ความเป็นชาติหนึ่งใด มีพื้นฐานมาจากความรู้สึกนึกคิดและความผูกพันว่า เป็นพวกเดียวกัน โดยอ้างอิงชาติพันธุ์ สายเลือด ภาษา ประเพณีวัฒนธรรม ระบบความนึกคิดและความเชื่อถือที่มีร่วมกันในกลุ่มคนเหล่านั้น
ความเป็นชาติไทย สามารถเห็นได้จากภาษาไทยที่ใช้ร่วมกัน รวมถึงการนับถือศาสนาหลักใดๆ ที่ควบคู่กับความเชื่อถือดั้งเดิมของการเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อในภูตผีปีศาจ การมีศาลพระภูมิ การเชื่อถือในเรื่องโชคลาง เวทมนตร์ คาถาและของขลัง นอกจากนั้นยังร่วมด้วยการเคารพในครูบาอาจารย์ และผู้หลักผู้ใหญ่ที่ดำรงชีวิตเป็นแบบอย่างอยู่ในศีลในธรรม และมีความเมตตา ในขณะเดียวกัน คนไทยนั้นรักความเป็นอิสระเสรี ไม่ชอบการกดขี่ ไม่ยินยอมต่อการใช้อำนาจโดยมิชอบ
ด้วยความที่ชาติไทยแต่ดั้งเดิมดำรงชีวิตอยู่กับธรรมชาติ อาศัยพึ่งพาความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และความสม่ำเสมอของฤดูกาล เพื่อการเพาะปลูกและการดำรงชีวิตประจำวัน ชนชาติไทยจึงมีความเรียบง่าย และพอเพียง และใฝ่หาสันติ มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และร่วมกันปกป้องรักษาความเป็นชาติไทย
ในชาติใดๆ ก็ย่อมต้องมีระบบการปกครองหรือการบริหารจัดการบ้านเมือง เมื่อมีชาติก็จึงต้องมีรัฐ ซึ่งเป็นเรื่องของการมี และการใช้อำนาจเพื่อตอบสนองความเป็นปึกแผ่นและความเจริญก้าวหน้าของความเป็นชาติ
ฉะนั้น ความอยู่รอดและความยั่งยืนของชาติใดๆ นั้นย่อมขึ้นอยู่กับความเป็นรัฐเป็นสำคัญ จึงเป็นที่คาดหวังจากผู้คนในชาติว่า ผู้มีอำนาจรัฐจะใช้อำนาจเพื่อส่วนรวมของชาติ
แต่ทว่าในชีวิตจริงนั้น รัฐชาติบางรัฐกลับมีการแทรกแซง การถือครอง และการใช้อำนาจรัฐ โดยการใช้อำนาจโดยมิชอบ ทั้งการฉ้อฉล ทุจริตคดโกง ไปจนถึงการเล่นพรรคเล่นพวกเป็นระบบอุปถัมภ์ และเล่นแร่แปรธาตุกับกฎเกณฑ์กติกาของบ้านเมือง
รัฐใดก็ตาม หากไม่ดำเนินด้วยทำนองคลองธรรม รัฐก็จะล้มเหลว และนำไปสู่ความล่มสลายของชาติ รัฐไทยก็ไม่พ้นไปจากกฎเกณฑ์นี้ ซึ่งหากเมื่อใดที่รัฐไทยบริหารงานไม่สุจริต เต็มไปด้วยความฉาวโฉ่ ไร้ซึ่งจิตสำนึก และไร้ซึ่งฝีมือ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ประชาชนในชาติไทย จะรวมตัวกันออกมาท้วงติง คัดค้าน เรียกร้อง ไปจนถึงการลุกฮือ โดยเพื่อเป็นการป้องกันมิให้การนี้ต้องเกิดขึ้น ผู้ใช้อำนาจรัฐจึงจำเป็นจะต้องมีสติในการทบทวน รับฟัง ปรึกษาหารือ และหาทางแก้ไขร่วมกัน
ผู้ใช้อำนาจรัฐจึงจะต้องไม่ลืมว่า อำนาจนั้นมีไว้ก็เพื่อรับใช้ประชาชน มิใช่เพื่อการควบคุม กดขี่ ขู่บังคับ หรือคุกคามพลเมือง และจะต้องใช้อำนาจเพื่อเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้า และความผาสุกของชาติเป็นสำคัญ
แต่สิ่งที่เราเห็นในประวัติศาสตร์ของหลายๆ ประเทศ (มิใช่แค่เพียงในราชอาณาจักรไทย) ก็คือการที่รัฐสาละวนอยู่กับการใช้อำนาจแต่อย่างเดียว เพื่อการรักษาอำนาจ เพื่อการปกป้องตนเองมากกว่าการที่จะใช้อำนาจรัฐเพื่อเป็นกลไกอันสำคัญในการตอบสนองความต้องการของชาติ ในระยะแรกก็อาจจะทำได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ประชาชนก็จะทนไม่ได้ ส่งผลให้รัฐนั้นๆ ดำเนินไปอย่างกระท่อนกระแท่น และเกิดผลกระทบในเชิงลบต่อความเป็นชาติในที่สุด
ณ วันนี้ ราชอาณาจักรไทย หรือชาติไทยมีประเด็นปัญหาเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำ การเลือกปฏิบัติ และรัฐไทยทำเฉยเมย หรือไม่รู้สึกร้อนหนาวต่อความอนาทรร้อนใจของปวงชน โดยรัฐไทยนั้นมุ่งใช้อำนาจเพื่อตีกรอบผู้ที่เห็นต่างและในขณะเดียวกัน ในกลุ่มผู้กุมอำนาจก็เต็มไปด้วยการทะเลาะเบาะแว้ง แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเองในระหว่างกลุ่มอำนาจต่างๆ ทั้งๆ ที่สังคมชาติไทยมีวลีว่าด้วย “การนั่งจับเข่าคุยกัน” การช่วยเหลือเอื้อเฟื้อร่วมมือกันอย่างวลี “การลงแขก” ซึ่งหมายถึงการร่วมกันในงานบุญต่างๆ เป็นจิตสาธารณประโยชน์
ซึ่งหากผู้นำหรือผู้มีอำนาจรัฐจะได้หวนกลับมาคิดถึงระบบความนึกคิด และประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของไทยสักหน่อย ก็อาจจะช่วยทำงานทำการ บริหารบ้านเมืองได้ดีขึ้น โดยจะต้องไม่มัวตกอยู่ในวังวนของการรู้สึกว่าเป็นผู้มีอำนาจ และจะต้องใช้แต่อำนาจเท่านั้น
การเป็นผู้นำที่ดีนั้นต้องใจกว้าง เผื่อแผ่ และมีเมตตาเป็นสำคัญ สังคมชาติไทยอยู่มากับความเชื่อถือในเรื่องความดีงาม และไม่มีเหตุผลอันใดที่ผู้นำผู้ใช้อำนาจรัฐ จะไม่อยู่กับความดีงามเป็นตัวยึดเหนี่ยว และเป็นแนวทางปฏิบัติ
ในแง่หนึ่งมันก็น่าดูอดสูที่ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองคิดถึงแต่การใช้อำนาจ และวิธีการใช้กลไกของบ้านเมืองเพื่อปราบปรามคนหนุ่มคนสาว ซึ่งจัดได้ว่าเป็นลูกเป็นหลาน และสิ่งที่เขาเรียกร้องก็อยู่ในวิสัยที่จะชี้แจงและร่วมกันหาข้อยุติได้ การพูดจากันไม่ใช่เป็นเรื่องยาก ถ้าประสงค์ที่จะดำเนินการ ซึ่งการปราบปรามนั้นรังแต่จะสะท้อนแต่เรื่องความโหดเหี้ยม และการไร้ซึ่งเมตตา ซึ่งมิใช่วิสัยของชาติไทย
อย่าลืมว่าเมื่อถึงวันหนึ่ง ทุกๆ คน ก็จะหมดวาระและต้องลงจากเวทีไป แต่ทำไมเล่าถึงจะไม่จากไปอย่างสง่างามด้วยความออมชอม หันหน้าเข้าหากัน และก็จับเข่าคุยกัน ผู้สร้างสันติอย่างไรๆ ก็ยังจะสง่างามกว่าผู้สร้างสงคราม คิดเสียว่าชาติต้องมาก่อน ความเป็นรัฐก็จะได้ตอบสนองชาติ และมิได้ตอบสนองแค่ผู้ใช้อำนาจรัฐ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี