l เช่นเดียวกับ เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศ ที่เราไม่สามารถสรุปบทเรียนและนำเอามาใช้ได้
ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะตั้งแต่เหตุการณ์ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ไล่มาเรื่อยๆ จนถึงเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖
ที่เป็นประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชนไทยที่ยิ่งใหญ่ ผ่านมาถึง เหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ เหตุการณ์ พฤษภาคม ๒๕๓๕ และ จนมาถึงปัจจุบัน
l ปัจจัยใหญ่ที่สำคัญ ที่ขาดหายไป อาจจะไม่มีมีน้อย ไม่มากพอ ในเรื่องข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ทำให้ประเทศไม่ได้รับข้อมูล และเรื่องราวความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด ในภาพรวมซึ่งจะทำให้เราสามารถสรุปบทเรียน ข้อดี ข้ออ่อน ข้อจำกัด อุปสรรค และโอกาสฯ เราจึงไม่ได้เห็นและเข้าใจ “ปัญหาหลัก และอุปสรรค การพัฒนาประเทศไปสู่ประชาธิปไตยได้จริง” เราจึงติดในหลุม กับดัก ถ้ำ : ที่มีแต่ “วงจรอุบาทว์ทางการเมือง” หาทางออกไม่พบ
๑. เราทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ นักการเมือง นักวิชาการ ผู้นำภาคประชาชนฯ ที่เข้าร่วม และสื่อฯ : ไม่ได้เห็นความสำคัญของ
การสรุปบทเรียนและคุณค่า ความหมาย ผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ฯ ที่ประชาชนและประเทศจะได้รับ
๒. ผู้นำที่มีบทบาท ทุกฝ่าย ไม่มีความกล้าหาญพอที่จะยอมรับความเป็นจริง หรือความผิดพลาดของฝ่ายตน
๓. ผู้นำทางอุดมการณ์บางส่วน พูดความจริงบางด้าน (ของฝ่ายภาครัฐ และฝ่ายอื่นฯ) แต่ไม่พูดความจริง ในส่วนที่บกพร่องผิดพลาดใหญ่ของพวกตน
๔. ผู้ร่วมในเหตุการณ์ ไม่ได้ให้ความจริงทั้งหมด ทำให้เราไม่ได้ความจริงครบถ้วน
(๑) มีทั้ง “ไม่เปิดเผยความจริงที่ตนเกี่ยวข้อง”
(๒) บางส่วน พูดแต่ในมุมที่ตนเองเกี่ยวข้อง และมีบางคน ก็ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด
(๓) บางส่วน รับรู้เหตุการณ์บางเรื่อง แต่ไม่มีฐานะบทบาท ที่จะพูดออกมาและสังคม ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ
ไปรับฟัง “ความคิดความเห็น การกระทำของพวกเขา”
(๔) บางส่วนที่รับรู้ความจริงในบางมุม ได้จากไปแล้ว
(๕) บางส่วน โดยฐานะหน้าที่ ที่สำคัญ “ไม่สามารถแสดงทัศนะต่อสาธารณะได้”
๕. ผู้นำบางส่วน ทั้งนักการเมือง นักวิชาการ และคนมีอุดมการณ์ นอกจากไม่นำเสนอความจริงแต่ยังนำเสนอในส่วน
ที่เป็นอุดมการณ์ที่ตนเชื่อถือ ไปสู่ลูกศิษย์ เยาวชนฯ ที่เกิดทีหลังฯโดยหวังจะ “ใช้เยาวชน และคนไม่รู้ความจริง” ให้เชื่อตาม “ความคิดของตน” โดยไม่สนใจ ในการเคารพความจริง และผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่หวัง ให้ “ประชาชน เชื่อในด้านเดียว” เพื่อให้ “ประชาชนชิงชัง บุคคล สถาบันที่ตนต้องการทำลายล้างฯ”
๖. เป็นข้ออ่อนของภาครัฐ ผู้นำของสังคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการ นักอุดมคติฯ ของไทยเป็นข้อจำกัด
ในระดับวัฒนธรรมของประเทศ ที่ขาดการให้ความสำคัญของการสรุปบทเรียนที่เป็นจริงประเทศที่เจริญก้าวหน้า ให้ความสำคัญของ“การสรุปบทเรียน” ในแต่ละเรื่องราวประวัติศาสตร์โดยมีการจัดตั้ง“คณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง” เพื่อมาสรุปบทเรียนที่เกิดขึ้นจากฝ่ายต่างๆ ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ เป็นกลาง อิสระ กล้าหาญ ซื่อตรง ต่องานทางวิชาการทำให้เขาสามารถแสวงหาและสรุปบทเรียนความจริงได้และทำให้ประเทศของเขา สามารถแก้ไขปรับปรุงและพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าได้
l วันเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ เหตุการณ์ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ จนมาถึง เหตุการณ์ปัจจุบัน
ยังไม่มี “นักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ และผู้นำทางสังคมการเมือง การศึกษา” ได้นำเสนอ “ความเป็นจริงที่ครบถ้วน ออกมาในเชิงวิชาการเลย” เป็นเรื่องน่าสนใจ ว่า “ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น” มีสาเหตุปัจจัยสำคัญอะไร? อยากจะขอให้ “ผู้รักชาติรักประชาธิปไตยตัวจริง” ได้อ่าน “บทความนี้ให้จบ” แล้วลองให้
ความเห็นดู ความเห็นของข้าพเจ้า …………………………
l แล้วทำไม ประเทศที่เจริญพัฒนา สามารถหาข้อสรุปที่เป็นจริงของเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ได้
เรามาศึกษา เรียนรู้ เหตุปัจจัยเงื่อนไข ที่ประเทศที่เขาทำได้
๑. รัฐและประชาชน เห็นความสำคัญและคุณค่าของประวัติศาสตร์ (ที่ถูกต้องเป็นจริง) ที่จะทำให้ ได้ข้อมูล และแนวทางการพัฒนาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้าได้
๒. วัฒนธรรมของเขา ให้ความสำคัญของการแสวงหา และยอมรับความเป็นจริงที่ก่อเกิด สะสม มาอย่างยาวนาน ผ่านอุปสรรคและความยากลำบากมามาก จึงเกิดวัฒนธรรมนี้และได้พิสูจน์ว่า “การแสวงหาและการยอมความเป็นจริง”นำมาซึ่งบทสรุป บทเรียนที่มีคุณค่าฯ
๓. ผู้นำรัฐ และสังคม มีวิสัยทัศน์ กล้าหาญ กล้าตัดสินใจ มองการณ์ไกล คิดถึงอนาคตมากกว่าปัจจุบัน
๔. การพัฒนาประเทศ มาถึงจุดหนึ่ง มีปัญหาอุปสรรค และแนวทางเดิม ไม่สามารถแก้วิกฤตได้จึงเห็นพ้องกัน ถึงความจำเป็นที่จะต้องชำระสะสาง ประวัติศาสตร์ ให้ถูกต้องจึงมีมติให้ “จัดตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่ง” ขึ้นมาทำหน้าที่นี้
๕. สถาบันทางวิชาการ ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงและได้รับการยอมรับจากภาครัฐ การเมือง และประชาชน
๖. ผู้นำ และผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ฯ มีคุณธรรมและจริยธรรม ที่กล้าแสดงความรับผิดชอบอย่างตรงไปตรงมา
๗. ประชาชน มีความพร้อม ให้การสนับสนุน นโยบายของรัฐ ในการแสวงหาความจริงในประวัติศาสตร์
l ข้อเขียน : รำลึก ๔๕ ปี ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ อย่างถูกต้องมีคุณค่า ประโยชน์ สร้างสรรค์
l เป็นความเศร้าสลด ในหัวใจของผู้รักชาติรักประชาธิปไตยไทย เมื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙
ที่ฝ่ายขวาจัดส่วนหนึ่งได้กระทำต่อ “การชุมนุมของนักศึกษาประชาชน” ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อย่างเหี้ยมโหดทารุณ ฯลฯ
แต่เราจะทำให้สังคมไทย ได้รับบทเรียน และนำมาใช้ในการศึกษา พัฒนาสังคมไทย ให้เจริญก้าวหน้าไปได้อย่างไร?
l อดีตรับใช้ปัจจุบัน และนำไปสู่อนาคตที่งดงาม
อดีต มีคุณค่าและความหมาย เมื่อสามารถนำมาก่อให้เกิดคุณค่า ความหมายและประโยชน์ในปัจจุบันและอนาคต ของประชาชนส่วนใหญ่และประเทศไทย
l เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์หนึ่ง มิได้เกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยว
แต่มีการโยงใยสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอดีตก่อนหน้าและนำไปสู่เหตุการณ์ต่อไปในอนาคตว่าจะเป็นไปด้วยดีมีคุณค่า ความหมาย หรือไม่อย่างไรขึ้นอยู่กับการนำบทเรียนในยุคหนึ่ง ไปใช้อย่างสร้างสรรค์ พัฒนา
หรือไม่อย่างไร
เหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ก็เกี่ยวข้องอย่างแยกไม่ออกจาก เหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖ ฯลฯ และนำไปสู่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อๆ มา จนมาถึงปัจจุบัน เราผู้ยังอยู่ในปัจจุบัน ทั้งที่เกี่ยวข้องโดยตรง และโดยอ้อม จะนำเอา
“การรำลึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ๖ ตุลา ๑๙ หรือ๑๔ ตุลา ๑๖ ไปใช้อย่างไร”
l ในการจัดงานรำลึกเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประชาชน
ต้องจัดให้ : “วีรชนมีความหมาย ผู้ร่วมงานได้คุณค่า สร้างสรรค์พัฒนาประชาธิปไตย ให้ก้าวหน้า”
ต้องทำให้ : “การเสียสละของเขา” แปรให้ “สร้างสรรค์ มีคุณค่า ความหมายต่อ ส่วนรวม และบ้านเมือง”
ต้องทำให้ : “ประชาชนและประเทศชาติ” ได้
ความจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แล้วนำมาแก้ไขปัญหาได้
ควรจะต้องมีคณะกรรมการที่หลากหลาย ที่มาจากผู้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ และองค์กรที่เกี่ยวข้องในปัจจุบันควรจะต้องเน้นการรำลึกถึงวีรชนผู้กล้า และได้เสียสละไปศึกษาถึงจิตใจการต่อสู้ของผู้เข้าร่วมเหตุการณ์
สรุปบทเรียนตามความเป็นจริงให้ครบถ้วน ในทุกด้าน ทั้งข้อดี ข้ออ่อน ปัญหาอุปสรรค และโอกาสฯแล้วนำมาใช้ให้ก่อเกิด “คุณค่าและประโยชน์” ต่อส่วนรวมและบ้านเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี