ขณะนี้แม้ยังไม่มีการยุบสภา คงมีแต่คำยืนยันว่าไม่มีการยุบสภา แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครเชื่อถือเพราะคำพูดเรื่องยุบหรือไม่ยุบสภานั้นในทางการเมืองเขาห้ามเชื่อกัน
ใครพูดว่ายุบหรือไม่ยุบสภาถือกันว่าเป็นแค่การผายลมเท่านั้น
ที่น่าแปลกก็คือทุกพรรคการเมืองกำลังเร่งจัดกระบวนทัพเลือกตั้งและเคลื่อนตัวลงสู่พื้นที่เลือกตั้งกันจ้าละหวั่น ไม่ว่าพรรคขั้วรัฐบาลหรือพรรคขั้วฝ่ายค้าน และไม่ว่าจะเป็นพรรคเล็กพรรคใหญ่
แม้กระทั่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เองที่ชั่วนาตาปีแทบไม่มีใครเห็นว่าคุ้นเคยกับ สส. หรือใส่ใจที่จะลงพื้นที่เขตเลือกตั้งต่างๆ มาถึงวันนี้ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เดินสายลงพื้นที่กันจ้าละหวั่น โดยมีข้ออ้างต่างๆกันไป ในขณะที่คอการเมืองก็รู้กันดีว่าอาการอย่างนี้คือการลงพื้นที่เตรียมการเลือกตั้งนั่นเอง
ชาวบ้านอย่างเราท่านมองไม่เห็นลม แต่เพราะความเป็นชาวบ้านนี่แหละย่อมรู้ดีว่าลมพัดหรือไม่พัดจากทางไหนไปทิศไหน หนักหน่วงหรือเบาบางอย่างไรเพราะวิสัยชาวบ้านย่อมมีความสังเกตจากยอดหญ้าใบไม้ทั้งหลายที่แกว่งไกวไหวเอนไปตามทิศทางและกระแสลม
เหตุนี้ความรู้สึกนึกคิดของชาวบ้านอย่างเราท่านจึงมักจะแม่นยำถูกต้องเสมอ เพราะเมื่อมีใบไม้ใบหญ้าพลิ้วไหวจากตะวันออกไปตะวันตก ชาวบ้านก็ย่อมรู้ว่ามีลมพัดจากตะวันออกไปตะวันตก และถ้าใบไม้ใบหญ้าโยกไหวแรงกล้าเท่าใดก็จะรู้สึกได้เองว่าแรงลมเป็นประการใด
เอาเป็นว่า ณ เวลานี้ทุกพรรคการเมืองและชาวบ้านทั้งหลายก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าการเลือกตั้งใกล้เข้ามาแล้ว จะเหลือกี่วันกี่เดือนเท่านั้น และแม้ใครจะคิดยื้อซื้อเวลาไปเท่าใดก็มีแต่จะทำให้เกิดความขัดอกขัดใจและเกิดความเสียหายมากขึ้นเท่านั้น
เพราะบรรดานักการเมืองทั้งหลายทั้งที่มีอำนาจและไม่มีอำนาจ เมื่อสัมผัสกับปรากฏการณ์เช่นนี้แล้วก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่ทุกคนนั่งเก้าอี้ไม่ติด ไม่เป็นอันได้บริหารราชการแผ่นดินหรือทำหน้าที่ปกติ เพราะต้องทุ่มตัวลงพื้นที่เตรียมการเลือกตั้ง การงานทั้งหลายจึงหยุดชะงักและเกิดความเสียหายขึ้นเป็นรายวัน และผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือประชาชน
ประชาชนที่บอบช้ำทุกยากแสนเข็ญจากการแก้ไขปัญหาโคบ้าหนักหนาสาหัสอยู่แล้ว เมื่อซ้ำเติมด้วยเวลาที่ยื้อซื้อกันต่อไปก็ยิ่งเพิ่มความเกลียดชัง เพิ่มการสาปแช่ง
มากขึ้น ดังนั้นอย่าได้แปลกใจเลยว่าใครไปไหน นั่งรถ ลงเรือ จึงได้ยินแต่เสียงก่นด่าสาปแช่งทั้งสิบทิศ
พรรคการเมืองใหญ่สองพรรคคือพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทยก็กำลังเตรียมการเลือกตั้งกันเป็นการใหญ่
ซึ่งแน่นอนว่าพรรคเพื่อไทยนั้นชำนาญการศึกเลือกตั้งมากกว่าใคร การจัดกระบวนรบจึงเป็นจังหวะจะโคนและหนักหน่วงเอาการ คงเหลือก็แต่การกำหนดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพราะแผนการเลือกตั้ง การวางตัวผู้สมัคร แม้กระทั่งแผนการจัดตั้งรัฐบาลก็เตรียมการกันไปไกลโขแล้ว
ส่วนพรรคพลังประชารัฐซึ่งเป็นพรรคใหญ่ลำดับสอง แต่เป็นพรรคแกนของรัฐบาลปัจจุบันความจริงก็น่าจะมีความพร้อมมากกว่าใคร แต่เพราะเกิดปัญหาภายในดังที่รู้ดีกันอยู่แล้ว และการแก้ไขก็ไม่ใช่เรื่องยาก จึงถึงวันนี้ก็ไม่มีใครให้คำตอบอะไรได้
เพราะพรรคการเมืองใหม่ที่วาดหวังว่าจะยกพวกกันไปนั้น วันนี้ไม่แค่เป็นวุ้น แต่ออกอาการแท้งก่อนคลอด เพราะเครือข่ายต่างๆ ที่วางไว้ก็ถูกสกัดถูกสลายไปแทบหมดสิ้น บางท่านที่เลยธงออกไปก่อนก็กำลังกินน้ำข้าวต้มอยู่
ส่วนภายในที่เหลืออยู่ก็ไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อยในทุกระบบในทุกขั้นทุกตอน ซึ่งแม้แต่ตัวหัวหน้าพรรคหรือผู้ที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯก็คงจะหาคำตอบที่แน่นอนใดๆ ไม่ได้
นี่เป็นวิบากกรรมจากกระบวนท่าลีลาลับลวงพราง ที่บรรเลงเพลงศึกกันไม่หยุดไม่หย่อน จึงทำให้ทุกพวกทุกฝ่ายไม่สามารถหยั่งรู้ได้ว่าอย่างไหนจริง อย่างไหนเท็จ เพราะดูเหมือนเท็จก็เป็นจริง ดูเหมือนจริงก็เป็นเท็จ เมื่อเท็จจริงถูกปิดไม่แจ่มแจ้ง กำลังวังชาก็ลดน้อยถอยลง สายตาก็พร่ามัว
แต่ดูเหมือนว่ามีแต่ ร.อ.ธรรมนัส และลุงป้อม ที่อาจจะมีคำตอบอยู่ภายในใจ แต่จะเป็นประการใดใครจะรู้ว่าเป็นอย่างไร นี่ก็เป็นสภาพของพรรคการเมืองใหญ่ที่เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล ที่แม้จะมีการเตรียมรายชื่อนายกรัฐมนตรี เตรียมการเลือกตั้งกันไป ก็หนีไม่พ้นจากสิ่งที่เรียกว่าลับลวงพรางอยู่นั่นเอง
ส่วนพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคขนาดกลางเล็ก แม้จะตีฆ้องร้องป่าวกันสนั่นหวั่นไหว แต่มีหรือจะไม่รู้แก่ใจดีว่าจะต้องตอบคำถามประชาชนอีกมาก
โดยเฉพาะการไม่สนับสนุนหัวหน้าพรรคของตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี และการตระบัดสัตย์คำสัญญาต่อประชาชนไปสนับสนุนคนที่ตัวเองสัญญาว่าจะไม่เอาเป็นนายกรัฐมนตรีให้เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วจะตอบกันว่าอย่างไร ใครฉลาดหลักแหลมก็เตรียมคำตอบกันให้ดีก็แล้วกัน
ไม่ต้องพูดถึงผลงานในระยะเวลาที่ผ่านมาที่จะต้องรับผิดชอบความเป็นไปของบ้านเมืองที่ย่อยยับอับจนถึงปานนี้ โดยเฉพาะคือการไปนั่งโหวตโอนอำนาจรัฐมนตรีไปให้นายกรัฐมนตรีร่วมสองปีนั้นจะชี้แจงต่อประชาชนว่าอย่างไร
ส่วนทางพรรคก้าวไกลซึ่งผลโพลล์ภาคอีสานและผลการบริจาคเงินในการเสียภาษีของราษฎรอยู่ในระดับนำหน้ากว่าพรรคอื่น และอยู่ในกระแสที่คนรุ่นใหม่อายุระหว่าง 18-25 ปี สนใจสนับสนุน แม้จะเคลื่อนไหวเดินแนวทางมวลชน แต่ปากและตีนที่เลยเส้นเลยธงจนทำให้ผู้คนแสบหูแสบตาอยู่จำนวนหนึ่งนั้นก็จะต้องรอดูกันต่อไปว่าจะปรับเปลี่ยนท่าทีรู้จักฟ้ารู้จักดินหรือไม่ประการใดต่อไป
ที่สำคัญคือตราบใดที่ไม่เข้าใจว่าแผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ พระสยามเทวาธิราชมีจริง การตั้งตนเป็นศัตรูกับพระและกับเจ้าหรือพระเจ้า ผลบั้นปลายจะเป็นประการใดก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ทั่วโลก ก็จะต้องได้รับวิบากแห่งกรรมนั้นแต่ถ้าสามารถปรับเปลี่ยนท่าทีมุ่งเน้นทำสิ่งถูก ละวางสิ่งที่ไม่ถูก ไม่เป็นที่ต้องใจของมวลมหาประชาชน ก็ย่อมได้รับการสนับสนุนด้วยความสบายอกสบายใจ
การเดินหนทางมวลชน การสร้างพรรคการเมืองของประชาชน หากมีทฤษฎีทางการเมืองชี้นำพรรคที่ถูกต้องก็จะมีอานุภาพในการนำพาประชาชนไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้ซึ่งเรื่องนี้อีกไม่นานเกินรอคงจะได้เห็นกัน
อีกพรรคหนึ่งซึ่งเคลื่อนไหวลงพื้นที่อย่างหนักหน่วงต่อเนื่องทั้งขยับขับเคลื่อนเดินทางต่างประเทศควบคู่กันไปด้วยก็คือพรรคไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ซึ่งออกลีลาอาการแบบเดียวกับพรรคกิจสังคม เมื่อครั้งที่มี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นหัวหน้าพรรค
การวางตนไม่เป็นศัตรูกับใครและประสานสมานใจได้ทุกฝ่ายจะกลายเป็นจุดเด่นในสมรภูมิเลือกตั้ง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยความแตกแยกแตกสามัคคี มีแต่การตั้งกลุ่ม IO กล่าวหาว่าร้ายกัน ราวกับว่าคนอื่นไม่ใช่คนไทย
โดยเฉพาะ IO จำพวกโหนเจ้า แต่ปกป้องขบวนการโกงบ้านกินเมือง ที่จิกหัวด่าใครต่อใครที่มีความเห็นต่างว่าเป็นพวกล้มเจ้า สร้างศัตรูให้เจ้าเป็นรายวัน ได้ก่อมหันตภัยให้แก่สถาบันอย่างรุนแรง ก็ไม่รู้ว่าจะแสดงฤทธิ์อิทธิพลไปได้ถึงไหน แต่แท้จริงคนไทยเอือมระอากับความแตกแยกแตกสามัคคีเต็มทีแล้ว
ดูการจัดกระบวนทัพเตรียมการเลือกตั้งในขณะที่ยังไม่มีประกาศเลือกตั้งในสภาพเช่นนี้ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกใจเรื่องหนึ่งของประเทศไทย
แต่เรื่องที่แปลกและแทบลืมกันไปแล้ว แต่กำลังกลับคืนสู่ห้วงความคิดจิตใจของคนไทยทั้งประเทศก็คือการตื่นขึ้นเห็นภัยร้ายของนักล่าอาณานิคมที่กำลังจ้องสามขุมจะเข้ามายึดครองแผ่นดินนี้เหมือนเมื่อครั้งสมัยรัชกาลที่ 5 อีกครั้งหนึ่งแล้ว เป็นแรงกดดันที่จะทำให้ประชาชาติไทยทั้งผองต้องสามัคคีร่วมใจกันรับมือกับปีศาจตนนี้ต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี