การทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลก สร้างความเสื่อมเสียให้ประเทศไทยมาโดยตลอด แต่น่าอัศจรรย์ใจที่ไม่เคยมีรัฐบาลใดของไทยสามารถปราบปรามและกำจัดคอร์รัปชันในประเทศได้แม้แต่รัฐบาลเดียว
สัปดาห์นี้ขอนำเรื่องคดีสินบนโรลส์รอยซ์ในการบินไทยมานำเสนอ เพื่อฟื้นความทรงจำที่แสนน่ารังเกียจที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมานานประมาณสองทศวรรษ โดยนำจดหมายของกัปตันโยธิน ภมรมนตรี อดีตผู้บริหารระดับสูงของการบินไทย มาให้คุณผู้อ่านได้พิจารณา แต่เนื่องจากจดหมายมีข้อความที่คุณต้องอ่านทุกตัวอักษร ดังนั้นคอลัมน์จึงขอนำเสนอจดหมายทั้งฉบับ เพื่อให้คุณได้อ่านรายละเอียดได้ทั้งหมด โดยสัปดาห์หนึ่งขอเสนอในตอนที่ 1 ก่อน
เรื่อง ข้อกล่าวหา ( เพิ่มเติม) คดีหมายเลขดำที่ 16-3-184/2560
เรียน นางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. ผู้รับผิดชอบสำนวน
สิ่งที่ส่งมาด้วย เอกสารแนบ 24 รายการ
สืบเนื่องจากบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา (เพิ่มเติม) คดีหมายเลขดำที่ 16-3-184/2560 เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2563 ในฐานะที่ข้าพเจ้า นายสุเทพ สืบสันติวงศ์ ดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายพาณิชย์ และได้รับแต่งตั้งในเป็นอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัทการบินไทยนั้น ข้าพเจ้าซึ่งขณะเวลาดังกล่าวดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายพาณิชย์ มีหน้าที่หลักคือการตลาดและการหารายได้ แต่มีความรู้ทางด้านเทคนิคของเครื่องบินและเครื่องยนต์น้อยมาก ด้วยเหตุผลนี้ข้าพเจ้าจึงได้ขอความช่วยเหลือจากผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการบิน คือ กัปตันโยธิน ภมรมนตรี อดีตผู้บริหารบริษัทการบินไทยเพื่อขอให้ช่วยออกความเห็น พร้อมนำเสนอข้อมูลและข้อเท็จจริงในการชี้แจงข้อกล่าวหา โดยกัปตันโยธินฯ ได้รวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ และคำชี้แจงอันเป็นประโยชน์เพื่อการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ซึ่งข้อความจากกัปตันโยธินฯ มีดังต่อไปนี้
โดยเริ่มจากข้อสังเกตที่ว่าประเด็นใหญ่ๆ ของการแจ้งข้อกล่าวหา (เพิ่มเติม) มุ่งไปในด้านเทคนิค แต่มิได้นำข้อเสนอของต่างบริษัทผู้ผลิตมาทำการเปรียบเทียบ เพื่อประโยชน์ต่อบริษัทการบินไทย และเพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา คือ นายสุเทพ สืบสันติวงศ์ ในตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายพาณิชย์ ซึ่งไม่มีความรู้ทางด้านเทคนิคที่เกี่ยวกับเครื่องบินและเครื่องยนต์ แต่ถูกกล่าวหาเพราะได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นกรรมการในคณะอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัทการบินไทย ข้าพเจ้ากัปตันโยธิน ภมรมนตรี จึงขอแสดงข้อเท็จจริงและหลักฐานประกอบการชี้แจงข้อกล่าวหา ซึ่งหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในการพิจารณาผู้ถูกกล่าวหา กล่าวคือ
จากบันทึกข้อกล่าวหา (เพิ่มเติม) หน้าที่ 9 บรรทัด ที่ 23 ชี้มูลว่า “ในวันที่ 25 สิงหาคม 2547 ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 8/2547 อ้างถึงบันทึกประชุมบริษัทฯ ครั้งที่ 7/2547 เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2547 มีมติให้ดำเนินการศึกษาเปรียบเทียบฯ โดยเครื่องบินA340-600 มีราคาอยู่ที่ 97,610.600 เหรียญสหรัฐต่อลำ และบริษัทการบินไทย เคยสั่งซื้อเมื่อปี พ.ศ. 2546 จำนวน 5 ลำ ที่ราคา 93,333,000 เหรียญสหรัฐต่อลำ แต่กลับไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้มีการรายงานข้อเท็จจริงผลการศึกษาดังกล่าวให้คณะกรรมการบริษัททราบ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาอนุมัติให้บริษัทฯจัดหาเครื่องบิน B777-200ER จำนวน 6 ลำ”
ข้อเท็จจริงคือ ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 8/2547 ในวันที่ 25 สิงหาคม 2547 ไม่มีชื่อ นายสุเทพ สืบสันติวงศ์ เข้าร่วมประชุมด้วย
จากหน้า 5 ของบันทึกข้อกล่าวหา (เพิ่มเติม) ในบรรทัดที่ 27 มีเนื้อความว่า “เครื่องบินขนาดกลาง (LM) จำนวน 6 ลำ” ประเด็นนี้ชี้แจงได้ว่า เครื่องบินที่เหมาะสมกับเส้นทางและมีน้ำหนักบรรทุกที่เป็นรายได้ (Payload) ในปัจจุบันมี 2 แบบ ได้แก่เครื่องบินแบบ B777-200ER และ A340-600 จากการเปรียบเทียบผลดำเนินการระหว่างเครื่องบิน B777-200ER กับ A340-600 โดยเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบเครื่องบินทั้งสองแบบจากผลการดำเนินงานและข้อมูลต่าง ๆ ทางเทคนิค ปรากฏผลเครื่องบิน B777-200 ER จะเป็นแบบที่มีความเหมาะสมต่อการใช้งานมากกว่า A340-600 และในแผนระบุว่า เครื่องบิน B777-200ER เป็นเครื่องบินแบบเดียวกันกับ B777-200/300 ที่ใช้เครื่องยนต์ Trent 800 ซึ่งบริษัทฯ มีจำนวนใช้งานอยู่แล้ว 14 ลำ ทำให้มีCommonality สูง ทั้งการปฏิบัติการบินและการซ่อมบำรุง
และ ข้อความต่อเนื่องจาก “การซ่อมบำรุง” ในหน้า 9 บรรทัดที่ 1 ของคำกล่าวหา ชี้ว่า “โดยไม่ได้ระบุถึงยี่ห้อและรุ่นของเครื่องยนต์ที่จะใช้ติดตั้งกับเครื่องบิน B777-200ER” ข้อนี้ชี้แจงข้อเท็จจริงได้ว่า เครื่องยนต์แบบนี้คือ เครื่องยนต์ Rolls-Royce ซึ่งการบินไทยใช้อยู่กับเครื่องบิน B777-200/300 ที่มีอยู่ 16 ลำ ดังข้อความ ในหน้า 8 บรรทัด ที่ 31 และ 32 ของคำกล่าวหาส่วนที่ว่าไม่ได้ระบุรุ่นของเครื่องยนต์ ชี้แจงได้ว่าเนื่องจากคณะอนุกรรมการฯซึ่งนายศรีสุข จันทรางศุ เป็นประธาน และนายทนง พิทยะ เป็นที่ปรึกษา มีมติให้ทำการเปรียบเทียบเครื่องบิน B777-200ER ซึ่งทางบริษัท Boeing เสนอราคาใหม่ที่ 104,050,654 เหรียญสหรัฐ โดยใช้เครื่องยนต์ Trent 892 กับ A340-600 จากบริษัทแอร์บัสเสนอคงราคาเดิม 97,610,600 เหรียญสหรัฐ และผลการเปรียบเทียบชี้ว่าเครื่องบินรุ่น B777-200ER ที่ใช้เครื่องยนต์ รุ่น Trent 892 ให้ผลประกอบการของเครื่องบิน ดังกล่าวดีกว่าเครื่องบินแบบ A340-600 ดังนั้นควรเป็นที่เข้าใจได้ว่า ในการอนุมัติของคณะกรรมการบริษัทการบินไทย ให้ลงนาม MOU เพื่อจัดซื้อเครื่องบิน B777-200ER จำนวน 6 ลำ คือต้องใช้เครื่องยนต์รุ่น Trent 892 ตามรายละเอียดในเอกสารดังแนบ (เอกสาร ประกอบ ที่ 1, 2, 3, 4, 5 และ 6)
จากเอกสารประกอบดังกล่าวข้างต้นได้แสดงข้อมูลและข้อเท็จจริงเป็นเหตุผลสนับสนุนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเครื่องบินแบบ B777-200ER มีความเหมาะสมกว่าแบบ A340-600 คือจำนวนเครื่องบินแบบ B777-200ER นั้น Boeing ได้ผลิตและมียอดขายกว่า 400 ลำ (เอกสารประกอบ ที่ 7) ในขณะที่ บริษัทแอร์บัส ได้ผลิตเครื่องบิน A340-600 เพียง 97 ลำ (เอกสารประกอบ ที่ 8) จากนั้นได้ยุติการผลิต
รวมทั้งข้อเท็จจริงอีกข้อหนึ่งคือเครื่องบิน A340-600 จำนวน 6 ลำ ที่บริษัทการบินไทยได้จัดหามาแล้วนั้น บริษัทการบินไทยใช้งานเพียงแค่ 10 ปี แล้วต้องนำไปจอดเพื่อรอการขายตั้งแต่ ปี 2558 โดยจอดตากแดดตากฝน ไม่มีการซ่อมใหญ่ตามระยะเวลา เครื่องบินอยู่ในสภาพที่บินไม่ได้ จึงทำให้โอกาสขายอยู่ที่ศูนย์ % (เอกสารประกอบ ที่ 9) และปัจจุบันก็ยังขายไม่ได้ แต่เครื่องบิน B777-200ER บริษัทฯ ได้ใช้งานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 14 ปี นับตั้งแต่รับมอบลำแรกเมื่อ สิงหาคม2549 จนถึงปัจจุบันก่อนเกิดโรคระบาด COVID-19 และจากเอกสารประกอบ ที่ 10 เครื่องบินรุ่น B777 เป็นเครื่องบินที่สายการบินนิยมจำนวนเครื่องบิน ที่สั่งจองเกือบ 2 พันลำ ส่งมอบแล้วกว่า 1,500 ลำแก่สายการบิน 72 บริษัท
จากข้อความกล่าวหาในหน้า 9 บรรทัดที่ 25 ชี้ว่า “แต่กลับไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้มีการรายงานข้อเท็จจริงดังกล่าวให้คณะกรรมการบริษัทฯ ทราบ” จึงขอชี้แจงว่าเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนฯ คือ นายศรีสุข จันทรางศุ และเป็นรองประธานกรรมการบริษัทฯ คนที่ 1 ของคณะกรรมการบริษัทการบินไทย ส่วน นายทนง พิทยะ เป็นที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนฯ และเป็นประธานกรรมการบริษัทการบินไทย ดังนั้นบุคคลทั้งสองย่อมสามารถรายงานผลการศึกษาของคณะอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนฯ ให้คณะกรรมการบริษัทฯ ทราบได้ดีที่สุด โดยเฉพาะนายศรีสุขฯ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนฯ ควรเป็นผู้มีหน้าที่รายงานผลการศึกษา และถ้ากรรมการบริษัทฯ ผู้อื่นที่ไม่ได้ร่วมประชุมกับคณะอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนฯ มีข้อสงสัย นายทนง พิทยะ และ นายศรีสุขจันทรางศุ ย่อมอยู่ในตำแหน่งที่สามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ เนื่องจากบุคคลทั้ง 2 เป็นกรรมการบริษัทการบินไทย ในขณะที่ นายสุเทพ สืบสันติวงศ์ เป็นเพียงพนักงานฝ่ายบริหารเท่านั้น
ข้อกล่าวหาในหน้า 9 บรรทัดที่ 30 ชี้ว่า “โดยทำการเปรียบเทียบข้อเสนอของบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์ ได้แก่การลงทุน การสนับสนุนทางด้านการเงิน และการสนับสนุนด้านอื่นๆ” โดยประเด็นนี้ นายสุเทพ สืบสันติวงศ์ ได้ให้คำชี้แจงข้อกล่าวหาต่อ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ แล้ว (เอกสารประกอบ ที่ 11) ซึ่งตามเอกสารดังกล่าว ในหน้า 6-10 หัวข้อระบุถึง “ประวัติการวิเคราะห์ และพิจารณาการเลือกใช้เครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินลำตัวกว้างของบริษัทการบินไทย” โดยได้อธิบายขั้นตอนการวิเคราะห์เครื่องยนต์ที่จะนำมาใช้กับเครื่องบินรุ่นใหม่อย่างละเอียด
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี