วันนี้ทุกคนประจักษ์แล้วว่าสังคมไทยกำลังตกอยู่ในห้วงเวลาวิกฤติ ส่วนจะวิกฤติมากไปกว่านี้หรือไม่ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องตามดูต่อไป ส่วนคนที่ตายไปเพราะโรคโควิด-19 หรือตายเพราะเหตุใดก็ตาม ก็คงไม่ต้องรับรู้เรื่องใดๆ อีกต่อไป
วิกฤติประการหนึ่งที่คนไทยทุกคนต้องรับรู้ร่วมกันเป็นอย่างดีในขณะนี้ คือวิกฤติเศรษฐกิจ และวิกฤติสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีวิกฤติที่เกิดกับจิตใจและอารมณ์พร้อมๆ กันไปด้วย หลายคนติดเชื้อโควิด-19 จนแสดงอาการป่วย แต่ไม่มีโรงพยาบาลแห่งใดรับเข้ารักษา บางครอบครัวสมาชิกทั้งบ้านตายเพราะโรคโควิด-19 แต่บางครอบครัวพ่อแม่ตายเพราะโควิด-19 เหลือเพียงลูกที่อายุยังน้อย หลายครอบครัวสมาชิกตกงานทั้งหมด เพราะไร้งานทำ เนื่องจากพิษโควิด-19 แล้วยังมีอีกสารพัดปัญหาอันมีต้นเหตุมาจากโควิด-19
ปัญหาด้านเศรษฐกิจที่เห็นได้ชัดคือ ในเดือนมิถุนายน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ในปี 2564 อยู่ที่ระดับร้อยละ 43.1 ถือว่าต่ำสุด
ในประวัติการณ์นับจากเริ่มมีการสำรวจดัชนี้ตัวนี้เมื่อเดือนตุลาคม 2541 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี อยู่ที่ระดับ 80.3 (อ้างอิงจากผลวิจัยของธนาคารกรุงศรีอยุธยา)โดยมีสาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อในแต่ละวันสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้แตะหลักหมื่นคนต่อวัน และยังคงพบการแพร่ระบาดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ในกลุ่มผู้ใช้แรงงานภาคอุตสาหกรรมเป็นประจำในแต่ละวัน ประกอบกับความกังวลเรื่องความล่าช้าของการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีผลอ้างอิงใดๆ จากการวิจัยของธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือจากสำนักวิจัยเศรษฐกิจใดๆ มาประกอบก็ตาม คนไทยจำนวนไม่น้อยก็มีความคิดเห็นตรงกันว่าเศรษฐกิจของประเทศไม่ดีอย่างมาก เพราะเมื่อวัดจากรายได้ของตนเอง ก็สามารถพบข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ได้อย่างชัดเจน อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้นคือ เพราะหลายคนตกงาน หลายคนขายของได้น้อยลง และพบด้วยว่าห้างร้านต่างๆโดยเฉพาะห้างขนาดใหญ่ต่างพร้อมใจประกาศลดราคาสินค้า เพื่อหวังดึงดูดเงินที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดจากกระเป๋าของลูกค้าให้ได้
ไม่มีใครรู้ชัดเจนว่า รัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาวิกฤตินี้ให้จบสิ้นลงได้ในวันใด แล้วก็ไม่มีใครกล้ายืนยันว่าจะไม่มีเหตุวิกฤติที่หนักหน่วงยิ่งกว่านี้เกิดขึ้นตามมาอีกหรือไม่แต่สิ่งที่ทุกคนรับรู้ตรงกันคือ ปัจจุบันรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อมรณะตัวนี้ได้ แล้วก็รับรู้เหมือนๆกันทุกคนว่า รัฐบาลไม่สามารถหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาฉีดให้ประชาชนที่จำเป็นต้องได้รับภายในเวลาที่เร่งด่วนและวิกฤติเช่นนี้
ทุกวันนี้ เราไม่เคยได้ยินเสียงพูดของรัฐบาลที่แสดงความมั่นใจว่าจะเอาชนะวิกฤติโควิด-19 ได้อีกเลย ซึ่งต่างไปจากเมื่อปีที่แล้วซึ่งรัฐบาลเคยประกาศด้วยลำพองประมาณว่ารัฐบาลสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อตัวนี้ในประเทศได้ดีจนติดลำดับต้นๆ ของโลก
มีคำถามทิ้งท้ายว่า เมื่อรัฐบาลล้มเหลวกับการแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ รัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไรจะอยู่ต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับความวิบัติของประเทศ หรือจะอยู่ต่อเพื่อแก้วิกฤติให้ลุล่วงไป ประเด็นสำคัญอยู่ที่ หากรัฐบาลอยู่ต่อ แล้วแก้ปัญหาไม่ได้ จะอยู่ไปเพื่ออะไร หรืออยู่เพื่อประจานความล้มเหลวของตัวเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี