ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน “สังคมไทย” ยังไม่สามารถหาข้อยุติเรื่อง “วัคซีนโควิด-19” ได้เลย แม้รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขจะตัดสินใจเลือก วัคซีนสัญชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน “วัคซีนซิโนแวค”ใช้ฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์การสาธารณสุขที่เป็นด่านหน้าขัดตาทัพระหว่างรอ “องค์การอนามัยโลก” ขึ้นทะเบียนวัคซีนแต่ละยี่ห้อ รวมทั้งรอ“วัคซีนแอสตราเซเนกา”ที่เป็นงานวิจัยพัฒนาร่วมของบริษัทแอสตราเซเนกา และมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดซึ่งผลิตในราชอาณาจักรไทยที่จะสามารถส่งมอบได้ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ที่ “รัฐบาลทหารแก่”กำหนดให้เป็นช่วงคิกออฟ “ถกแขนเสื้อฉีดวัคซีนเพื่อชาติ” ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ
แม้จะได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี โดยวัดจากยอดปริมาณการฉีดวัคซีน ทว่ายังมี “ผู้เห็นต่างทางการเมือง (นักการเมืองชังชาติ), สัมภเวสี, โอปปาติกะ” พยายาม “ด้อยค่าวัคซีน”ที่รัฐบาลจัดหาทั้งสองยี่ห้อว่าเกรดต่ำ
ไม่มีประสิทธิภาพกระตุ้นภูมิคุ้มกันดีพอ และพากันแห่อวย “วัคซีนไฟเซอร์และวัคซีนโมเดอร์นา”ที่เป็นนวัตกรรม MrNA สัญชาติอเมริกัน ไม่ได้มีแค่นักการเมืองชังชาติ สัมภเวสีเร่ร่อน เท่านั้น แต่ในกลุ่มนี้ยังมีบุคลากรทางการแพทย์การสาธารณสุขบางส่วน กับศิษย์ล้างอาจารย์หมอ บางส่วนให้การสนับสนุน จนทำให้เกิดความไม่มั่นใจในสังคมไทย
คงปฏิเสธไม่ได้แม้แต่น้อยว่า “สถาบันสื่อสารมวลชน” เป็นช่องทางหนึ่งส่วนหนึ่งที่สร้างความโกลาหลอลหม่านสับสนให้แก่ทุกอณูในสังคมไทยอย่างบริสุทธิ์ใจ อาจเป็นเพราะสถานการณ์ที่บีบบังคับทำงานแข่งกับเวลา ชิงความได้เปรียบองค์กรคู่แข่งจนลืมคำว่า “ปกติธุระของคนทำสื่อไป”
ปกติธุระที่ว่าด้วยการสร้างสรรค์และกำกับดูแลเนื้อหา ดำเนินงานเพื่อส่งเสริมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพเรา
มิอาจตอกย้ำความผิดพลาดของเพื่อนร่วมวิชาชีพอย่างที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษา ศบค.กล่าวพาดพิง เรายังเชื่อมั่นในความมุ่งมั่นในอุดมการณ์ จรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ เมื่อมีความไม่ปกติธุระเกิดขึ้นจึงทำให้ “ผีบุญ” สอดแทรกเข้ามามีบทบาทเรื่อง “วัคซีน”ในสังคมไทยจนเกิดความโกลาหลอลหม่านอีกครั้ง
ผีบุญ คือคนธรรมดาสามัญ แต่อวดอุตริเป็นผู้วิเศษ มีอิทธิฤทธิ์ต่างๆ นานา ประวัติศาสตร์ไทย ล่าสุด “ผีบุญ” ตัวใหม่ออกมาเคลื่อนไหวให้สารพัดข้อมูลที่อ้างว่าดีลกับทาง “บริษัทไบโอเอ็นเทค BioNTech” ซึ่งร่วมพัฒนา “วัคซีนโควิด-19” ร่วมกับ “บริษัทไฟเซอร์” เพื่อสั่งซื้อ “วัคซีนโควิด-19” จำนวน 20 ล้านโดส ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำวัคซีนนี้เข้าประเทศไทยได้ภายในเดือนนี้ โอพระเจ้า...ขนาดหน่วยราชรัฐบาลยังสามารถปิดดีลให้จัดส่งวัคซีนได้ต้องไตรมาส 3 ของปี 2564 แล้วเลย ทั้งทาง “สำนักข่าวรอยเตอร์”รายงานหนังสือตอบกลับของทางบริษัท “BioNTech” ว่าไม่เคยมีการเจรจากับทางกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ของไทยแต่อย่างใด แต่ข่าวนี้ก็น่าจะมีส่วนทำให้หุ้นของกลุ่มบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ที่เดิมชื่อบริษัทโรงพยาบาลธนบุรีทะยานอยู่ในซีกบวกเพียงแห่งเดียวเท่านั้น “ปาฏิหาริย์” สิ้นดี
ความหวังความศรัทธานี้เองที่ทำให้คนไทยหน้ามืดตามัวตื่นตูมเต้นตาม “คนหัวหมอ” ที่ยังพยายามเอาสีข้างเข้าถูแถไปเรื่อย เพื่อฉกฉวยผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างที่ปรากฏเป็นข่าวแล้วสังคมไทยก็เจ็บไม่รู้จบ เช่นเคย เหมือน “ธัมมชโยหรือไชยบูลย์ สุทธิผล” และ “ทัตตชีโว หรือ เผด็จ ผ่องสวัสดิ์แห่งวัดพระธรรมกาย เคยปฏิบัติก่อนหน้านี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี