l การนำเสนอบทความนี้เพื่อการสร้างสรรค์ก่อให้เกิดคุณค่าความหมายและประโยชน์ต่อ
๑.ผู้เกี่ยวข้อง ในเหตุการณ์ ทั้งผู้นำ ผู้ร่วม ญาติมิตร และผู้เสียสละในเหตุการณ์
๒.นักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ ผู้มีอุดมคติ ที่ต้องการแสวงหาความจริงแท้ของเหตุการณ์
๓.รัฐบาล รัฐสภา และกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งองค์กรอิสระ ฯลฯ
๔.ต่อประชาชนทั่วไป ที่ควรจะต้องให้คุณค่า และความสำคัญ ในการศึกษาติดตามความจริง
l 1.เดือนตุลาคม สำหรับประเทศไทย ทำไม จึงมีความสำคัญ และมีเรื่องอะไรบ้าง
เดือนตุลาคม มีความสำคัญต่อระบบราชการไทย และเรื่องของงบประมาณแผ่นดิน
วันที่ ๑ ตุลาคม เป็นวันเริ่มต้น ของเรื่องที่สำคัญ ๒ เรื่อง
๑.การบรรจุ แต่งตั้ง ย้าย โอน เลื่อน ตำแหน่งที่สำคัญของหน่วยราชการ กองทัพฯ โดยเฉพาะตำแหน่งที่สำคัญในกองทัพ หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกับการบริหาราชการแผ่นดิน
๒.งบประมาณแผ่นดินประจำปี เริ่มต้นวันที่ 1 ตุลาคม จนถึงวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไปงบประมาณแผ่นดิน หมายถึง แผนเกี่ยวกับการใช้จ่ายของรัฐบาลและจัดหารายรับให้เพียงพอกับการใช้จ่ายในรอบระยะเวลาหนึ่ง โดยปกติมีระยะเวลา 1 ปี มีผลอย่างสำคัญยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทางการเมือง และนโยบายสำคัญฯ เช่น เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ที่มีการแต่งตั้งพลเอกกฤษณ์ สีวะรา ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. (ซึ่งเป็นขั้วสำคัญ ที่มีผลสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล (จอมพลถนอม ประภาส ณรงค์) ในวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๑๖
l 2.วันสำคัญของบ้านเมือง ในเดือนตุลาคม ปีนี้ แยกได้เป็น ๒ ส่วน
๑.วันสำคัญเกี่ยวข้องกับ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
(๑) วันปิยมหาราช รัชกาลที่ ๕ (วันสวรรคต ๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓) ๑๑๑ ปี
วันปิยมหาราช ตรงกับวันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ด้วยพระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่อย่างล้นเหลือของพสกนิกรทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ พระองค์จึงได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า“สมเด็จพระปิยมหาราช” ซึ่งมีความหมายว่า “พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน” ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคม เป็น “วันปิยมหาราช” เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ (๑๑๑ ปี) ๕ ปี
(๒) วันสวรรคตของ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ (๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙)
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคตในวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ
สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองพระราชสมบัติได้ 70 ปี
(๓) วันออกพรรษา วันมหาปวารณา (๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔)
วันออกพรรษา 2564 ปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 สิ้นสุดระยะเวลาจำพรรษา 3 เดือน
วันออกพรรษา วันมหาปวารณา ซึ่งทางพระ และทางฆราวาส คือ สามารถว่ากล่าวตักเตือนและชี้ข้อบกพร่องแก่กันและกันได้โดยเสมอภาค ด้วยจิตที่ปรารถนาดีซึ่งกันและกัน เพื่อให้พระสงฆ์ (ฆราวาส) ที่ถูกตักเตือนนั้น มีโอกาสรับรู้ข้อบกพร่องของตนเอง และนำข้อบกพร่องไปแก้ไขปรับปรุงตัวให้ดียิ่งขึ้น
๒.วันสำคัญทางประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยของชาติ
(๑) วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ (ครบรอบ ๔๘ ปี)
เหตุการณ์ 14 ตุลา (พ.ศ. 2516) หรือวันมหาวิปโยค
วันที่นักศึกษาประชาชน ร่วม ๕ แสนคน มีการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลจอมพลถนอมเรียกร้องให้ปล่อย “๑๓ กบฏ เรียกร้องรัฐธรรมนูญ และให้มีรัฐธรรมนูญโดยเร็ว” จนได้รัฐบาลสัญญาธรรมศักดิ์ มีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้งฯ
องค์ประกอบที่สำคัญ
พลังนักศึกษาประชาชน เป็น พลังหลักในการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล จอมพลถนอม ประภาส ณรงค์ ที่ครองอำนาจเดิม กำลังของทหารฝ่าย กฤษณ์ สีวะรา วิฑูรย์ ยะสวัสดิ์ และคณะฯพระบารมีและพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.๙
(๒) วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ (ครบรอบ ๔๕ ปี)
เหตุการณ์ 6 ตุลา (พ.ศ. 2519) การสังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อังกฤษ: Thammasat (University)
massacre) เป็นการปราบปรามอย่างรุนแรงถึงชีวิตของตำรวจ
และการลงประชาทัณฑ์ของกำลังกึ่งทหารและคนมุงฝ่ายขวาต่อนักศึกษาและผู้ประท้วงฝ่ายซ้าย
ในและบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ..(จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี) มิได้มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามที่ปีกซ้ายจัดฯ นำเสนอ (ทั้งข้อเท็จจริงและมีการยืนยันของ ดร.สมศักดิ์ เจียมสกุลและคณะ ฯลฯ)
(๓) วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๑ (ครบรอบ ๑๓ ปี)
เป็นเหตุการณ์ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปิดล้อมอาคารรัฐสภา
ในวันที่ ๖ ตุลา ๒๕๕๑ เพื่อกดดันไม่ให้คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา
โดยอ้างว่ารัฐบาลขาดความชอบธรรมที่จะเข้ามาบริหารประเทศ และไม่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ จนเกิดเหตุการณ์วุ่นวายในวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๑
l 3.ข้อเท็จจริง และบทเรียนสำคัญ ต่อเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตย
๑.ไม่เคยมีการสรุปบทเรียนของสังคม โดยไม่มีการแสวงหาความจริงของเหตุการณ์จากรัฐที่ควรมีการ “แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมจากทุกฝ่าย ที่เป็นกลางมีความเป็นอิสระ” เช่นเดียวกับ ประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือประเทศที่มีคุณภาพของผู้นำและพลเมือง เมื่อไม่มีการสรุปบทเรียน ที่เป็นจริงทำให้แต่ละฝ่าย ทั้งผู้นำในเหตุการณ์ และนักวิชาการ และฝ่ายต่างๆ ต่างนำเสนอความคิดเห็นของตนและพวกพ้อง ซึ่งมีทั้งความจริงบางส่วน
ของเหตุการณ์ การนำเสนอด้านเดียวที่พวกตนได้ประโยชน์มีการใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือน ให้ฝ่ายตรงกันข้าม รวมทั้งรัฐบาล หรือ กองทัพเสียหายฯและที่สำคัญยิ่ง ทำให้สังคมไทยเดินตาม“ความคิดและประสบการณ์เก่า” ที่สร้างปัญหาความขัดแย้งมากขึ้น และไม่สามารถแก้วิกฤตของสังคมได้
๒. รัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องตระหนักถึง หน้าที่และความรับผิดชอบ
ที่จะต้อง “แสวงหาความจริงของเหตุการณ์ทั้งหมด” และต้องป้องกัน มิให้มีการนำเสนอ “ข้อมูลที่บิดเบือนที่ถูกต้อง”
สู่สังคมโดยเฉพาะ “เยาวชนนักศึกษา และชาวบ้าน” เพื่อมิให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนอันจะนำถูกไปใช้เป็นเครื่องมือ สร้างความขัดแย้ง
๓.ในการจัดงานรำลึกเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประชาชน
ต้องจัดให้ วีรชนมีความหมาย ผู้ร่วมงานได้คุณค่า สร้างสรรค์พัฒนาประชาธิปไตย ให้ก้าวหน้า
ต้องทำให้ : การเสียสละของเขา “แปรเป็นคุณค่า ความหมายต่อ ส่วนรวม และบ้านเมือง”
ต้องทำให้ : “ประชาชน ชาติ” ได้ความจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แล้วนำมาแก้ไขปัญหาได้
สรุปบทเรียนตามความเป็นจริงให้ครบถ้วน ทั้งข้อดีข้ออ่อน ปัญหาอุปสรรค และโอกาสฯ แล้วนำมาใช้ให้ก่อเกิด “คุณค่าและประโยชน์” ต่อส่วนรวม และบ้านเมือง
(๑) ตัวอย่างที่ดี พอใช้ได้ แต่ควรมีการพัฒนา จัดให้ครบถ้วน ตามที่กล่าวมา คือ
การจัดรำลึก วันที่ ๒๔ มิถุนายน ของลูกหลานคณะราษฎร ที่วัดศรีมหาธาตุบางเขน
การจัดงานรำลึก เหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖ ที่อนุสรณ์สถาน ๑๔ ตุลา สี่แยกคอกวัว
(๒) ตัวอย่างการจัดงานที่ผิดพลาด ทั้งในแง่ข้อมูล และการใช้เป็นเครื่องมือป่วนสังคม
การจัดงานรำลึก ๖ ตุลา ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งปีนี้ ยิ่งแย่ลงมากการจัดงานรำลึก ๑๗ พฤษภา ๒๕๓๕ ที่มักนำมาเป็นเครื่องมือใส่ร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง
(๓) ปีนี้ มีปัญหา เพิ่มขึ้นอีก คือ “ในการจัดงาน ๔๘ ปี ๑๔ ตุลาคม”
มีคนบางกลุ่มมาก่อกวน มากล่าวหา “คณะผู้จัดงานฯ ที่ทำหน้าที่ได้ดี ถูกต้อง” และมีแกนนำแดง และสื่อบางส่วน ออกข่าวบิดเบือนใส่ร้าย ด้อยค่างาน ซึ่งไม่เป็นความจริง และเป็นเรื่องเท็จ ซึ่งอาจสร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน
l สรุปของสรุป : คนมีอุดมคติ และ พลเมืองดีควรมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการทำหน้าที่ ด้วยตัวของตน และร่วมมือกับคนคิดดีทำดีอื่นๆ ให้มีพลัง โดย “ส่งเสริม สิ่งที่งดงาม และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม” และการคัดค้าน ขจัด “สิ่งที่ชั่วร้าย ที่มีผลเสียต่อส่วนรวม และบ้านเมือง”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี