ยิ่งเดินบน “ถนนการเมือง” นานและไกลเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าใกล้ “ปากเหวทางการเมือง” มากขึ้นเท่านั้น สำหรับพล.อ.ประยุท์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือ “ลุงตู่”ของใครหลายคน
1) ลุงตู่ ปลด “ผู้กองธรรมนัส” จากเก้าอี้รัฐมนตรีได้ แต่เอาลงจากเก้าอี้ “เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ” ไม่ได้ มันบอกอะไรเราบ้าง?
ไอ้ที่บอกว่า 3ป.รักกันดี ใช่อาจจะยังรักกัน แต่ไม่ได้เห็นพ้องต้องกันไปเสียทุกเรื่องเสียแล้ว จริงไหม ไม่อย่างนั้นพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งส่งสัญญาณครั้งก่อนให้พรรคพลังประชารัฐเลือก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นเลขาธิการพรรค คงดำเนินการ “ปลด” ผู้กองธรรมนัสจากตำแหน่งเลขาฯ พรรคไปแล้ว รวมถึงนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ก็ยังเป็นเหรัญญิกพรรค และยังทำงานคลุกคลีใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตรเหมือนเดิม สิ่งนี้บอกอะไร
ข่าวลือเรื่อง “พี่ใหญ่ว้ากเสียงดังมากในห้องพูดคุยส่วนตัว” อาจจะจริงก็ได้ เพราะในที่สุดท่านก็เลือกจะเก็บ ร.อ.ธรรมนัส ไว้ ถามว่า นี่ไม่ใช่ “หนามยอกอก” พล.อ.ประยุทธ์ หรือ?
2) ได้อะไรจากการปลด ร.อ.ธรรมนัส?
การปลด ร.อ.ธรรมนัสจากเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นการโชว์พลัง (Power) ของ พล.อ.ประยุทธ์ แค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น แล้วทุกอย่างก็จบที่ “เจ๊ากับเจ๊ง” เมื่อ พล.อ.ประวิตร เก็บ ร.อ.ธรรมนัส ไว้บนเก้าอี้เลขาฯพรรค จากนั้น ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ก็ต้องทำอย่างที่ ร.อ.ธรรมนัสเคยเสนอไว้คือ ให้ลงพื้นที่ ใกล้ชิดประชาชน สร้างคะแนนนิยม สร้างความประทับใจ และให้เอา สส.พลังประชารัฐลงพื้นที่ด้วย เพราะที่ผ่านมา ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์กับพรรคพลังประชารัฐและ สส. นั้น ห่างเหินกัน เหมือนคุณพระกับอีเย็น นางทาสท้ายครัว กระสันเมื่อไหร่ก็มาหา หมดอยากก็แยกจากไป ปล่อยให้ “นางทาส” พวกนี้มีหน้าที่แค่ “ยกมือในสภา” พอ ร.อ.ธรรมนัส ส่งสัญญาณเตือนว่า ถ้าอยู่แบบนี้ต่อไป เลือกตั้งรอบหน้าเหนื่อยนะลุงถึงได้รู้สึก!!
3) ถามว่า ร.อ.ธรรมนัส อยากเป็นรัฐมนตรีเหรอ?
ก็คงอยากแหละ จะมีนักการเมืองสักกี่คนที่ไม่อยากเป็นรัฐมนตรี ยิ่งเป็นเลขาธิการพรรค ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะให้นั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการต่อไปอีกนานไหมล่ะ? ผ่านการเป็นรัฐบาลมาครึ่งเทอมแล้ว คะแนนนิยมก็ไม่ได้สวยหรูดูดี ยังไม่มี “พื้นที่การทำงาน” ให้ สส.อีก นอกจากคอยเป็น “พลทหารในสภา” ก็ต้อง “ลองวิชา” กันหน่อยวะ ไม่มีอะไรจะเสียหรอก เต็มที่ก็ถูกปลด ซึ่งเมื่อถูกปลดจริงๆ ใครลำบากกว่ากันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ ร.อ.ธรรมนัส
4) ถ้า “ลุงตู่” จะเป็นนายกฯ ต่อ เป็นได้ด้วยตัวเองลำพังหรือเปล่า?
โอ๊ย!! สส.ก็ไม่ได้เป็น สมาชิกพรรคก็ไม่ได้เป็น ถ้าพรรคการเมืองเขาไม่โหวตให้ ถึงวันนั้นจะทำยังไง ใช่ ลำพองในคะแนนนิยมของตัวเองไปเถอะ เจอนักเลือกตั้งเหลี่ยมจัด เกาะกระแสไป กบดานนิ่งวันนี้ แล้วค่อยฟาดงวงฟาดงาในวันหน้า จะมีปัญญาทำอะไรได้ เช่น ปีหน้าเกิดฝ่ายค้านขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจอีก หรือมีกฎหมายสำคัญเข้าสภาอีก คิดว่า “อำนาจต่อรอง” เป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ หรือของพรรคพลังประชารัฐล่ะ? และมีข้อผูกมัดอะไร ว่าสมัยหน้า พรรคพลังประชารัฐต้องเสนอลุงตู่เป็นนายกฯ คนเดียว สมมุติเสนอไว้สองหรือสามชื่อถึงเวลาจะโหวตให้ชื่อไหน มันก็ต้อง “คุย” กัน ว่ามีเงื่อนไขอะไรที่น่าสนใจบ้าง ชีวิตของลุงตู่นับจากนี้ จะเผชิญกับการกดดันและต่อรองอย่างมหาศาล เพราะท่านมิได้หายใจด้วย “จมูก” ของท่านเอง
5) เราจึงเห็นว่า เวลานี้ข่าวเรื่อง ปรับ ครม. โผล่มาอีกแล้ว จะไม่ให้เกิดข่าวนี้ได้ยังไง ก็ในเมื่อ 2 เก้าอี้ที่ว่างลง เป็นโควตาพรรค ไม่ใช่โควตานายกฯ
รอดูกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมีปัญญาแข็งขืนได้อีกนานแค่ไหน
เมื่อเวลา 14.20 น.วันที่ 5 ตุลาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เน้นย้ำว่า ยังไม่มีการปรับ ครม.รัฐบาลยังทำงานร่วมกันตามปกติ และขอบคุณ ครม.ที่ได้ร่วมทำงานกันมากว่า 2 ปี 3 เดือน ยืนยันไปแล้วยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลยังทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 แก้ปัญหาน้ำท่วมและความยากจน นอกจากนี้ ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายกรัฐมนตรีได้มอบให้ไปพิจารณาจัดทำแซนด์บ็อกซ์ปศุสัตว์ กำหนดพื้นที่กลุ่มคนสมาชิกนำร่อง เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม โดยรัฐบาลจะพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับโครงการต่างๆ ด้วย
ทั้งนี้ ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ นายกฯ พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เพื่อติดตามความพร้อม และแผนการรับมือบริหารจัดการน้ำ การระบายน้ำ หากมรสุมเคลื่อนจากภาคกลาง ลงไปยังภาคใต้ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจะตรวจเยี่ยมศูนย์ดิจิทัลตำบลมะม่วงสองต้น ซึ่งเป็นชุมชนที่ใช้เทคโนโลยีสื่อดิจิทัลอินเตอร์เนตเรียนรู้และต่อยอดมูลค่าผลผลิตของชุมชน กระตุ้นยอดขายทางออนไลน์ในช่วงโควิด-19 รวมทั้งจะไปเยี่ยมชมโครงการเน็ตประชารัฐ กลับการบริการดิจิทัลเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
“นายกฯ ห่วงใยในสถานการณ์น้ำทุกพื้นที่ พยายามลงพื้นที่ด้วยตัวเองเพื่อเร่งแก้ปัญหาต่างๆ ให้ทันถ่วงที ซึ่งการลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ในครั้งนี้ก็เพื่อติดตามการเตรียมความพร้อมการบริหารจัดการน้ำ เยี่ยมเยียน เป็นขวัญกำลังใจ ให้กับประชาชนให้ผ่านวิกฤตภัยพิบัติทั้งโควิด-19 และน้ำท่วมไปได้โดยเร็ว”
มีแต่เสียงของโฆษก เสียงที่ออกจากปากนายกฯ ยังไม่ปรากฏในที่สาธารณะเลย จริงไหม?
6) ก็เพราะไปปลด ร.อ.ธรรมนัส ในที่สุดก็เกิดปรากฏการณ์ ปีนเกลียวพรรคร่วม เอางานเดิมของ รอ.อ.ธรรมนัส มาให้รองนายกฯ ประวิตรดู จนพรรคประชาธิปัตย์ออกมาสอนมารยาท
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรีที่มอบให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล 4 กรมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเคยเป็นงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่าอดีต รมช.เกษตรฯ ว่า หัวใจของการบริหารรัฐบาลผสมคือความไว้วางใจและการให้เกียรติกันและกัน ถ้าขาด 2 สิ่งนี้รัฐบาลก็อยู่ยาก ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเปลี่ยนรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับนโยบายด้านประมง จากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็น พล.อ.ประวิตร โดยไม่มีการปรึกษาหารือก่อน คราวนี้เป็นครั้งที่ 2 ถ้าจะปล่อยไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงไม่ได้ ก็ต้องพิจารณาว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างไร หรือจะอยู่ร่วมกันต่อไปหรือไม่
“ผมไม่อยากให้ถึงจุดนั้น เพราะบ้านเมืองกำลังเผชิญวิกฤตรอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจและโรคโควิด-19 จะทำให้การเมืองมีปัญหามาซ้ำเติมประเทศทำไม เรามีหน้าที่แก้ปัญหา ไม่ใช่สร้างปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นปัญหาภายในพรรคแกนนำเอง ยิ่งไม่ควรมาสร้างปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาล ดังนั้น นายกรัฐมนตรีควรรีบแก้ไขให้ถูกทำนองคลองธรรม ให้เกียรติกันและกัน ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย” นายอลงกรณ์ กล่าวชัดเจนว่า การแก้ปัญหาหลังปลดธรรมนัส แต่ยัง “หวงงาน” เดิม ทั้งๆ ที่กระทรวงเกษตรฯมีรัฐมนตรีช่วยอีก 2 คน คือ นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ จากพรรคภูมิใจไทยกับนายประภัตร โพธสุธน จากพรรคชาติไทยพัฒนา และรัฐมนตรีเฉลิมชัย ศรีอ่อน จากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ส่งสัญญาณชัดว่า “เป็นเรื่องบริหารภายในกระทรวง ที่ผมยังกำกับดูแล 100% วันนี้หลายเสียงสะท้อนออกมาให้สังคมรับทราบแล้ว ซึ่งผมรักษาการอยู่ตรงนั้น สามารถดำเนินการทุกอย่างในกระทรวงได้ 100% และในชีวิตการทำงานผมเชื่อว่า ถ้าทำในสิ่งที่ถูกต้องไม่มีใครมาก้าวก่ายได้ และผมก็ยืนยันจะปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง ดังนั้นการก้าวก่ายไม่มี”
สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องเซ็นยกเลิกคำสั่งตั้ง พล.อ.ประวิตร มากำกับงานในกระทรวงเกษตรฯ
ซึ่งสิ่งที่น่าจะตามมา มีหนทางเดียว คือ ตั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการเข้ามาเรียกงานส่วนนี้คืน
7) ในอนาคต ชีวิตทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ต่างจากนี้ ชัยชนะในการจัดตั้งรัฐบาลได้ ไม่ได้แปลว่า พรรคพลังประชารัฐต้องชนะพรรคเพื่อไทย แค่ชนะประชาธิปัตย์กับชนะภูมิใจไทย แล้วยื่นเงื่อนไขดีๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน บวกกับ สว.ที่ยังมีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ หากพรรคเพื่อไทยไม่ชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงเกินครึ่งของสภา ก็ยากนักหนา ที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้
เว้นแต่ “เงื่อนไข” ดีกว่าที่ พล.อ.ประยุทธ์ กับแก๊งป.ปลาจะให้
เผลอๆ อาจเป็นพรรคพลังประชารัฐเองที่ไปจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
และทิ้ง “ลุงตู่” ไว้ข้างหลัง อย่างที่ลุงตู่เคยหวาดระแวง ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา
“ลุงตู่” ครับ ชัยชนะของท่าน อยู่ที่ผลงานของท่านบวกความสัมพันธ์กับพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วม
ดังนั้น เจริญสติให้มากๆ อย่าฟังกองเชียร์เยอะ ฟังคนโหวตให้ท่านในสภาดีกว่า เพราะท่านนำการเมืองมาสู่ “ระบบ” แบบนี้ ด้วยตัวท่านเอง
มันไม่มีอะไรง่ายอีกแล้วครับ สำหรับท่าน!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี