ภาพการสะดุด แล้วเซจนเกือบล้มคะมำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำมาซึ่งความห่วงใยในคนหมู่หนึ่ง และความขบขัน ล้อเลียน เยาะเย้ยสาปแช่ง ในคนอีกหมู่หนึ่ง
1) สำหรับ “นักข่าว” ในจังหวะนั้น ถึงกับถามนายกฯ ว่า มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าจึงทำให้ไม่ได้ระวัง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีเรื่องไม่สบายใจ ไม่มีหรอก หน้าที่ของใคร ก็คือหน้าที่ของใครเมื่อถามว่า หมายถึงเรื่องภายในพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ก็เป็นหน้าที่ของใครก็ว่ากันไปนะจ๊ะ
เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร แล้วหรือยัง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว “คุย คุย คุยกันตลอดนั่นแหละ ก็คุยกัน”
เมื่อถามว่า มีการรายงานเรื่อง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ยังนั่งในตำแหน่งเลขาธิการพรรคต่อหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็คุยกันหมดนั่นแหละ “ผมไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับเขานะ ผมก็ทราบจากสื่อฯบ้างนั่นแหละและที่เขารายงานมา ผมก็รับทราบ ก็ขอให้ทำงานด้วยกันให้ได้ ให้สงบ ไม่ให้สื่อแปลกันไปกันมา เข้าใจหรือไม่ ไม่เช่นนั้นก็ขัดแย้งกันไปเรื่อยๆ นะจ๊ะ อะไรที่แก้ได้ตามกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ก็ว่ากันไป เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค นายกฯไปสั่งใครเขาไม่ได้หรอก”
เมื่อถามย้ำว่า แต่กองเชียร์อยากให้นายกฯไปตั้งพรรคใหม่
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบว่า “ไม่มีหรอก ใครเชียร์ล่ะ”
เมื่อผู้สื่อข่าวตอบกลับไปว่า มีกองหนุนอยากให้ตั้งพรรค
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เหรอ เราจะแยกกันที่ไหน แยกกันได้อย่างไร”
เมื่อถามพล.อ.ประยุทธ์ จะสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร.หรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ดูในระยะต่อไปก่อน”
เมื่อถามว่าจะมีโอกาสพิจารณาในตอนไหน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า“จะพิจารณาตอนไหนก็ตอนนั้น”
ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว นายทักษิณ ชินวัตร เข้ามารับตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า “เขาคือใคร ใครเหรอ ใคร ก็ไปว่ากันมา”
เมื่อถามว่า คิดว่าจะสู้ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถามดังกล่าว
เมื่อถามย้ำว่ากดดันหรือไม่
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ไม่มีหรอก ก็คนละพรรคกันไป กับลุงป้อม ไม่มีปัญหาอะไร อย่าไปทำให้ขัดแย้งกันซิ ไม่มีหรอก”
2) ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาในพปชร.ภายหลัง ร.อ.ธรรมนัสพรหมเผ่า ยังอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการพรรค ว่า“ทุกอย่างจบแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว บอกว่า ไม่มีอะไร ก็คือไม่มีอะไร จะถามภาพรวมทำไม”
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ว่า อนาคตอาจมีผลกระทบหาก ร.อ.ธรรมนัส ยังเป็นเลขาฯพปชร.อยู่พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “แล้วแต่ เพราะเวลานี้ลูกพรรคยังเอา ร.อ.ธรรมนัสอยู่”
ผู้สื่อข่าวถามถึงสโลแกนที่ว่า “เลือกความสงบ จบที่ลุงป้อ” มั่นใจหรือว่า จะควบคุมเสียงสส.ได้พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่รู้อนาคต จะไปรู้ได้อย่างไร”
เมื่อถามว่า กังวลเสียงในสภาที่จะเปิดสมัยประชุมในวันที่ 1 พ.ย.นี้หรือไม่ เพราะอาจมีปัญหาเรื่ององค์ประชุมไม่ครบ
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่กังวล เพราะเสียงสส.เรียบร้อยดี และสามารถที่จะควบคุมได้”
เมื่อถามว่ากังวลว่าความขัดแย้งในพรรคจะนำไปสู่การปรับ ครม.อีกรอบหรือไม่
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่กังวล ไม่มีอะไร พวกคุณไปเขียนกันเอง”
3) ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้คุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหม หรือยัง ว่า “ไม่มีอะไร” ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องในพรรคไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่มีแล้ว
4) ผู้สื่อข่าวรายจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม 2564 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุม
คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 17/2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้หารือเป็นการส่วนตัวกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ประมาณ 10 นาที
ช่วงเวลาเดียวกัน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กรรมการบริหารพรรค นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ได้ยืนพูดคุยกัน ที่บริเวณห้องโถง ตึกสันติไมตรี ประมาณ 5 นาที ก่อนที่นายพีระพันธุ์ จะเดินเข้าไปที่ห้องสีเหลือง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.อนุพงษ์ พูดคุยกันอยู่
5) นักวิเคราะห์การเมืองทั้งหลาย ล้วน“จับอาการ” ได้ว่า “ยังไม่ลงรอยกัน” แบบสนิทใจ แต่ “จำใจ” ต้องกอดคอกันไปต่อ เพราะไม่เช่นนั้น จะ “ฉิบหาย” กันทั้งยวง
งานนี้ พล.อ.ประวิตร มีบารมีที่สุด และหลักแหลมที่สุด
พล.อ.ประวิตรทำงานกับนักการเมืองมานาน รวมถึงนักการเมืองในพรรคพลังประชารัฐด้วย ย่อมรู้นิสัยใจคอ รู้ความเคลื่อนไหว และรู้ด้วยว่า “ใครต้องการอะไร” และ “ใครให้-ใครรับ”
การยืนกรานไปปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แม้บิ๊กตู่จะปลดจากเก้าอี้รัฐมนตรีแล้ว เห็นชัดถึง “เยื่อใย” ระหว่าง ลุงป้อมกับลูกน้องที่ชื่อ “ธรรมนัส”
หากลุงป้อมเอาแต่ใจ ปลดธรรมนัสไปกับลุงตู่ด้วย ก๊กก๊วนอื่นๆ ก็จะขึ้นมา “เสนอตัว” และ “สร้างอำนาจต่อรอง” ไม่ต่างกัน แต่หากคนทุ่มเท เชื่อฟัง และ “ให้” ไม่ได้เท่า ร.อ.ธรรมนัส แน่ๆ
และมีหรือ ที่ลุงป้อมจะไม่รู้ความเคลื่อนไหวของลุงป๊อก กับลูกน้องเก่าระดับ “ปลัดมหาดไทย” ว่า“ยังไปลำบาก” สำหรับการตั้งพรรคใหม่ขึ้นมารองรับเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ พล.องประยุทธ์
ยังไม่ต้องคิดถึงเก้าอี้นายกฯ รอบหน้า ให้ดูเก้าอี้นายกฯ รอบนี้กันก่อนเถอะ ถ้าขืนเมามันตามอารมณ์ เล่นงาน ร.อ.ธรรมนัสแบบ “ถึงตาย” ทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ถูกเอาคืนแบบ “ถึงตายทางการเมือง” เท่ากันหรอกหรือ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังต้องเป็นนายกฯ ต่อ สภากำลังจะเปิด กฎหมายกำลังจะเข้า ทั้งหมดล้วนต้องการ“มือในสภา” ค้ำยัน พล.อ.ประยุทธ์ จนกว่าสถานการณ์โควิดจะ “ดีกว่านี้” และจนกว่าสถานการณ์เศรษฐกิจที่เหมือนอยู่ในภาวะ “จมูกตัน” จะหายใจได้คล่องกว่านี้ และจนกว่าสถานการณ์ในพื้นที่เลือกตั้งจะ “ได้เปรียบ”มากกว่า พร้อมกับ “กติกา” ที่เป็นตัวช่วยส่งสู่เก้าอี้นายกฯ อีกรอบจะแล้วเสร็จ
ลุงป้อมจึงต้องทุบโต๊ะเปรี้ยง กูจะเอาธรรมนัสไม่ใช้งานมันแล้วจะใช้งานใคร หากพวกมึงไม่เลิกทะเลาะกัน กูไม่เอาแล้ว กูลาออก
ซึ่งเชื่อเถอะว่า “พวกมึง” ในวาจาดังกล่าวหมายถึง “ลุงตู่” ด้วย!!
6) เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2564 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ความว่า
“3 ลุงกับการเมืองไทย”
1. 3 ลุงยืนยันหลายครั้งว่าจะไม่แยกกันจนวันตาย ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานที่จะทำให้ พปชร. เป็นเอกภาพและเป็นพรรคหลักพรรคหนึ่งในสมรภูมิเลือกตั้งหน้า
2.การชี้นำและสร้างกระแส ให้ลุง 2 + ลุง 3 แตกแยกกับลุง 1 และให้แยกไปตั้งพรรคใหม่ จะทำให้ พปชร. แยกเป็น 2 หรือ 3 เสี่ยง นั่นคือการยื่นโอกาสจัดตั้งรัฐบาลให้แก่พรรคเพื่อไทย
3.วิกฤตพปชร. ที่ผ่านมา ลุงป้อมได้ใช้บารมี สยบความขัดแย้งให้ทุกคนดำรงสถานะเดิม และร่วมทำงานกันต่อไป เพื่ออาศัยเวลา สมานแผลในจิตใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ต้องกระทำเช่นนั้น
คนเราบางทีคบหากันมานานก็แตกกันภายหลัง บางครั้งทะเลาะจะฆ่ากันแต่กลับคบหาเป็นเพื่อนร่วมตายในภายหลัง
บางลุง แม้เคยหนุ่มจะเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่วันนี้ไม่ใช่เด็กอมมือแล้ว มีภาระอันแสนหนัก จะทำตัวเป็นเด็กจะได้หรือ?
4.ถ้าพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลได้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา รัฐบาลเพื่อไทยคงไม่ปล่อยให้มีการยึดอำนาจง่ายๆ อีกแล้ว และคงพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความ
ขัดแย้งทั้งหลาย โดยอาศัยมวลชนที่สนับสนุนให้มีเสียงข้างมาก และเมื่อถึงวันนั้นจะแก้ไขอย่างไร เพราะบัดนี้ทั้งเสื้อเหลือง กปปส. หรือแม้แต่เสื้อฟ้า เสื้อเขียว
ต่างก็อ่อนล้าไปด้วยกัน!
5. แม้ 3 ลุงผนึกพลังกันแล้ว ก็ใช่ว่าจะชนะเลือกตั้งเด็ดขาดเสมอไป อย่างมากก็แค่จัดตั้งรัฐบาลได้ แต่เสถียรภาพจะเป็นอย่างไรย่อมขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงในสภา และถ้าแตกแยกกัน หรือมีรอยร้าว ก็ย่อมบั่นทอนต่อคะแนนนิยมอย่างแน่นอน
6. การเปิดตัวคุณอุ๊งอิ๊งในครั้งแรก ก็เห็นชัดแล้วว่า มีแผนงานและกลยุทธ์ทางการเมืองที่ไม่ธรรมดา ในขณะที่พรรคก้าวไกลก็ขยายมวลชนไปยังเยาวชนคนรุ่นใหม่ขยายไปถึงระดับอายุ 35 ปีแล้ว ก็ประมาทไม่ได้เช่นเดียวกัน
7.พรรคที่จะต่อสู้กันเป็นหลักในสมรภูมิเลือกตั้งครั้งหน้าก็คือ พปชร. กับพรรคฝ่ายค้าน
ในขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ก็พร้อมที่จะจับมือใครก็ได้ขอให้ได้เป็นรัฐบาล จึงมิใช่กำลังที่จะวางใจได้
และในสถานการณ์เช่นนั้น ใครเล่าที่จะมีบารมีมากพอในการประสานยึดโยงหลายภาคส่วนเข้าด้วยกัน
ก็มีแต่ลุงป้อม “จอมประสานสิบทิศ” คนเดียว และลุงป้อมก็มีมืองานสำคัญ คือร้อยเอกธรรมนัส-วิรัช-นฤมล!!!
เป็นธรรมดาของคนหมู่มาก ที่ย่อมมีความขัดแย้งเป็นธรรมดา ความสำคัญอยู่ที่จะจัดการกับความขัดแย้งอย่างไรไม่ให้กลายเป็น “ความขัดแย้งที่เป็นปรปักษ์”
สรุป :
ขอฝากถึงลุงๆ ทั้งสอง คือ ลุงตู่กับลุงป๊อก ว่า หัดฟัง ให้เกียรติ และให้ใจแก่ลุงป้อมให้หมดใจได้ไหมในช่วงเวลานี้ ระงับการก่อการใดๆ ที่จะสร้างแรงกระเพื่อมให้ลุงป้อมต้อง “ตามล้างตามเช็ด” ให้ สักระยะหนึ่งก่อน
ช่วยทำให้เวลาที่เหลือ เกิดภาพที่ชวนให้คนมั่นใจว่า กูจะฝากชีวิตและอนาคตของบ้านมืองไว้กับ 3 ลุงนี้ต่อได้
ซึ่งเวลานี้ตอบเลยนะครับว่า “สิ้นหวังฉิบหาย”
เราจะฝากบ้านเมืองไว้กับนายกฯ ขาลอยเจ้าอารมณ์ คนหนึ่ง ที่ใช้นักการเมืองเป็นแค่ “มือในสภา”แล้วนักการเมืองพวกนั้นก็ “ไม่ยอม” อยู่ในสภาพ“เมียเก็บ” อีกต่อไป แล้วพวกเขาก็ลุกขึ้น “วัดพลัง” กันไปเรื่อยๆ
นี่หรือคืออนาคตของคนไทย
นี่หรือคืออนาคตของประเทศไทย
เราต้องฝากบ้านเมือง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และอนาคตของคนทั้งชาติไว้ ในมือ “ลุงคนหนึ่ง” ที่เก้าอี้คลอนแคลน และมีลุงอีกคนหนึ่ง ต้องคอยซ่อมเก้าอี้ให้อยู่ร่ำไปเช่นนั้นหรือ?!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี