ระบบกฎหมายและความยุติธรรมของประเทศกำลังถูกท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง นั่นคือความพยายามของคนบางกลุ่มที่ต้องการยืมมือศาลรัฐธรรมนูญต่ออายุอำนาจให้กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งอย่างช้าที่สุดในวันที่ 23 สิงหาคม 2565
การขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาตามรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องปกติและเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของศาลรัฐธรรมนูญ แต่นั่นก็ต้องเป็นเรื่องที่มีปัญหาหรือ
มีเหตุอันสมควรที่จะต้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และย่อมไม่ใช่การยืมมือศาลรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือในการต่ออายุอำนาจ โดยย่ำยีทำลายทั้งระบบกฎหมายและศาลรัฐธรรมนูญไปด้วย
ตลอดระยะเวลาร่วมสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แกนนำพรรคฝ่ายค้านได้ชูประเด็นสำคัญขึ้น โดยระบุว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ไม่เกิน 8 ปี และจะครบกำหนดในวันที่ 23 สิงหาคม 2565 จากนั้นก็มีการออกความคิดความเห็นในเรื่องนี้กันมากมาย
ก็ไม่รู้ว่าทำไมแกนนำของพรรคเพื่อไทยจึงต้องพูดเรื่องนี้ เพราะความจริงไม่ใช่เรื่องที่ต้องพูด เพราะเป็นความจริงที่รู้กันดีอยู่แล้วเนื่องจากเป็นบทบัญญัติที่มีอยู่อย่างชัดเจนในรัฐธรรมนูญ 2560 โดยไม่มีข้อสงสัยประการใด
เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 นั้นได้บัญญัติอย่างชัดเจนและรัดกุมในเรื่องนี้ ไม่มีข้อปัญหา ไม่มีข้อสงสัย จึงไม่มีใครจะต้องพูดเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องที่รู้ดีกันอยู่ทุกคนเหมือนกับความรู้ที่ว่า ประเทศไทยต้องมีรัฐบาล และคณะรัฐมนตรีจะมีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ไม่เห็นมีความจำเป็นใดที่จะต้องมาพูดเรื่องนี้ หรือเห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา
และเป็นเรื่องที่แปลกมากว่าทันทีที่มีการพูดเรื่องนี้ขึ้นก็มีผู้ออกความเห็นแย้งว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560 เพียงสองปีเศษ ยังไม่หมดวาระการดำรงตำแหน่ง และต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ก่อนอื่นก็ต้องกล่าวว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้นได้ตราขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งมีข้อความชัดเจนและเข้าใจได้ตามลายลักษณ์อักษรนั้น แต่อย่างไรก็ดี เป็นหลักการทางกฎหมายว่าถ้าหากมีข้อสงสัยถึงความหมายอันอาจจะมีข้อความบางประการที่ไม่ชัดเจนก็จำเป็นที่จะต้องตีความ
และหลักการในการตีความนั้นก็ต้องตีความตามตัวอักษรตามที่ตราไว้ในรัฐธรรมนูญ และถ้าตีความตามตัวอักษรแล้วยังไม่ชัดเจนก็ต้องอาศัยเจตนารมณ์ประกอบการตีความ และเจตนารมณ์ที่ว่านี้ก็คือเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่สามารถดูได้จากบทมาตราต่างๆ ประกอบเข้ากัน
ไม่มีที่ไหนในโลกที่จะให้สอบถามเจตนารมณ์จากคนร่างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นเรื่องเสียสติวิปริตไปแล้ว เพราะความคิดเช่นนั้นก็คือความคิดให้คนร่างรัฐธรรมนูญเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญและมีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญด้วย
ในเรื่องเวลาสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น รัฐธรรมนูญ 2560 บัญญัติโดยชัดแจ้งว่า
มาตรา 158 วรรคสี่ “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง”
ดังนั้น ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจึงต้องไม่เกิน 8 ปี
มาตรา 264 บัญญัติว่า “ให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าที่”
ดังนั้น การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวจึงอยู่ในบังคับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ดังกล่าว และการดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวนั้นสิ้นสุดลงเมื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งเข้ารับตำแหน่ง โดยไม่มีช่วงเวลาว่างเว้นแม้แต่ 1 นาที
โดยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญดังกล่าวจึงต้องนับระยะเวลาที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว เป็นระยะเวลาการดำรงตำแหน่งตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วย และนับต่อเนื่องโดยไม่ต้องว่างเว้นแม้แต่ 1 นาที
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีชั่วคราวเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2557 จึงต้องนับวันดังกล่าวเป็นวันเริ่มต้นของการนับระยะเวลา 8 ปี
เมื่อมีการดำรงตำแหน่งอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีเวลาว่างเว้นแม้แต่ 1 นาที กำหนดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งจึงครบกำหนด 8 ปี ในวันที่ 23 สิงหาคม 2565
นั่นคือเมื่อพ้นเวลา 24.00 น. ของวันที่ 23 สิงหาคม 2565ความเป็นนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หากว่ายังดำรงตำแหน่งอยู่ในวันนั้นก็จะเป็นอันสิ้นสุดลง นั่นคือในวันที่ 23 สิงหาคม 2565 เวลา 24.00 น.
ไม่มีปัญหาและไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลย ดังนั้นหากหวังจะต่ออายุโดยอาศัยรัฐธรรมนูญ แทนที่จะคิดอ่านตีความในลักษณะเช่นที่กล่าวมาก็ควรทำเสียให้ถูกต้อง นั่นคือแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่เคยมีคนทักท้วงไว้ก่อนแล้ว โดยให้มีบทบัญญัติข้อความว่า “การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว ไม่ให้นับรวมเป็นระยะเวลาตามมาตรา 158”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี