สัปดาห์นี้ “ที่นี่แนวหน้า” ขอนำเรื่องเล่าจาก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ว่าด้วยบทบาทของ “จิตอาสา” กำลังสำคัญในการรับมือวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 โดยเฉพาะในช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ที่สถานการณ์รุนแรงมากในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งในเวลานั้น เจ้าหน้าที่ของ สปสช. ต้องบอกว่างานตึงมือทั้งการรับแจ้งพบผู้ติดเชื้อและประสานส่งต่อผ่านสายด่วน1330 ไปจนถึงลงพื้นที่จัดส่งยาและสิ่งของที่จำเป็นแก่ผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวอยู่ที่บ้านเนื่องจากเตียงในโรงพยาบาลทุกแห่งเต็ม
“เรามีทีมแพทย์ประมาณ 6 คนและแพทย์ที่เวียนเข้ามาช่วยอีกประมาณ 10 คน กระบวนการทำงานเราคือ คนไข้แต่ละคนจะประเมินว่าอาการตัวเองกำลังอยู่ในโซนสีเขียวเหลืองหรือแดง เช่น มีไข้ มีโรคร่วม กลุ่มคนท้องกลุ่มเด็ก ถ้าคนไข้ประเมินอาการมาแล้วอยู่ในโซนเหลือง-แดง เจ้าหน้าที่ก็จะดึงข้อมูลเข้ามาในกลุ่มไลน์ที่มีหมออยู่ด้วย พร้อมเบอร์โทรให้หมอที่สะดวกในเวลานั้นติดต่อกลับไปประเมินคนไข้ แล้วก็ส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ สปสช.ว่าอาการอยู่ในโซนที่เป็นสีแดงจริง ให้เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น คนนี้ต้องให้ยา คนนี้ต้องประสานส่งออกซิเจนให้ก่อน คนนี้ต้องจองเตียงและประสานหน่วยกู้ภัยไปรับตัว ฯลฯ”
พญ.พัชรินทร์ ตรีจักรสังข์ กุมารแพทย์ด้านเวชบำบัดวิกฤต โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช หนึ่งในทีมแพทย์ที่เข้ามาช่วยงานระบบสายด่วน 1330 กล่าวถึงการทำงานช่วยชีวิตผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งความยากคือการที่แพทย์ไม่ได้เจอกับคนไข้ด้วยตนเอง ดังนั้นต้องอาศัยประสบการณ์ในการแยกแยะอาการเพื่อแจ้งให้หน่วยกู้ภัยเข้าไปรับตัว อีกทั้งคนไข้ที่ติดต่อเข้ามา หลายรายมักจะประเมินตนเองเป็นสีแดงกันหมดเพราะอยากเข้าโรงพยาบาล แต่ก็เข้าใจเพราะบางครั้งคนไข้โควิด-19 ก็น่าสงสาร ยิ่งคนที่ทำงานไม่ได้ ออกไปไหนก็ไม่ได้ รายได้ก็ไม่มี คนอื่นก็กลัว ก็เหมือนกับรอคอยความหวังว่าเมื่อไหร่จะมีคนติดต่อมา
ขณะที่ เสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล จิตอาสาจากโครงการ Volunteer Thailand ภายใต้การดูแลของหลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ เล่าว่า โดยปกติทีม Volunteer Thailand ก็ทำงานช่วยเหลือประชาชนอยู่แล้ว พอช่วงโควิด-19 ระลอกนี้ก็เริ่มมีคนขอความช่วยเหลือมาทางเพจ Facebook เช่น ขอยา อาหาร ฯลฯ ทีมงานก็จะส่งไปให้ พอทำไปได้พักหนึ่งก็รู้สึกว่าถ้าร่วมมือกับ สปสช.น่าจะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้มากขึ้น
จึงเริ่มประสานงานกับทีมงานของ สปสช. ในลักษณะที่หากทาง สปสช. ขาดเหลืออะไร ต้องการให้ไปช่วยตรงไหน เช่น ไปวิ่งส่งยา ออกซิเจน ทีมงานก็ไปส่งให้ ขณะเดียวกันถ้าทางทีมงานต้องการความช่วยเหลือจาก สปสช. เช่น หาเตียง หายา ทางทีมก็จะติดต่อประสานไปโดยเฉพาะในเรื่องการเชื่อมกับแพทย์จิตอาสากรณีมีเคสที่ต้องการรับคำปรึกษาก่อนที่จะจ่ายยาให้ สำหรับพื้นที่ทำงานหลักๆ จะอยู่ใน กทม.และปริมณฑล ทางทีมจะมีจิตอาสาประมาณ 10 กว่าคน
“ถ้ามีเคสที่มีปัญหาเราก็ไปทันที เช่น ค่าออกซิเจนต่ำ มีปัญหาด้านการหายใจ ส่วนมากก็จะเป็นช่วงค่ำ พอได้รับแจ้งเราก็รีบไป ถ้าชาวบ้านต้องการมากกว่าการส่งยาหรืออาหาร เช่น ต้องการเข้าสู่ระบบการดูแล เราก็จะติดต่อประสานมาทาง สปสช. ซึ่งการช่วยเหลือของเราก็ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นเฉพาะผู้ติดเชื้อคนที่ได้รับผลกระทบ เช่น มีคนติดเชื้อต้องไปกักตัวแล้วคนที่เหลือในครอบครัวไม่มีอาหาร ไม่มีเงินซื้อนมให้ลูก เราก็เอาของไปให้ เอานมไปให้ บางรายไปช่วยไม่ทัน เสียชีวิตแล้วไม่มีเงินทำศพ เราก็ไปช่วยจัดงานศพให้” เสกสันน์ กล่าว
แม้จะผ่านช่วงสถานการณ์วิกฤตมาแล้ว แต่งานจิตอาสาของทีม Volunteer Thailand ยังคงดำเนินต่อไป เสกสันน์ เล่าต่อไปว่า ยังมีผู้ขอรับความช่วยเหลือเข้ามาอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่รูปแบบการขอความช่วยเหลือเปลี่ยนไป เช่น อาจไม่ได้ส่งยามากนักเพราะขณะนี้ผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาได้มากแล้ว แต่ก็จะขอรับข้าวสารอาหารแห้งมากขึ้นเพราะชาวบ้านไม่มีกิน เป็นต้น
ด้าน อัครพล ทองธราดล พิธีกรรายการข่าวช่อง 8 อีกหนึ่งทีมงานของ Volunteer Thailandเปิดเผยว่า เมื่อรู้จักกับทีมของเสกสันน์และหลวงพ่ออลงกต ก็รู้สึกสนใจว่าเหตุใดคนกลุ่มนี้ถึงทุ่มเทกำลังช่วยเหลือผู้คนโดยไม่เลือกยากดีมีจน และท้ายที่สุดก็ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีม จนได้เข้าใจว่า “การแบ่งปันช่วยเหลือกันเป็นสิ่งจำเป็นมาก ถ้ามีให้กันมันจะทำให้สังคมมีความสุข” บางทีเราอาจรู้สึกว่าฉันต้องมี ฉันต้องรวย แต่สุดท้ายมันก็ไม่มีอะไรแน่นอน การได้ช่วยเหลือกันให้คนอื่นยิ้มได้ รอดชีวิตได้ หายป่วยได้ ก็เป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่ง
“ในภาวะวิกฤต ระบบปกติอาจไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือวิกฤตฉุกเฉิน แต่ถ้าทุกภาคส่วนจับมือกันได้ก็จะทำให้เกิดพลังผ่านพ้นวิกฤตนั้นไปได้ อย่างน้อยก็ทำให้สถานการณ์ไม่หนักขึ้นไปอีก แม้บางอย่างจะไม่ได้สมบูรณ์ 100% ก็ตาม แต่พอผ่านวิกฤตไปก็ทำให้การจัดการระบบง่ายขึ้น เช่นเดียวกับการร่วมงานกับสปสช.ในครั้งนี้ ก็ถือว่าได้ช่วยแบ่งเบาภาระของกันและกันเพราะ สปสช.เป็นด่านที่รับเคสมาโดยตรง ส่วนทีม Volunteer Thailand ได้ช่วย สปสช.อย่างเต็มที่” อัครพล กล่าว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี