เมื่อไม่นานวันมานี้มีข่าวออกมาว่า รัฐบาลอิสราเอลมีวัคซีนโควิด-19 จำนวนหนึ่งที่ใกล้จะหมดอายุ และประกาศขายให้กับประเทศที่สนใจ และอิสราเอลก็สามารถหามิตรคู่ค้าได้คือ ประเทศเกาหลีใต้ เพียงแต่ความร่วมมือมิได้เป็นไปในรูปแบบของการจัดขายจัดซื้อ หากแต่เป็นการแลกเปลี่ยนเชิงสลับ (Swap) กล่าวคือฝ่ายเกาหลีใต้ขอรับวัคซีนทั้งหมดของอิสราเอลโดยไม่ขอจ่ายเงิน แต่ขอโอนวัคซีนที่เกาหลีใต้จะได้รับจากบริษัทผู้ผลิตในอนาคตอันใกล้ไปให้กับอิสราเอลเป็นการทดแทน ทั้ง 2 ประเทศก็ตกลงกันได้ด้วยดี ราบรื่นสะท้อนชั้นเชิงและความแนบเนียนทางวิเทโศบาย หรือการเจรจาทางการทูตที่ใช้สติปัญญาความคิดเป็นที่ตั้ง และการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่สอดคล้อง สมเหตุสมผลกัน
ในอีกมุมหนึ่ง เรื่องนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความหูไวตาไว (และสมองไว) ของฝ่ายเกาหลีใต้ และสะท้อนถึงการประสานงานระหว่างฝ่ายสาธารณสุข กับฝ่ายการต่างประเทศเกาหลีใต้ ก็ก่อให้เกิดคำถามหลายๆ คำถามที่เกี่ยวกับวิธีการจัดการของฝ่ายไทย และการใช้ประโยชน์กระทรวงต่างประเทศพร้อมด้วยสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลให้ได้อย่างเต็มที่ ในการเป็นหูเป็นตาทาบทามฝ่ายต่างประเทศ และแนะนำให้กับทางต้นสังกัดและฝ่ายรัฐบาล และนำการเจรจากับฝ่ายต่างประเทศ โดยมีฝ่ายเทคนิคคือ ฝ่ายสาธารณสุขเป็นผู้สนับสนุน ในแง่องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สำหรับประเทศไทยแล้ว กระทรวงต่างประเทศและหน่วยงานในต่างประเทศก็คงจะทำงานทำการอย่างแข็งขันในการเจรจากับประเทศต่างๆ และกับบริษัทผลิตวัคซีนและยารักษาโรค และคงมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับองค์การอนามัยโลกที่นครเจนีวา และสำนักงานสาขา หรือตัวแทนที่กรุงเทพมหานคร เพียงแต่ข่าวคราวมิได้ปรากฏออกมาว่ากระทรวงต่างประเทศได้ทำอะไรไปบ้างในการช่วยจัดหาวัคซีน และในการเจรจาต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่สาธารณชนพึงจะได้รับรู้ แล้วก็เป็นภาระหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศที่จะต้องให้ความรู้ต่อสาธารณชนด้วย
อย่างไรก็ดี การทำงานทำการเพื่อบ้านเมืองโดยเฉพาะในฐานะเป็นตัวแทนของประเทศ ก็อยู่ในฐานะที่จะพูดจาในเชิงทาบทามและหาข้อมูลเบื้องต้นได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องรอรับคำสั่งเสียทุกเรื่อง โดยเฉพาะในยามหน้าสิ่วหน้าขวานของการจัดหาวัคซีนให้เพียงพอต่อประชากร 68 ล้านคนนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างยิ่ง ผลการเจรจาทาบทามในช่วงปี เดือน หรือสัปดาห์ที่ผ่านๆ มาเช่นกับ ประเทศจีน รัสเซีย อินเดีย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมนี ญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งเกาหลีใต้ และไต้หวัน ก็น่าจะมีผลออกมาเพื่อให้สาธารณชนทราบได้แล้ว และการเจรจาทาบทามต่างๆ เหล่านี้ ก็ไม่จำกัดอยู่ที่ตัวรัฐบาลของประเทศนั้นๆ แต่สามารถที่จะเจรจาหารือกับบริษัทผู้ผลิตยา ผู้ผลิตวัคซีน ที่สำนักงานใหญ่ของเขา และกับบรรดาตัวแทนของเขาในประเทศไทยได้ด้วย นอกจากนั้นก็ยังเจรจา ทาบทามความเป็นไปได้ในการร่วมมือค้นคว้าวิจัย และการรับจ้างการผลิต อีกทั้งองค์การอนามัยโลกก็ได้จัดโควตาวัคซีนกลางให้กับประเทศกำลังพัฒนา (ซึ่งจนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวว่า ประเทศไทยอยู่ในรายชื่อผู้ร่วมรับด้วยหรือไม่)
นอกจากนั้น ในหลายๆ ประเทศผู้ผลิตวัคซีน ยังมีการห้ามมิให้มีการนำเอาวัคซีนออกนอกประเทศจนกว่าจะมีความพึงพอใจกับจำนวนที่จะใช้ภายในประเทศให้กับประชากรของเขา (ยกตัวอย่างเช่น ประเทศอังกฤษ) ซึ่งด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ รัฐบาลไทยที่ปกติแล้วมีอำนาจอธิปไตยในการสอดส่อง ควบคุม ดูแลพฤติกรรมของโรงงาน และบริษัทเอกชนทั้งหลาย การผลิตต่างๆ ที่เกี่ยวกับการป้องกันและรักษาพยาบาลโรคโควิด-19 นั้น เมื่อเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายลงเกินที่คาดการณ์เอาไว้แบบนี้ก็สมควรต้องเอาประชากรไทยมาก่อน
จะไปมัวอ้างว่าเรามีพันธกรณีกับต่างประเทศที่จะต้องส่งมอบให้เขาก่อนไม่ได้ หรือไม่เช่นนั้น ก็ต้องสามารถกำหนดให้เร่งการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการทั้งเพื่อคนไทย และชาวต่างประเทศ ซึ่งในการนี้รัฐบาลก็สามารถจัดสรรงบประมาณที่จะสนับสนุนความพร้อมของบริษัทเอกชนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
อย่าลืมว่างบฉุกเฉินจำนวน 5,000 ล้านบาท ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน#3 ว่าด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยวนั้นยังค้างอยู่กับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มาตั้งแต่โควิดระลอก 3 เกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่สมควรจะถูกทิ้ง หรือเก็บไว้เฉยๆ สมควรที่จะต้องสลับนำมาทุ่มเทให้กับเรื่องการต่อสู้กับโควิด-19 ไม่สมควรปล่อยให้มีการกองกันไว้โดยไม่รีบนำมาใช้ประโยชน์ในเรื่องโควิด-19
สาธารณชนไม่มีความสงสัยใดๆ เกี่ยวกับความมุ่งมั่นของฝ่ายการเมืองและน้ำพักน้ำแรงและการอุทิศตนของฝ่ายข้าราชการพลเรือน โดยเฉพาะทางด้านการแพทย์ การสาธารณสุข แต่สาธารณชนก็ต้องการความโปร่งใส ข้อมูลที่ชัดเจน และมีการเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง มิใช่แค่สถิติของคนเจ็บคนป่วย คนหายป่วย และคนตายแต่ต้องการสถิติในภาพรวมที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดหาต่างๆเพื่อความสบายอกสบายใจ และเพื่อความมั่นใจในตัวของฝ่ายรัฐบาลและบรรดาข้าราชการ และพนักงานที่เกี่ยวข้อง
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี