ช่วงวิกฤติโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการศึกษาของชาติเป็นอย่างมาก และไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อใด นับตั้งแต่การระบาดอย่างรุนแรงของโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 โรงเรียนส่วนใหญ่ถูกบังคับให้ปิด ส่งผลให้เด็กนักเรียนต้องพึ่งพาการเรียนออนไลน์ ซึ่งต้องยอมรับว่ามีผลกระทบต่อคุณภาพ ประสิทธิภาพและประสบการณ์ทางการศึกษาของนักเรียนไทย ทั้งเรื่องความไม่พร้อมของครูอาจารย์ในการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ เด็กหลายคนเกิดปัญหาท้อแท้ ไม่มีเป้าหมายในการเรียน เพราะเรียนตามเพื่อนไม่ทัน ขณะที่ผู้ปกครองจำนวนมากก็ต้องรับสภาพช่วยดูแลสอนบุตรหลานในระหว่างการเรียนออนไลน์ไปพร้อมๆ กับการดิ้นรนทำงานหารายได้เลี้ยงครอบครัว
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนอุปกรณ์พื้นฐานในการศึกษา เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต มือถือ และสัญญาณอินเตอร์เนต ซึ่งทั้งครูและผู้ปกครองต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มขึ้นเอง โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐมากเท่าที่ควร
แม้ว่าล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการจะประกาศว่าเตรียมออกมาตรการบรรเทาผลกระทบของผู้ปกครอง นักเรียนและนักศึกษา เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในอัตรา 2,000 บาทต่อคน และขอความร่วมมือไปยังโรงเรียนเอกชนให้ลดค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บไปยังผู้ปกครอง อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวเป็นเพียงการช่วยเหลือเฉพาะหน้า และยังไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องคุณภาพทางการศึกษาและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาได้ โดยเฉพาะโรงเรียนในชนบท
การแก้ปัญหาจึงจำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการทั้งในเรื่องการเพิ่มคุณภาพการศึกษา และความพร้อมด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเรียนการสอน ซึ่งถือเป็นหน้าที่รัฐบาล รวมทั้งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ที่ต้องทำงานร่วมกันให้เป็นระบบ มองภาพใหญ่ แทนที่จะใช้วิธีการแก้ปัญหาไปทีละจุดโดยไม่มีความเชื่อมโยงกัน
อาทิ การออกนโยบายให้เงินอุดหนุน ตั้งกองทุนสำหรับครอบครัวที่ฐานะไม่พร้อมที่จะซื้อได้ หรือจัดหาแหล่งซื้ออุปกรณ์สำหรับการเรียนออนไลน์ในราคาที่ถูกลงให้กับครูผู้สอนและนักเรียนทุกคนเข้าถึงอุปกรณ์และซอฟท์แวร์ที่ทันสมัยและเหมาะสมสำหรับการเรียนการสอนได้อย่างเท่าเทียมกันอินเตอร์เนตความเร็วสูง เครื่องคอมพิวเตอร์ แอปพลิเคชั่นสำหรับการสร้างคอนเทนต์หรือสื่อการสอนที่ส่งเสริมให้ครูและนักเรียนได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น ซึ่งตรงส่วนนี้ดีอีเอสอาจเข้ามามีบทบาทร่วมกับ ศธ. ในการช่วยจัดหาหรือประสานกับหน่วยงานเอกชนเจ้าของเครือข่ายมือถือและผู้ขายอุปกรณ์ไอที
อันดับต่อมาคือการเพิ่มคุณภาพทางการศึกษา ให้นักเรียนทุกคนมีโอกาสเปิดประตูไปสู่การศึกษาที่มีคุณภาพและมีโอกาสพัฒนาตัวเองอย่างเสมอภาคเท่าเทียม ด้วยข้อดีของระบบการเรียนออนไลน์ที่ช่วยลดข้อจำกัดเรื่องระยะทางและการเข้าถึง นักเรียนจากพื้นที่ห่างไกลก็สามารถเข้าเรียนในคลาสที่สอนโดยชาวต่างชาติเจ้าของภาษาได้ หรือการปรับหลักสูตรให้นักเรียนไทย
ได้พัฒนาทักษะระดับโลกใหม่ เช่น การคิดเชิงวิพากษ์ การจัดการเทคโนโลยีตนเอง การพัฒนานวัตกรรม ซึ่งทักษะเหล่านี้จำเป็นสำหรับการทำงานของคนรุ่นใหม่ทั่วโลกในยุคหลังโควิด-19
อย่างไรก็ตาม โรงเรียนยังคงมีความสำคัญในการสร้างทักษะทางสังคมให้กับเด็กและเยาวชน แต่บทบาทของโรงเรียนอาจจะเปลี่ยนไปเป็นพื้นที่สำหรับการพบปะหรือมาศึกษาวิชาที่ต้องอาศัยการทดลองและปฏิบัติจริงด้วยตัวเอง เช่นการทดลองทางวิทยาศาสตร์ การกีฬา เป็นต้น
การบูรณาการระบบการศึกษาของประเทศไทยเป็นความคาดหวังที่สังคมอยากเห็นรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศธ. และดีอีเอส ที่จะมองไปในระยะยาว พลิกวิกฤติครั้งนี้ให้เป็นโอกาส
ในการปฏิรูประบบการศึกษาใหม่ เพื่อสร้างอนาคตของชาติที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในการฟื้นฟูประเทศให้เร็วขึ้น เพราะหากปล่อยให้เด็กรุ่นนี้ตกขบวนการศึกษา คนรุ่นใหม่ที่จะขึ้นมาทำหน้าที่นี้ ก็จะไม่มีคุณภาพเพียงพอที่จะขับเคลื่อนประเทศ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี