน กำลังขยายตัวไปทั่วประเทศ และกำลังเข้าร่วมขบวนการขับไล่
ในขณะที่ภาคประชาชนก็ก่อตัวองค์กรนำขึ้นหลายองค์กรในชื่อต่างๆ กัน สามารถรวมศูนย์การเคลื่อนไหวที่มีข้อเรียกร้องต่างกันเหลือเพียงประการเดียวเท่านั้นคือให้
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก จึงทำให้เกิดการรวมพลังมวลชนครั้งใหม่และมีรูปแบบการเคลื่อนไหวหลากหลาย ที่อาจจะไม่เหมือนที่เคยปรากฏในอดีตอีกแล้ว
ด้วยหกประการนี้เมื่อรวมกันแล้วจึงกลายเป็นแรงกดดันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้เข้าสู่วงจรแห่งอำนาจ และถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นวี่แววใดว่าบรรดาปัญหาทั้งหลายจะได้รับการแก้ไขเพื่อรับมือกับแรงกดดันทั้งหลายเหล่านี้
โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนสถานะรับเป็นรุก การเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา และการครองใจผู้คนให้ร่วมด้วยช่วยกัน ก็ยังไม่เห็นวี่แววเลย และถ้าเป็นเช่นนี้อาการทรุดหนักก็จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงจุดหนึ่งความเปลี่ยนแปลงก็อาจเกิดขึ้นในพริบตาหรือชั่วสายฟ้าแลบเท่านั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี