ไม่มีใครห้ามพระสงฆ์หัวเราะ แต่พระสงฆ์ก็ต้องสำเหนียกไว้เสมอว่า พระสงฆ์จะต้องระวังสำรวมกิริยาตลอดเวลา ไม่ใช่แสดงอาการหัวเราะเริงร่าราวกับคนเสียสติ ดังที่สาธารณชนในสังคมไทยได้เห็นพระจำพวกตัวตลกที่โกนหัวแล้วห่มคลุมด้วยผ้าเหลืองสองราย แสดงอาการหัวเราะรวนบนจอทีวีเมื่อไม่นานมานี้
หลายคนตั้งคำถามว่า ภารกิจและวัตรปฏิบัติของสงฆ์ที่เป็นสงฆ์โดยแท้มีอะไรบ้าง ตอบคำถามนี้ได้โดยง่ายคือ พระสงฆ์แท้มีหน้าที่ศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้โดยเคร่งครัด อีกทั้งพระสงฆ์ต้องไม่สร้างความตกต่ำเสื่อมเสียให้กับพระพุทธศาสนาไม่ว่าจะด้วยกรณีใดๆ ก็ตาม
ท่านผู้รู้ด้านศาสนาพุทธกล่าวไว้ว่า หน้าที่หลักของพระสงฆ์ในกิจวัตรประจำวันคือ บิณฑบาตเป็นกิจวัตร โดยไม่ประกอบอาชีพใดๆ อื่นอีก ถือผ้าบังสุกุลเป็นกิจวัตร อยู่โคนต้นไม้เป็นกิจวัตร ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า คือฉันยาสมุนไพรเพื่อรักษาโรค นั่นคือนิสัย 4 ของพระสงฆ์ตามพระธรรมวินัยกำหนด แต่ทว่าในปัจจุบันนี้ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนนิสัย 4 ของสงฆ์ไปตามสภาวการณ์เป็นจริง เพราะสงฆ์จะไปอาศัยตามโคนต้นไม้ดังในอดีตคงเป็นเรื่องเกิดขึ้นได้ยาก แต่สิ่งที่สงฆ์ต้องละเว้นอย่างเด็ดขาดคือ การเกี่ยวข้องกับกามารมณ์ ลักขโมยทรัพย์ ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และอวดอ้างคุณวิเศษที่ตนไม่มี
นอกจากนี้สงฆ์ต้องฝึกฝนอบรมดูแลกาย วาจา และใจของตนให้สมบูรณ์ตลอดเวลา คือต้องเคร่งครัดในการรักษาศีล และต้องเคร่งครัดในด้านสมาธิ คือต้องฝึกฝนตนเองด้วยการเจริญภาวนา เพื่อให้จิตใจสงบ ละกิเลสได้ทีละขั้นจนกิเลสหมดสิ้นไป และต้องทำวิปัสสนาภาวนาเพื่อให้เกิดปัญญารู้แจ้ง ละกิเลสได้โดยเด็ดขาดแท้จริง
ส่วนด้านพุทธิปัญญา พระสงฆ์ต้องหมั่นศึกษาอบรมตนเองให้เป็นผู้มีปัญญา โดยเฉพาะปัญญาทางธรรม ต้องปล่อยวางเพื่อให้ตนปราศจากการยึดติดในสิ่งทั้งปวง ต้องลดละความโลภ โกรธ หลง ให้หมดสิ้นทีละน้อยๆจนหมดไปในที่สุด
อันที่จริงในสังคมไทยมีคนจำพวกหนึ่งที่มีรูปลักษณ์ เสมือนพระสงฆ์อยู่เป็นจำนวนมาก แต่ทว่าคนเหล่านั้นจำนวนมิใช่น้อยมิใช่พระสงฆ์ผู้เจริญที่แท้จริง เพราะคนจำพวกดังกล่าวบางคนเป็นเพียงอลัชชี บางคนแม้จะยังไม่ตกต่ำถึงขั้นอลัชชี แต่ทำตัวไร้สาระ อาศัยผ้าเหลืองหากินเลี้ยงชีพโดยไม่สุจริตไปวันๆ โดยไม่เคยศึกษาพระธรรมวินัย คนจำพวกนี้มีพฤติกรรมในเรื่องพุทธพาณิชย์สารพัดชนิด เช่น เป่าน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก ขายเครื่องรางของขลัง ขายของมอมเมาสังคมโดยอาศัยความหลงงมงายของผู้คนเป็นเครื่องหากิน
แต่ในระยะหลังนี้จะมีคนโกนหัวห่มผ้าเหลืองอีกจำพวกหนึ่งที่อาศัยการสร้างภาพขายเรื่องตลกขบขันไร้สาระไปวันๆ บางรายทำตัวราวกับ Celeblility (คนเด่นคนดัง) เพราะจงใจขึ้นภาพของตนเองผ่านระบบ Social media ตลอดเวลา แต่หากขึ้นภาพพร้อมกับเรื่องราวที่เป็นคุณต่อพุทธศาสนาก็ไม่สู้จะมีปัญหาใด แต่ที่พบคือคนกลุ่มนี้มักขึ้นภาพและเรื่องราวที่ไม่เป็นคุณต่อพุทธศาสนา แต่จงใจทำลายล้างความเชื่อมั่นศรัทธาต่อพุทธศาสนาเป็นประจำ โดยเฉพาะคนโกนหัวห่มผ้าเหลืองที่แสดงพฤติกรรมไม่ระวัง ไม่สำรวม ซึ่งดูแล้วไม่ต่างไปจากจำอวดที่เล่นตลกหาเลี้ยงชีพอยู่ตามสถานบันเทิงต่างๆ ทั้งนี้พฤติกรรมของตัวตลกที่มิใช่พระสงฆ์ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิด เพราะทำอาชีพสุจริตเพื่อเลี้ยงชีวิต แต่สำหรับคนจำพวกโกนหัวห่มเหลืองที่แสดงพฤติกรรมไม่ต่างจากจำอวด ถือได้ว่าทำให้พุทธศาสนาหมองมัว
หากคนโกนหัวห่มเหลืองยังยืนยันจะแสดงพฤติกรรมเหมือนจำอวด ก็ต้องลาสิกขาไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด แล้วจะไปประกอบอาชีพตัวตลก ก็ไม่มีใครติฉินนินทา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี