เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว “นักการเมืองหนีคุก – ทักษิณ ชินวัตร” ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านโลกโซเชียล “คลับเฮ้าส์” ของ กลุ่มแคร์ คิด เคลื่อนไทย ที่ประกอบไปด้วย ภูมิธรรม เวชยชัย อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทยแกนนำกลุ่มแคร์, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลไทยรักไทยยุคทักษิณ ชินวัตร พริษฐ์ รักตพงศ์ไพศาล บุตรชาย เสี่ยเพ้ง-พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล เจ้าของสนามกอล์ฟอัลไพน์ที่ธรณีสงฆ์มหากาพย์ “ทักษิณ”สำรอกกับกลุ่มแคร์ คิด เคลื่อนไทย หัวข้อที่ว่า “7 ปีพัง ขออีก 5 ปีพินาศ”
อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาศาลหลายคดี แต่กลับไม่ยอมรับความจริงไร้สามัญสำนึกหลบหนีกระบวนการยุติธรรมไปอยู่ต่างประเทศ แต่ยังวนเวียนอิ่มหมีพีมันอยู่กับเศษอาจมข้างถนน แสดงความเห็นว่า การเข้ามาบริหารประเทศหลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ต่อเนื่องจนหลังการชนะการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ซึ่งจะครบวาระในอีก 2 ปีข้างหน้าหรือราวปี 2566 นั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะคสช. รวมถึงนักการเมืองจากพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล บริหารประเทศผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ตัวเลขหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้นจนเกือบชนเพดานหนี้สาธารณะขนาดต้องฝ่าวินัยการคลังออกกฎหมายขยายเพดานหนี้สาธารณะ
รัฐบาลนี้ขอเวลาไม่นานจะคืนความสุขให้ประชาชน แต่“บริหารประเทศมา 7 ปีบ้านเมืองพัง ขออีก 5 ปีคงพินาศ” เพราะไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากเศรษฐกิจประเทศพัง หนี้ครัวเรือนพุ่งขึ้นเป็น 90% ต่อจีดีพี หนี้ภาคธุรกิจสูงขึ้นจนเป็นหนี้เสียมี NPL ในสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นมาก ทั้งที่มีการตกแต่งตัวเลขแล้ว งบประมาณก็ขาดดุลเช่นเดียวกับบัญชีเดินสะพัดขาดดุล หนี้สินประเทศเพิ่มสูงขึ้นหนี้ความน่าเชื่อถือด้านการเงินของประเทศจะลดลง เพราะรัฐบาลไม่รู้จะหารายได้จากไหนมาแก้ปัญหา อยากเรียกร้อง “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ขอให้ยุติบทบาทวางมือด้านการบริหารเพื่อประเทศชาติ เพราะปัจจุบันนี้หมดยุค “BABY BOOMER” แล้วควรปล่อยให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศดีกว่า
“ทักษิณ”และติ่งลิ่วล้อเคลื่อนไหวสาดโคลนโจมตี “พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา” อย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าอีกไม่นานจักมียุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน จัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งจะเป็นการเลือกตั้งโดยใช้บัตรสองใบที่ว่ากันว่า “พรรคเพื่อไทย”ได้เปรียบจึงเคลื่อนไหวเพื่อเปิดโอกาสให้ได้สังเวยความอยากเข้ามาบริหารประเทศโดย “เดรัจฉานนักการเมืองใน “ฟาร์มวรนุส” ของ “ลุงโทนี่ วู้ดซัม (TONY WOODSOME)”
“ทักษิณ” ค่อนขอดว่ารัฐบาลลุงตู่ดูดีก็ตรง “เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ” มีสะสมอยู่ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าปี 2540 ที่เกิดวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง ที่มีอยู่เพียง 5-8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์มองว่าปริมาณเงินทุนสำรองนี้ทำให้ฐานะทางการเงินของประเทศยังคงแข็งแกร่งอยู่มาก
“ทักษิณ” คงหลบซ่อนตัวอยู่ในกะลาในโคลนตมในท้องร่องคูน้ำไม่มีโอกาสตะเกียกตะกายออกมาดูความเป็นจริง ทราบหรือไม่ว่าในขณะที่โควิด-19 ระบาดไปทุกรัฐทั่วสหรัฐอเมริกา รัฐบาลออกมาตรการปกป้องคุ้มครองพลเมืองอเมริกันแต่ล้มเหลวไม่เป็นท่า เมื่อสถานการณ์เลวร้ายเกินการควบคุม จึงมาสั่งล็อกดาวน์ฉุกเฉิน สายพานการผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภคขาดตอน ของกินของใช้ในชีวิตประจำวันสาบสูญ อดอยากเดือดร้อนกันไปทั่ว
รัฐบาลกลางแก้ไขโดยวิธีการลดดอกเบี้ย กระตุ้นให้มีการลงทุนและบริโภคมากขึ้น พลางก็พิมพ์ธนบัตรออกมาอย่างบ้าคลั่ง ไล่แจกอเมริกันชนที่ตกงาน มากกว่ารายได้ตอนที่เขามีงานทำเสียอีก
มาตรการเยี่ยงนี้คือการให้ชาวบ้านเอากระดาษที่พิมพ์เป็นธนบัตรไปแย่งชิงข้าวปลาอาหารและสิ่งของเครื่องใช้ประจำวัน ธนบัตรล้นตลาด สินค้าอุปโภค-บริโภคมีจำกัด สภาพเงินเฟ้อถีบตัว ธนบัตรหมดค่าราวกระดาษชำระหรือธนบัตรกงเต๊กไปโดยปริยาย
เราไม่ได้ชื่นชมการบริหารประเทศของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างไม่ลืมหูลืมตาเพราะเราไม่ใช่ “ฝูงกระบือที่ให้สัมภเวสีหนีคุกสนตะพาย” ไม่ใช่ฝูงวรนุสหางแดงเหมือน “เดรัจฉานนักการเมือง” ใน “แอนิมอลฟาร์มของพรรคการเมืองบางพรรค
และเราเชื่อว่าสังคมไทยทุกชนชั้นทราบดีว่าสมควรให้ใครมาดูแลบริหารประเทศให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นปราศจาก “วงจรอุบาทว์” เหมือนนักการเมือง, พรรคการเมืองที่ผ่านมาในอดีต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี