สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ของสหรัฐอเมริการายงานข่าวเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ว่า “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้ช่วยให้
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ได้ปิดดีลเทคโอเวอร์ Allnex บริษัทผลิตเคมียักษ์ใหญ่ในยุโรปด้วยมูลค่า 4.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 142,500 ล้านบาท)
ต้องขอบคุณโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่ทำให้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมหาชนในประเทศไทยกับผู้บริหารระดับสูงจากต่างประเทศ ได้มาพบกันต่อหน้าและลงนามในสัญญากว่าแสนล้านบาทกัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานด้วยว่านับเป็นความกล้าหาญของรัฐบาลไทยที่เปิดเกาะภูเก็ต ให้กับ
นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้วได้มาท่องเที่ยวและติดต่อทำธุรกิจ ภูเก็ตไข่มุกแห่งอันดามัน ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้เป็นจุดหมายปลายทาง
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ได้ใช้โอกาสที่ประเทศไทยเปิดเกาะภูเก็ตทดลองรับนักท่องเที่ยวลงนามในสัญญาซื้อและเข้าถือครอง(Takeover) บริษัท Allnex Holding GmbH ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเคมียักษ์ใหญ่ในยุโรป โดยมีบริษัทAdvent International เป็นเจ้าของถือหุ้นใหญ่ในมูลค่า4 พันล้านยูโร หรือประมาณ 4.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 142,500 ล้านบาท)
โดยผู้บริหารสูงสุดของบริษัท Allnex และAdvent ได้บินมาภูเก็ตเมื่อวันสุดสัปดาห์ที่แล้วเพื่อลงนามในข้อตกลงซื้อขาย ที่ถือว่าบริษัทในประเทศไทยเข้ายึดครองบริษัทต่างชาติที่มีทรัพย์สินมูลค่ามากที่สุดในรอบทศวรรษ
“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เป็นโครงการทดลองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และยกข้อกำหนดกักตัวสิบสี่วัน แต่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวได้ในสถานที่ทางราชการที่กำหนดให้เท่านั้น และนักท่องเที่ยวต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ
นอกจากเปิดให้ท่องเที่ยวและยังอนุญาตให้ผู้แทนจากบริษัทหรือบุคคลลงนามทำสัญญาซื้อขายทำสัญญาการค้าตามราคากำหนดไว้
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เป็นปัจจัยสำคัญที่เปิดโอกาสให้เราได้ปิดดีลครั้งนี้” และว่า “มันเป็นการยากลำบากที่ฝ่ายเราจะบินไปยุโรป เพราะทั้งข้อกำหนดต้องฉีดวัคซีนครบโดส และข้อกำหนดการกักตัว...”
บลูมเบิร์กรายงานด้วยว่า ถึงแม้ว่าประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤติโควิดระบาดเลวร้ายที่สุดเมื่อมีโควิด
สายพันธุ์เดลต้าทะลักเข้ามา แต่ประเทศไทยก็กล้าหาญที่จะเปิดเกาะภูเก็ตให้นักท่องเที่ยวเข้าตามแผนการที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเรียกว่าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวขึ้นมาใหม่ หลังจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวล่มสลายเนื่องจากข้อห้ามและกำหนดกฎเกณฑ์มากมายมากว่าหนึ่งปี
เมื่อโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เริ่มผลิดอกออกผลการผ่อนปรน ข้อกำหนดการท่องเที่ยวในเกาะสมุย พะงันและเกาะเต่าของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็ดำเนินตามรอยภูเก็ต เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเข้ามาตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 2564
ตัวเลขจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยบอกว่า ในอาทิตย์แรกของการทดลองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเกือบ 5,000 คน และประเมินว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าถึง 100,000 คน ในสามเดือนแรกของการทดลอง
นายคงกระพัน ผู้บริหารระดับสูงของ GC กล่าวว่า นักธุรกิจไทยควรใช้ภูเก็ตและสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ไม่ล็อกดาวน์ เจรจาทำข้อตกลงการค้ากับผู้แทนบริษัทต่างชาติมากขึ้น
“เราให้ผู้บริหารจาก Advent และ Allnex บินมาภูเก็ตเพื่อลงนามในสัญญา และได้ทำความรู้จักกับทุกคนเป็นส่วนตัวนี้ ควรจะเป็นแนวทางการทำธุรกิจในอนาคต และข้อตกลงที่ทำ จำเป็นต้องพบหน้าเจอตากันระหว่าง
ผู้บริหารฝ่ายไทยและคู่ค้าจากต่างประเทศ”
เมื่อโครงการทดลองต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต ได้ขยายตัวออกมาเป็นแหล่งติดต่อเจรจาทำการค้ากับชาวต่างชาติที่เข้าท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจการค้าไปด้วย และการทดลองเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ขยายออกไปถึงเกาะสมุย เกาะพะงัน ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำให้มีความหวังว่าเป้าหมายที่จะเปิดประเทศให้ได้ภายใน120 วัน จากต้นเดือน ก.ค.มีทีท่าว่าจะเป็นจริงได้ ตราบที่คนไทยมีวินัยและไม่ด้อยค่าประเทศตัวเอง
สื่อต่างประเทศที่ต่าชาติติดตามมากอย่างสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เลือกนำเสนอในแง่มุมดีๆ ของประเทศไทยแล้วทำไมสื่อกระแสหลักกระแสรองของไทย จึงเลิกนำเสนอแต่แง่ลบไม่ได้
เรื่องโควิดระบาดใหญ่โควิดกลายพันธุ์ ไม่ใช่มีแต่ในประเทศไทย ประเทศเพื่อนบ้านหนักหนาสาหัสกว่าเราก็มีมากมาย ดังนั้นคนไทยต้องเรียนรู้ปรับตัวให้อยู่กับมันให้ได้ ไม่ใช่มัวแต่ด้อยค่าประเทศไทยอยู่ไม่ได้ต้องย้ายประเทศกันแล้ว
ลองมาพิจารณาดูตัวเลขของการระบาดไวรัสโควิดกลายพันธุ์ ณ วันที่ 24 ก.ค. เฉพาะในประเทศอาเซียนพบว่าเข้าสู่ภาวะวิกฤติเนื่องจากแทบทุกประเทศพบผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ล่าสุดประเทศอินโดนีเซียพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 45,416 คน เสียชีวิต 1,415 ราย มาเลเซียติดเชื้อ 15,902 คน เสียชีวิต 184 คน พม่าพบผู้ติดเชื้อใหม่ 5,657 ราย และเสียชีวิต 297 คน ฟิลิปปินส์พบผู้ติดเชื้อ 6,184 คน แต่การเสียชีวิต 240 รายประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อ รายใหม่ 14,260 คน เสียชีวิต119 ราย
เมื่อดูตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตแล้วต้องทำใจให้ได้ว่าไม่ใช่มีแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่เจอวิกฤติโควิดกลายพันธุ์อันเลวร้าย แต่ถ้าเรามีวินัยปฏิบัติตามข้อกำหนดป้องกันเชื้อร้ายด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ทิ้งระยะห่างทางสังคมไม่จำเป็นจริงๆ อย่าสุงสิงกับใคร ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ทุกครั้งที่สัมผัสสิ่งแปลกปลอม ท่องให้ขึ้นใจว่า “การมีวินัยป้องกันโควิดได้ดีกว่าวัคซีนชนิดใด”
สิ่งสำคัญอย่าด่าว่าโวยวาย อย่ากล่าวหาใครว่าเป็นฆาตกร ท่องให้ขึ้นใจ “มีวินัยช่วยให้เปิดประเทศได้ภายใน 120 วัน”
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี