ไม่ใช่ครั้งแรก ที่กลุ่มคนผู้ที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย แสดงพฤติกรรมอวดเก่ง อวดรู้ มั่นใจเกินเบอร์ คิดว่าสิ่งที่ตนเองรู้นั้นคือความจริงที่แสนฉลาด ส่วนคนที่คิดเห็นต่างจากตนเองนั้น คือพวกโง่เง่าเต่าตุ่น พวกไดโนเสาร์ พวกสลิ่ม พวกที่อยู่ในกะลา
บางคน ถึงขนาดยกหางตัวเอง เที่ยวประกาศจะไป “เบิกเนตร” คนอื่น
สุดท้าย ไม่รู้กี่ครั้ง ไม่รู้กี่เรื่อง ปรากฏว่า ไอ้ที่ตนเองอวดรู้นั้นคือ เฟคนิวส์บ้าง ข่าวบิดเบือนบ้าง
ไอ้ที่ว่า “เบิกเนตร” มันจึงกลายเป็น “แหกตา” ไปซะนี่
วันนี้ ขออนุญาตนำเอาประเด็นที่เพจดัง The METTAD ได้รวบรวมเอาไว้
ว่าด้วยเรื่อง “รวมเฟคนิวส์ ที่ “เพชร กรุณพล” ใช้เบิกเนตร “น็อต” เพื่อนรัก”
เนื้อหาน่าสนใจ เป็นการสรุปข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริง ประเด็นที่ฝ่ายที่มุ่งด้อยค่าโจมตีวัคซีนที่ประเทศไทยมีใช้อยู่ ไม่ยอมรับรู้ ไม่ยอมเอ่ยถึง หรือรับรู้ผิดๆ บิดๆ เบี้ยวๆ นำมาปลุกปั่นด้อยค่าวัคซีนที่ใช้ในไทย
โดยสรุป ดังนี้
....
1. ความจริง - ต่างประเทศก็มีเคสฉีดวัคซีนแล้วตาย ไม่ว่าจะไฟเซอร์ หรือ โมเดอร์นา แต่ไม่ใช่ทุกเคสที่มาจากวัคซีน อาจจะเพราะโรคประจำตัวต่างๆ ไม่แตกต่างกับที่ไทย ยกตัวอย่าง
กรณีคนไทยในสหรัฐ ฉีดไฟเซอร์เข็ม 2 เสียชีวิต
กรณีเด็ก 13 ปี ดับหลับไม่ตื่น หลังฉีดวัคซีน “Pfizer” เข็มที่สอง 3 วัน
กรณีญี่ปุ่นตาย 196 คน หลังฉีดวัคซีนโควิด ครอบครัววอน“คืนความจริง”
กรณีนอร์เวย์ตายหลังฉีดวัคซีนโควิดพุ่ง 29 ศพ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ
2. ประเด็นกล่าวหาว่าทำไมไม่ให้เอกชนซื้อวัคซีน?
ความจริง ไม่ใช่แค่รัฐบาลที่พูด แต่เป็นบริษัทไฟเซอร์ และ โมเดอร์นา ที่แถลงการณ์ยืนยันว่า ดีลผ่านรัฐเท่านั้น ไม่ผ่านคนกลาง หรือ เอกชนใดๆ
ย้อนอ่านข่าว - Pfizer ชี้แจง ไม่ได้ขายวัคซีน 20 ล้านโดสให้เอกชนนำเข้ามาไทย ย้ำเจรจากับรัฐเท่านั้น
-โมเดอร์นา ร่อนประกาศ ซื้อผ่านรัฐเท่านั้น ตามเงื่อนไขบริษัทอยู่ระหว่างคุย อภ.
3. อ้างว่า mRNA เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามานานแล้ว
ความจริง ใช่ mRNA เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามานานแล้ว
แต่วัคซีน mRNA ยังไม่เคยมีตัวไหนผ่านการทดสอบเฟส 4 และถ้าหาข่าวอ่านดีๆ จะเข้าใจว่า WHO อนุมัติให้ใช้เป็นการฉุกเฉินครั้งแรก เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ในวิกฤติโควิด
วัคซีนไฟเซอร์เป็นวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ คือเทคโนโลยี RNA (อาร์เอ็นเอ) ซึ่งผลิตจากชิ้นส่วนสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัส และที่ผ่านมาไม่เคยมีวัคซีนอาร์เอ็นเอที่ได้การรับรองให้ใช้ในคนมาก่อน ด้วยเหตุนี้ วัคซีนของไฟเซอร์ร่วมกับไบออนเทค จึงเป็นวัคซีนอาร์เอ็นเอชนิดแรกที่นำมาใช้กับคนในการป้องกันเชื้อโควิด-19
4. อ้างว่า วัคซีนเชื้อตายปลอดภัย แต่ป้องกันไม่ได้
ความจริง วัคซีนเชื้อตาย (ซิโนแวค) ปลอดภัย และกระตุ้นภูมิได้ แม้จะน้อยกว่า mRNA แต่ก็ยังป้องกันอาการหนักได้จริง และ WHO ก็รับรองแล้วว่าเป็นวัคซีนที่ปลอดภัย ใช้งานได้
มีกรณีคนฉีดวัคซีนซิโนแวคครบโดสแล้วมากมาย ที่รอดตายเพราะประสิทธิภาพของวัคซีน (จำนวนหนึ่งป่วย แต่อาการไม่หนัก) ขณะที่คนไม่ฉีดจำนวนมากป่วยหนัก หรือเสียชีวิต
5. หาว่าไทยกีดกันการนำเข้าวัคซีนยี่ห้ออื่นๆ
ความจริง ประเทศไทยไม่เคยปิดโอกาสการนำเข้าวัคซีน เพราะหลังจากดีล AZ เรียบร้อย ก็มีการเจรจากับโมเดอร์นา และ ไฟเซอร์ ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยทางโมเดอร์นา จะมีวัคซีนให้ปลายปี ส่วนไฟเซอร์ที่มีข้อจำกัดในการจัดเก็บ ทางผู้ผลิตยืนยันว่าจะปรับปรุงวัคซีนให้เก็บรักษาง่ายขึ้น จนปลายเดือนเมษายน ไทยจึงเริ่มเจรจาจองวัคซีน 20 ล้านโดส
ถ้าลองย้อนดูข่าว เช่น
24 เม.ย.2564 ผอ.วัคซีน แจง ไทยเจรจากับไฟเซอร์มานานแล้ว ชี้ ไทยได้วัคซีนไทม์ไลน์เดิม แต่ราคาถูกลง
ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ แจงข้อเท็จจริงเรื่องการซื้อวัคซีนไฟเซอร์ “ที่ไม่ได้จัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ก่อนหน้านี้ เพราะต้องจัดเก็บในอุณหภูมิลบ 70 องศาเซลเซียส และหาเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส จะเก็บได้เพียง 5 วันเท่านั้น จึงไม่สะดวกกับประเทศไทยในการจัดเก็บและขนส่ง เพราะมีสถานที่จัดเก็บในอุณหภูมิลบ 70 องศาเซลเซียส จำนวนน้อย แต่ด้วยการปรับปรุงวัคซีนให้สามารถจัดเก็บได้สะดวกขึ้น รวมถึงขยายช่วงอายุผู้ที่สามารถรับวัคซีนได้ไปในกลุ่มเด็กเล็ก ตั้งแต่ 16 ปี และอีกไม่นานจะทำให้ใช้ได้ในเด็กอายุ 12 อีกทั้งไฟเซอร์ได้มีการขยายกำลังการผลิต จึงทำให้รัฐบาลไทยสนใจ และได้เชิญผู้แทนของไฟเซอร์ในประเทศไทยเข้าหารือเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งผมร่วมเป็นประธานในครั้งแรก และได้ดำเนินการสั่งจองพร้อมเข้าสู่การพิจารณาร่างเอกสารต่างๆ เพื่อให้สามารถส่งมอบวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด”
6. โจมตีว่าทำไมไม่เอาเงินทุ่มซื้อวัคซีน?
ความจริง งบประมาณมี แต่ไม่ใช่แค่ไทย ทุกๆประเทศ พร้อมจ่ายแน่ ถ้ามีของให้ทันที แต่ตอนนี้ Demand มันเกิน Supply ทำให้ของมันไม่พอ
ย้อนดูข่าวต่างประเทศจะเห็น เช่น
- เกาหลีใต้บรรลุข้อตกลง ขอวัคซีนต้านโควิด “ไฟเซอร์” จำนวน 700,000 โดสของอิสราเอลซึ่งกำลังจะหมดอายุ มาใช้ก่อน เพื่อเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศ แล้วจะนำวัคซีนจำนวนเท่ากันที่รัฐบาลกรุงโซลจะสั่งซื้อมาในอนาคต ส่งคืนให้อิสราเอลภายในเดือนกันยายน
- ไฟเซอร์งานเข้า! ยุโรปเตรียมฟ้อง หลังผิดสัญญาส่งมอบวัคซีนโควิด
7. หาว่ารัฐบาลให้คนไทยเสี่ยง ใช้วัคซีนซิโนแวคที่ยังไม่ผ่านการรับรอง
ความจริง วัคซีนหลายชนิด ถูกนำมาใช้ก่อน WHO รับรองด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็น AZ Moderna Sinophram หรือแม้แต่ วัคซีน Sputnik V ที่อวยกันนักกันหนา ตอนนี้ยังไม่ผ่านการรับรองจาก WHO อ้อ Novavax ก็ยังนะ แต่เริ่มอวยว่าหมอบุญจะนำเข้ากันแล้ว ไม่กลัวบ้างเหรอ
1) ไฟเซอร์- ไบออนเทค (Pfizer-BioNTech) อนุมัติวันที่ 31 ธ.ค. 2563
2) แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) อนุมัติวันที่ 15 ก.พ. 2564
3) วัคซีนโควิชิลด์ (Covishield) ซึ่งเป็นวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตในอินเดีย อนุมัติวันที่ 15 ก.พ. 2564
4) จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson) อนุมัติวันที่ 12 มี.ค. 2564
5) โมเดอร์นา (Moderna) อนุมัติวันที่ 30 เม.ย. 2564
6) “ซิโนฟาร์ม” (Sinopharm) อนุมัติวันที่ 7 พ.ค. 2564
7) “ซิโนแวค” (Sinovac) อนุมัติวันที่ 1 มิ.ย. 2564
8. อ้างว่า จีนหันไปพัฒนา mRNA แทนเชื้อตายแล้ว
ความจริง ที่จีนคุมโควิดอยู่ ก็ด้วยวัคซีนเชื้อตายเป็นหลัก ประกอบมาตรการทางสังคม
ส่วนที่จีนกำลังพัฒนา mRNA ไทยก็กำลังพัฒนาเช่นกัน และน่าจะเสร็จก่อน นั่นคือ ChulaCov ที่เริ่มทำการทดลองในกลุ่มอาสาสมัครไปแล้ว ผลออกมาใช้ได้ดี เก็บได้ง่าย น่าจะเป็นอีกวัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยในปีหน้า
9. มั่วว่า ในจีนไม่ได้ใช้ซิโนแวค
ความจริง จีนใช้ทั้ง Sinovac และ Sinopharm ทำไมไม่ใช้กูเกิ้ล และทั้ง 2 ตัว คือวัคซีนเชื้อตายเหมือนกัน
“สำหรับวัคซีนหลักๆ ที่รัฐบาลจัดฉีดฟรีให้กับประชาชนในจีน คือซิโนฟาร์ม และ ซิโนแวค จากจำนวน 300 กว่าล้านโดสที่ฉีดไปแล้ว ก็จะแบ่งเป็น ซิโนฟาร์ม 200 กว่าล้านโดส และซิโนแวค 100 กว่าล้านโดส”
สุดท้าย The METTAD ย้ำว่า “ข้อมูลเหล่านี้ ถ้าหาจริงๆ ก็ไม่ได้ยากเลิกหมกแต่ในทวิตเตอร์ หันมากูเกิ้ลเยอะๆ รีบทำความเข้าใจ แล้วเบิกเนตรซะจะได้ไม่เอาเฟคนิวส์ไปโม้ใส่เพื่อน แล้วจะมาเขินภายหลัง ว่าที่โม้เหม็นไปเป็นชุด คือเฟคนิวส์ ล้วนๆ The METTAD ห่วงใย”
ช่างแสบสัน แต่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จริงๆ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี