การอภิปรายไม่ไว้วางใจในรัฐสภาของประเทศไทยทุกครั้ง ในระยะ 20-30 ปีที่ผ่านมา ถูกมองและวิพากษ์โดยวิญญูชนที่ไม่เคยมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในพฤติกรรมและคำพูดของทั้งสส. และรัฐมนตรี ว่าเป็นเสมือนการเล่นตลกการเมือง เพราะเป็นการกระทำที่หลายต่อหลายครั้งสาธารณชนจับได้คาหนังคาเขาว่า ผู้อภิปราย และผู้ถูกอภิปรายไม่ได้พูดความจริงต่อสังคม แต่บางรายจงใจนำเสนอข้อมูลเท็จเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือแม้บางครั้งอาจจะไม่ใช้ข้อมูลเกือบเป็นเท็จทั้งหมด แต่ก็เป็นข้อความและรูปภาพ (ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว) ที่เกิดจากการประกอบสร้าง โดยมีเจตนานำเรื่องเท็จเข้าไปผสมอยู่ไม่มากก็น้อย
กรณีล่าสุดที่เกิดขึ้นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เพิ่งจบสิ้นไปเมื่อต้นเดือนกันยายน ฝ่ายรัฐบาลกล่าวว่าฝ่ายค้านนำข้อมูลเท็จไปใช้ประกอบการอภิปราย ซึ่งคำกล่าวหานั้นก็ยังคงกลายเป็นคำกล่าวหาอยู่จนถึงทุกวันนี้แต่สาธารณชนก็ยังมิเห็นว่าฝ่ายรัฐบาลจะดำเนินการทางกฎหมายเพื่อเอาผิดขั้นเด็ดขาดกับผู้ที่รัฐบาลกล่าวหา
คนของฝ่ายรัฐบาลก็ได้แต่อ้างแบบเลื่อนลอยว่าทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นคนดี ซื่อสัตย์ สุจริต แต่ก็ไม่เคยดำเนินคดีอย่างจริงจังกับคนที่ฝ่ายรัฐบาลอ้างว่าเป็นผู้กล่าวเท็จกลางสภา
อีกประเด็นหนึ่งที่สาธารณชนกำลังเฝ้าติดตามคือเรื่องที่ฝ่ายค้านอ้างว่านายกรัฐมนตรีแจกเงินให้กับสส. บางคนเพื่อให้ยกมือลงมติสนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีพ้นข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตและประพฤติมิชอบในการปฏิบัติหน้าที่ เรื่องนี้สส. พรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยอ้างว่ามีหลักฐานชัดเจน และกำลังเตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการตรวจสอบและสอบสวนเรื่องนี้
ต้องบอกว่าข้อกล่าวหานี้เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญมาก หากสส. ฝ่ายค้านมีหลักฐานจริง ก็ไม่ควรแค่เพียงยื่นเรื่องนี้ให้ กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ของสภาผู้แทนดำเนินการเรื่องนี้เพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องนำเรื่องนี้ไปฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อเอาผิดทางอาญากับนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะการทุจริตด้วยการให้และรับสินบนเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นต่อไปในสังคมไทย
ในขณะที่ฝั่งรัฐบาลเองก็ได้แต่อ้างว่าตนเองบริสุทธิ์ ผุดผ่อง ไม่เคยมีพฤติกรรมเลวทรามเหมือนที่ฝ่ายค้านกล่าวหา พร้อมกับอ้างว่าฝ่ายค้านโกหกมดเท็จ แต่ทว่าสาธารณชนก็ยังไม่เห็นว่าฝ่ายรัฐบาลจะดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมายเพื่อเอาผิดขั้นเด็ดขาดกับคนที่รัฐบาลบอกว่าพูดโกหก
การที่โฆษกรัฐบาลออกมาพูดเพียงว่านายกรัฐมนตรี เป็นคนดี ไม่มีพฤติกรรมแบบที่ฝ่ายค้านกล่าวหา เป็นเรื่องที่วิญญูชนเข้าใจได้ เพราะเป็นหน้าที่ของโฆษกรัฐบาลต้องพูดเช่นนั้น แต่ก็มีเสียงเรียกร้องว่าหากนายกรัฐมนตรีมั่นใจจริงๆ ว่าตนเองบริสุทธิ์ ไม่มีพฤติกรรมชั่วช้าดังที่ฝ่ายค้านกล่าวหากลางสภา นายกรัฐมนตรีต้องดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมายเพื่อเอาผิดกับผู้กล่าวเท็จกลางสภา ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องคาราคาซัง แล้วให้กาลเวลาเป็นตัวกลืนกินข้อกล่าวหาต่างๆ ให้เงียบหายไป และที่สำคัญคือนายกรัฐมนตรีต้องไม่ทำให้เรื่องโกหกกลางสภาเป็นเรื่องปกติธรรมดา อย่าคิดว่าการโกหกกลางสภาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติวิสัยของนักการเมืองจำพวกไร้ศีลไร้สัตย์ไร้ยางอาย แต่นายกรัฐมนตรีต้องสำเหนียกไว้เสมอว่าตนเองก็คือหนึ่งในกลุ่มของนักการเมืองเช่นกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี