น่าประหลาดใจที่ระยะนี้มีข่าวคนเคยเป็นคนเด่นคนดังแต่ระยะหลังกลายเป็นดาวดับและผู้ที่ต่อต้านสถาบันต่อต้านรัฐบาล ผู้ที่ยกย่องวัคซีนจากสหรัฐอเมริกา ด้อยค่าวัคซีนจากจีน ปรากฏเป็นข่าวติดโควิดถี่ขึ้นมากหลังจากฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว
แต่หลังจากเป็นข่าวติดเชื้อโควิดไม่นานปรากฏว่าคนเหล่านั้นไม่มีอาการใดๆ และต่อมาอีกสองสามวันก็หายราวกับได้ยาเทวดา
คนเหล่านี้อาจสร้างกระแสติดโควิดเพื่อให้ติดปากคนเรียกความสนใจกลับคืนมา แต่ที่สังคมสงสัยใครบางคนว่าสร้างกระแสติดเชื้อโควิดขึ้นมาเพื่อด้อยค่าวัคซีนโควิดที่ผลิตจากประเทศจีน เพราะผู้ที่มีข่าวว่าติดโควิดบางรายยกย่องวัคซีนป้องกันโควิดที่ผลิตจากสหรัฐอเมริกาแต่กลับด้อยค่าวัคซีนป้องกันโควิดที่ผลิตจากประเทศจีน
ในบรรดาดาวเด่นและดาวดับที่มีข่าวติดเชื้อโควิดถี่ๆ ระยะนี้อาทิ นายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยฮีโร่โอลิมปิก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำเสื้อแดง ผัวเมียนักแสดงตลกที่สาปแช่งลุงป้อมให้ตายแทนน้าค่อม ชวนชื่น สส. พรรคก้าวไกลผู้ฝักใฝ่วัคซีนจากอเมริกา และล่าสุดมีข่าวพระนักเทศน์ตลกชอบออกทีวีก็ติดโควิดกับเขาด้วยแล้ว
ดาวดังและดาวดับที่มีข่าวติดเชื้อโควิดกันถี่ๆในระยะนี้ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ยกย่องวัคซีนที่ผลิตจากสหรัฐอเมริกาแต่กลับด้อยค่าวัคซีนจากประเทศจีน ทุกคนมักโพนทะนาว่าฉีดวัคซีนมาสองเข็มแล้วแต่ยังติดเชื้อโควิดได้ ราวกับบอกว่าวัคซีนที่ฉีดมาไม่มีประสิทธิภาพ เท่ากับวัคซีนจากอเมริกาที่พวกเขาเรียกหา
กรณีนายสมรักษ์ คำสิงห์ นั่นเข้าใจได้ว่าไม่มีวาระซ่อนเร้นอะไร นายสมรักษ์ไม่ได้ต่อต้านรัฐบาลและต่อต้านวัคซีนจากจีน แต่ที่มีข่าวออกมาเมื่อวันที่ 3 ก.ค. ว่าติดโควิด แต่สามวันหลังจากนั้นก็ออกข่าวว่าสบายใจได้ไปตรวจใหม่ไม่พบเชื้อโควิดคือผลติดลบ “ทุกคนที่คบหากับผมสบายใจได้ผลตรวจล่าสุดผลออกมาติดลบ ทุกอย่างมันผิดพลาดกันได้..” นั้นหมายความว่าสมรักษ์พูดเป็นนัยว่างานแสดงที่เงียบหายไปให้ติดต่อกลับมาได้
แต่สำหรับผู้ที่ออกข่าวว่าตัวเองติดโควิด-19ทั้งๆ ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดมาแล้วสองเข็ม นอกจากสมรักษ์ คำสิงห์ แล้ว ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ฝักใฝ่ฝ่ายค้านต่อต้านรัฐบาล ต่อต้านสถาบันที่สำคัญเป็นฝ่ายที่ยกย่องวัคซีนจากอเมริกาและด้อยค่าวัคซีนจีน จึงทำให้สังคมอดสงสัยไม่ได้ว่าคนเหล่านี้ติดเชื้อโควิดจริงหรือติดเชื้อโควิดทิพย์ ถ้าติดโควิดจริงสังคมได้แต่สมเพชเวทนาเพราะว่าคนเหล่านั้นประมาทไม่ปฏิบัติตามความเคยชินใหม่ (new normal) ที่ทำให้คนไทยปลอดภัยจากไวรัสโควิด ไม่ให้ติดเชื้อกันได้ง่ายๆ นั้นคือใส่หน้ากากอนามัย ทิ้งระยะห่าง ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ทุกครั้งที่สัมผัสสิ่งแปลกปลอม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระมหาสมปอง เป็นพระนักพูดตลกโปกฮา เป็นพระประมาทไม่ลึกซึ้งในคำสอนที่ว่า “ความประมาทคือหนทางแห่งความตาย เป็นพระที่หิวแสงไม่ระวังตัว ไม่สำรวมกิริยาวาจา ชอบออกรายการทีวีที่มีคนสุมหัวอยู่มากมาย ชอบทำให้คนฟังอยู่รอบตัวหรือใกล้ตัวหัวเราะออกมา ช่วงวินาทีนั้นแหละเป็นโอกาสให้เชื้อโควิดแพร่กระจายได้
ในสตูดิโอทีวีมีคนหลากหลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อได้ง่าย เลยทำให้สงสัยว่าพระมหาสมปองอาจติดโควิดมาจากสถานีทีวีที่ไปแสดงตลกหยอกล้อกับพิธีกรและผู้ชม
หากพระมหาสมปองติดโควิดจริงไม่ได้ติดโควิดทิพย์นั่นแสดงว่าพระมหาสมปองวันๆ คิดแต่มุขตลก ไม่ได้สนใจธรรมะหรือหาความรู้ใส่ตัว
เพราะหมอและนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก WHO เตือนไว้แล้วว่าถึงฉีดวัคซีนครบโดสแล้วก็ติดเชื้อได้ถ้าไม่ระวังตัวไปในที่เสี่ยง
เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2564 ดร.สมยา สวามีนาธานหัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก ให้สัมภาษณ์ทีวี ยืนยัน ว่า “วัคซีนที่รับรองโดย WHO ทุกตัวสามารถป้องกันการป่วยหนัก และการเสียชีวิตจากโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ นอกจากนี้ หากดูที่ประสิทธิภาพของวัคซีนต่างๆ ในการป้องกัน อาจจะมีตั้งแต่ 70-90%แต่ถ้าดูการป้องกันการป่วยหนัก ทุกตัวนั้นดีมากทั้งหมด นั่นคือป้องกันได้มากกว่า 90%
เขาเน้นว่าป้องกันจากอาการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ ไม่ใช่ป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ 100% ถ้าเที่ยวร่านร่าตลกโปกฮาหยอกล้อกับพิธีกรดาราตามหน้ากล้องทีวีก็มีโอกาสติดเชื้อได้
ถ้าฟังนักวิทยาศาสตร์จากองค์การอนามัยโลกแล้วยังไม่เข้าใจก็ให้อ่านข้อความจากเฟซบุ๊คของ พญ.ลลิตาธีระสิริ ที่โพสต์ เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ว่า
....“วัคซีนจะเกิดผลป้องกันโควิดอย่างประสิทธิภาพต่อเมื่อ เกือบทุกคน หรือกว่า 60-70% ได้รับวัคซีน วัคซีนจะยี่ห้ออะไรก็เถอะ สังเกตไหมว่าเขาไม่ได้บอกว่าป้องกันได้ 100% มีแต่ 90 กว่า เรื่อยลงไปถึง 60 กว่า ดังนั้นใครฉีดแล้วก็ต้องระมัดระวังตัวทำตามกฎ สวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ล้างมือไม่เข้าไปในที่ชุมนุมชน อย่างสถานบันเทิง กองประกวดม็อบ ฯลฯ ไม่มั่วสุมกัน ในระดับชาวบ้านก็เถอะทุกวันนี้ เรายังคงต้องระวังตัว ไม่ประมาทคนคือคนมักจะลืมตัวกัน ถึงต้องมีมาตรการกึ่งล็อกดาวน์อย่างทุกวันนี้ไง ถ้าใครฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อเรื่องแบบนี้ในทางการแพทย์เกิดขึ้นได้ค่ะ
เพราะความไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ของวัคซีน ใครฉีดวัคซีนแล้วยังติด คือกลุ่มที่เปอร์เซ็นต์ 100 ลบด้วย 90 หรือ60 นั่นแหละค่ะ อย่าอ้างวัคซีนยี่ห้อไหน หรือเอาเรื่องนี้มาด้อยค่าวัคซีนยี่ห้อไหนวัคซีนทุกแบบเหมือนกันหมด เราต้องมีวินัยให้มาก ไม่ประมาทใครฉีดแล้วหรือยังไม่ได้ฉีดก็เหมือนกันจนกว่าจะถึงวันนั้นวันที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมคนทั้งหมด
เข้าใจแล้วใช่ไหมว่าวัคซีนจะป้องกันเชื้อโควิดได้ต่อเมื่อคนส่วนใหญ่ในสังคมได้รับวัคซีนกันเกือบทั้งหมดหรือครอบคลุมทั้งหมดแล้วถึงเวลานั้นเราจึงเรียกว่าป้องกันหมู่ได้
แต่ถึงวันนี้บ้านเราเพิ่งฉีดวัคซีนไปได้ประมาณ 13 ล้านโดส จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 100 ล้านโดส ประมาณ 70%ของประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว ชาวบ้านตาดำๆ ไม่มีอภิสิทธิ์เหมือนพิธีกร ดาราหรือพระนักเทศนาที่เรียกฮาตั้งแต่โผล่หน้ามาในทีวีแล้ว
หมอและนักวิทยาศาสตร์ของ WTO เขาจึงเตือนว่า ใครที่ฉีดแล้วก็ต้องระมัดระวังตัวทำตามกฎสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ล้างมือ ไม่เข้าไปในที่ชุมนุมชน อย่างสถานบันเทิง กองประกวด ฯลฯ แต่สถานที่ที่พระมหาสมปองเข้าไปอยู่นั้นล้วนแต่เป็นงานสัมมนาและสถานีทีวี
สถานีทีวีคือสถานบันเทิงรูปแบบหนึ่งซึ่งพระมหาสมปองย่อมรู้ดีกว่าใครเพราะเป็นผู้ให้ความบันเทิงตัวฉกรรจ์ ที่สำคัญพระมหาสมปองไปสร้างบันเทิงด้วยการตลกโปกฮาเสียเอง เมื่อมีข่าวพระมหาสมปองติดโควิดมาก็ทำให้สังคมสมเพชเวทนา
เอาละมาดู Timeline ที่พระมหาสมปองโพสต์ไว้แล้วนำไปพิจารณาว่าพระมหาสมปองติดโควิดมาจากไหนและทำไมจึงติด
12 ก.ค.2564 -เพจเฟซบุ๊ค fanpage พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต เปิดเผยไทม์ไลน์พระมหาสมปอง พระนักเทศน์ชื่อดัง วัดสร้อยทอง หลังจากทราบผลติดเชื้อโควิด ดังนี้
27 มิ.ย. เข้าตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อเป็นไปตามมาตรการ ก่อนเข้าอัดรายการ หลวงพี่ช่วยด้วย ให้ผลเป็นลบ (หลวงพี่ช่วยด้วย พระช่วยอะไร ช่วยให้คนหัวเราะเฮฮาแล้วน้ำลายกระเซ็นออกมาหรือ...ผู้เขียน)
28 มิ.ย. อยู่ที่วัดสร้อยทอง 29 มิ.ย. อยู่ที่วัดสร้อยทอง
30 มิ.ย. บรรยายผ่านระบบ Zoom ที่ ป.ป.ท.(ใส่แมสตลอด) (ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่พูดตลกโปกฮาหรือ...ผู้เขียน)
1 ก.ค. อัดรายการหลวงพี่ช่วยด้วย ที่สตูดิโอเวิร์คพอยท์ 2 ก.ค. อัดรายการโหนกระแส ช่อง 3 ตรวจโควิด-19 ด้วย (Rapid Test) ให้ผลเป็นลบ กลับมาวัดสร้อยทอง แล้วไปมุทิตาที่วัดเบญจมบพิตร (เดินสายอัดรายการในสถานบันเทิงซึ่งอากาศถ่ายเทไม่ดี ส่วนใหญ่ในสตูดิโอทีวีติดตั้งเครื่องปรับอากาศและมีคนแออัดมาก มีช่างภาพทีวี มีพิธีกรร่วม มีคนกำกับเวที ขาดไม่ได้คือคนรับจ้างเข้าไปนั่งปรบมือหรือเฮเวลาพระปล่อยมุข...ผู้เขียน)
3 ก.ค. อยู่ที่วัดสร้อยทอง
4 ก.ค. อยู่วัดสร้อยทอง และไปงานศพที่วัดผาสุก แจ้งวัฒนะ 16.00-19.00 น. กลับวัดสร้อยทอง
5-6 ก.ค. ปฏิบัติศาสนกิจที่ วัดหนองจับเต่า จ.ชลบุรี (เดินสายไปหลายพื้นที่สีแดงเพื่อโชว์แสงโชว์ power ...ผู้เขียน)
7 ก.ค. อยู่วัดสร้อยทอง (โยม ท่านมาถวายปลั๊กไฟ ใส่แมสทุกท่าน)
8 ก.ค. อยู่กุฏิห้องพักที่วัดสร้อยทอง
9 ก.ค. ตรวจหาเชื้อ ให้ผลเป็นลบ ก่อนอัดรายการโหนกระแสแต่เช้า (ทีมงานธรรมะเดลิเวอรี่สองท่านที่ติดตามไป ให้ผลเป็นบวก) เดินทางกลับวัดสร้อยทองเพื่อกักตัวทันทีและพระก็กลับวัดเหมือนกันด้วยแท็กซี่ (โหนกระแสเป็นของชอบอยู่แล้ว ทีมธรรมะเดลิเวอรี่สองท่านที่ติดตามไป ให้ผลเป็นบวก พระต้องมีทีมงานเหมือนคณะตลกหรือ?....ผู้เขียน)
10 ก.ค. เข้าตรวจที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์ แล้วกลับมาที่วัดสร้อยทอง 11 ก.ค. กักตัวอยู่ที่วัดสร้อยทอง 12 ก.ค. ผลจากการตรวจติดเชื้อโควิดรอเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์(พระเซเลบหรือจึงเข้า รพ.เอกชนทำไมไม่ไป รพ.สงฆ์....ผู้เขียน)
ขอให้อาตมาภาพและทุกท่านปลอดภัย และขอให้ญาติโยมปฏิบัติตามมาตรการด้านต่างๆของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส และของทางราชการอย่างเคร่งครัด (มาสอนชาวบ้านเอาตอนที่มีปัญหาแล้วทำไมไม่สอนตัวเองให้สำรวมกิริยาวาจา ปฏิบัติตามข้อกำหนดของราชการอย่างเคร่งครัดก่อนหน้า...ผู้เขียน)
สำนักงานธรรมะเดลิเวอรี่ วัดสร้อยทอง พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร
ดูจาก Timeline ส่วนใหญ่พระมหาสมปอง วุ่นวายอยู่กับการออกทีวีเที่ยวเดินบรรยายตลกโปกฮา สร้างความบันเทิงเริงใจคล้ายตลกคาเฟ่ เป็นพระไม่สำรวมกิริยาวาจา ไม่ใส่ใจศึกษาจึงขอภาวนาอย่าให้ติดโควิดทิพย์
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี