เมื่อเร็วๆ นี้ นายณัฐพงศ์ สำเภาแก้วผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง พร้อมด้วย นายโยธิน ทองพะวา ประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย นายรวิศุทธ์ คณิตกุลเศรษฐ์รองเลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทยนายสุรนาถ แป้นประเสริฐ เครือข่าย Active Youth และแกนนำเครือข่ายเยาวชน 10 คน แต่งกายด้วยชุดนักเรียนพันธนาการด้วยขวด “น้ำท่อม” เข้ายื่นหนังสือถึง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แสดงจุดยืน ข้อห่วงใย พร้อมข้อเสนอต่อการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม.... ซึ่งกำลังอยู่ในการพิจารณาของวุฒิสภาชั้นกรรมาธิการ
นายรวิศุทธ์ คณิตกุลเศรษฐ์ รองเลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตามที่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับ 8) พ.ศ. 2564
ในประกาศราชกิจจานุเบกษา ปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดประเภท 5 ทำให้พืชกระท่อมไม่เป็นยาเสพติดและไม่ผิดกฎหมายอีกต่อไป และสภาผู้แทน
ราษฎรได้มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม พ.ศ. ....โดยมุ่งส่งเสริมและให้มีการพัฒนาเป็นพืชทางเศรษฐกิจ กำหนดมาตรการดูแลเฉพาะการนำเข้าและการส่งออกเท่านั้นที่ต้องขอรับใบอนุญาตก่อน ส่วนการเพาะ การปลูก และการขายใบพืชกระท่อม นอกเหนือจากที่ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้กำหนดไว้ ให้ทำได้ ประชาชนสามารถครอบครอง บริโภค และใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อมได้ ซึ่งขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกรรมาธิการวุฒิสภา ในชั้นกรรมาธิการ
“แม้ในร่าง พ.ร.บ.ฯ จะมีมาตรการคุ้มครองสุขภาพของผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเปราะบาง โดยมีมาตรการห้ามขายให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร และการห้ามโฆษณาในกรณีที่ใช้พืชกระท่อมเป็นส่วนผสมของยาเสพติดในแบบ 4x100 แต่อาจกล่าวได้ว่ายังขาดความรอบด้านในมิติการปกป้องเด็ก เยาวชน และกลุ่มเปราะบางความเป็นจริงในตอนนี้การกินน้ำกระท่อมผสมสารเสพติดยิ่งระบาดหนักหลังจากปลดล็อก ถ้าไม่ล้อมคอกกันก่อนวัวหาย ความเสียหายเกิดขึ้นในวันข้างหน้าจะยากเกินแก้ไข ข้อสำคัญคือพืชกระท่อมยังสามารถเสพติดและส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ถ้าใช้ไม่เหมาะสม”นายรวิศุทธ์ กล่าว
ด้าน นายณัฐพงศ์ สำเภาแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง กล่าวว่า เราเห็นด้วยและสนับสนุนการปลดพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด
และเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถครอบครอง บริโภค และใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อมได้ตามวิถีชีวิตดั้งเดิม แต่อย่างไรก็ตามเครือข่ายมีข้อห่วงใยในร่างกฎหมายดังกล่าวประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน ที่พบว่า ยังขาดความรอบด้านในมิติการปกป้องเด็ก เยาวชน และกลุ่มเปราะบาง จึงขอแสดงจุดยืนและข้อเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณาดังนี้ 1.ในร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม ควรกำหนดห้ามขายให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี (ร่างเดิมกำหนดที่ 18 ปี) เพื่อลดโอกาสการเข้าถึงออกไปอีกสองปี เช่นเดียวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่แม้จะไม่ใช่สินค้าที่ผิดกฎหมาย แต่มีโอกาสที่เกิดผลกระทบต่อตัวผู้บริโภคและสังคมส่วนรวม 2.ควรกำหนดให้สถานศึกษา เป็นสถานที่ห้ามบริโภคน้ำต้มใบกระท่อม รวมถึงในกิจกรรมหรือโครงการต่างๆ ที่สถานศึกษาอนุญาตให้จัด เช่น กิจกรรมรับน้อง กิจกรรมค่ายกิจกรรมทัศนศึกษา กิจกรรมกีฬาสี หรือกิจกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องกับนักเรียน นักศึกษา 3.ควรควบคุมการโฆษณาหรือการสื่อสารการตลาดใบกระท่อมหรือน้ำต้ม
ใบกระท่อม หรือผลิตภัณฑ์อื่นใด มิให้มีเป้าหมายจูงใจ สื่อสารไปที่กลุ่มเด็กและเยาวชน
นายณัฐพงศ์กล่าวต่อว่า 4.ควรเปิดช่องในกฎหมาย ให้สามารถออกอนุบัญญัติใหม่ๆเพื่อควบคุมการขาย/การบริโภคที่อาจมีพัฒนาการส่งผลกระทบต่อเด็ก เยาวชน และประชาชนมากขึ้นในอนาคต 5.ภาครัฐควรเร่งสื่อสาร ให้เด็กและเยาวชนเข้าใจถึงผลกระทบในทางสุขภาพหากใช้อย่างไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง และความผิดที่ยังคงอยู่ตามกฎหมาย กรณีน้ำกระท่อมผสมสารเสพติด ยาแก้ไอ วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิต ประสาท และ 6.ขอวิงวอนไปยังเพื่อนเยาวชนให้ ลด ละ เลิก การบริโภคน้ำต้มใบกระท่อมที่มีส่วนผสมของสารเสพติด(4x100) และสารพัดสูตรเพื่อความมึนเมาและเสพติด เพราะทำลายสุขภาพ ผิดกฎหมาย มีบทลงโทษ และยังเป็นพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่เชื้อโควิด-19 จากการใช้อุปกรณ์ในการบริโภคร่วมกันด้วย
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ต้องขอบคุณทางเครือข่ายที่มาเสนอแนะความเห็น ขณะนี้ ร่างพ.ร.บ.
พืชกระท่อม ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว อยู่ในชั้นการพิจารณาของวุฒิสภา ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้มีการปรับร่างให้สอดคล้องกับสภาพสังคม ซึ่งการปลดล็อกพืชกระท่อมเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรอย่างมาก โดยข้อเสนอต่างๆ เหล่านี้ตนขอรับไว้ แต่ทางเครือข่ายอาจจะต้องไปยื่นกับทางวุฒิสภาด้วย
ครับ!! ผมหยิบยกเรื่องนี้มาเขียนก็ด้วยความห่วงใย ที่การปลดล็อกพืชกระท่อมแล้ว จะปัญหาอื่นๆ ตามมาอีก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี