“หนังสือพิมพ์แนวหน้า www.naewna.com สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา”ฉบับนี้ “พี่น้องจงแซ่ซ้องชาติไทย” รักษาไว้ให้มั่นคง เทิดธงไตรรงค์ให้เด่นไกล ชาติเชื้อเรายิ่งใหญ่ ชาติไทยบ้านเกิดเมืองนอน หยุดใฝ่ต่ำฉุดฟ้าต่ำดึงสถาบันมาย่ำยี…“ไม้หน้าสาม ย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง” ผ่าน “บุคคลแนวหน้า”…
nn เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของ “กลุ่มคนชังชาติ” ที่ มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ไม่สำเหนียกไร้สำนึก นัดมวลชนจัดกิจการชุมนุมทางการเมืองสนับสนุน “วาทกรรมประดิษฐ์ต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จำแลง” ของเหล่าสัมภเวสีโอปปาติกะที่วิ่งพล่านหาเศษอาจมและอำนาจทางการเมืองกลืนกิน โดยไม่ได้ห่วงใยสถานการณ์ประเทศโดยรวมที่ “รัฐบาลทหารแก่ – พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ร่วมกับ “ทีมไทยแลนด์” ที่ประกอบไปด้วยทุกอณูทุกชนชั้นทุกภูมิภาคอุตส่าห์ทุ่มแรงกายแรงใจต่อสู้กับภัยสงครามชีวภาพ “วิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)” ที่ทำประเทศหยุดชะงักทุกด้าน จนทุกอย่างทุเลา “ลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี” ตัดสินใจเปิดประเทศเพื่อสร้างรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่ดูเหมือนจะได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศพอสมควร ธุรกิจต่อเนื่องในท้องถิ่นได้รับอานิสงส์กันถ้วนทั่ว…
nn ทว่า “กลุ่มคณะราษฎร และกลุ่มการ์ดวีโว่” ของ “โตโต้ –ปิยรัฐ จงเทพ” กลับโพสต์ข้อความปลุกปั่นผ่านโลกโซเชียล ตกหล่มกับอคติใจบอดตาบอด เรียกร้องให้มวลชนออกมาชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยระบุว่า “ฝ่ายอนุรักษ์นิยม เลือกที่จะไม่สน ไม่แคร์ ประชาชน” เลือกที่จะพาประเทศย้อนกลับไปในยุค “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์” ที่ยากจะ “ยอมรับและนอบน้อมกับคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” ที่อุกอาจเช่นนี้ได้ สังคมไทยจึงต้องออกมาต่อสู้เพื่อยืนยันว่าประเทศนี้ปกครองด้วยระบอบที่ทุกคนเสมอหน้าเท่าเทียมกัน นี่คือ “การต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตย” ไม่ตรึกตรองเหตุและผลที่ศาลรัฐธรรมนูญแสดงไว้ในคำวินิจฉัยที่ชัดเจนว่าทำไมการชุมนุมครั้งนั้น (10 ส.ค. 2563) เข้าข่ายล้มล้างการปกครองอย่างไร ฝ่ายอคติตาบอดใจบอดยังประดิษฐ์วาทกรรมตะแบงหลอกลวงประชาชนให้ออกมาชุมนุมสร้างความวุ่นวายหวังขยี้บาดแผลของประเทศ เพื่อสาดโคลนความล้มเหลวในการบริหารประเทศเพื่อกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศเพราะ “รัฐบาลทหารแก่ – พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี” เพื่อช่วงชิงคะแนนมวลชนในการเลือกตั้งท่านผู้ทรงเกียรติในปี 2565…
nn “ไม้หน้าสาม” เห็นแถลงการณ์ “การล้มล้างสถาบันฯหรือการล้มล้างสิทธิเสรีภาพของประชาชน” ของเครือข่ายนักกฎหมายและคณาจารย์นิติศาสตร์เกิดข้อสงสัยจำต้องเขียนให้ผู้รู้อธิบายอย่างไร้อคติด้วยว่า “สิทธิเสรีภาพของประชาชนกับของแกนนำม็อบ”นั้นแตกต่างกันหรือไม่ และเท่าที่ผู้ออกแถลงการณ์เสพนั้นการชุมนุมการปราศรัยอยู่ในขอบเขตของสิทธิเสรีภาพประชาชนหรือไม่???!!…
nn “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ”ท่านแสดงเหตุผลอย่างชัดเจนถึงพฤติกรรมของแกนนำผู้ชุมนุมบนเวที “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน”ว่าได้แสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจน ในเมื่อ “กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา” ดังนั้น ข้อเสนอให้ยกเลิกมาตรา 6 ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่รับรองการให้พระราชอำนาจขององค์พระมหากษัตริย์ในฐานะทรงเป็นประมุขของรัฐที่ผู้ใดจะกล่าวหาล่วงละเมิดไม่ได้ เป็นการกระทำ ที่มีเจตนาทำลายล้างสถาบันกษัตริย์โดยชัดแจ้ง ซึ่งเท่ากับ “การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”…
nn “จรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรมและผู้พิพากษาศาลยุติธรรม” ระบุไว้ให้ “สำเหนียกอย่างมีสามัญสำนึก … ถ้าคุณไม่พอใจรัฐบาล คุณก็โค่นล้มรัฐบาลไปไม่ควรต้องมาเกี่ยวข้องกับประมุขของชาติ” พวกตะแบงแกล้งโง่ก็แถไปเรื่อยเพื่อให้ฝ่ายตนมีความชอบธรรมเพิ่มขึ้น “ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคอนาคตใหม่ และอดีตอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ “สมาชิกนิติราษฎร์” ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คถึงแนวทางการวินิจฉัยคดีที่ “ณฐพร โตประยูร”ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพฤติกรรมแกนนำชุมนุมทางการเมืองวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ซึ่งดำเนินการปราศรัยที่จาบจ้วง กล่าวหาพระมหากษัตริย์และสถาบันอย่างหยาบคายไร้ข้อเท็จจริง และอ่านข้อเสนอ 10 ข้อเพื่อปฏิรูปสถาบัน เป็นการกระทำที่เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ว่า หากตนเองเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเยี่ยงนี้ 1.ให้ยกคำร้อง 2.ยกคำร้อง แต่วางกรอบเงื่อนไขการใช้เสรีภาพในการแสดงออกไว้ 3.สั่งห้ามการกระทำของอานนท์ และพวกผู้ถูกร้อง ทั้งยังบอกด้วยว่าคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญปิดช่องทาง “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” และอาจนำไปสู่ “สงครามกลางเมือง” คิดว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ ซึ่งโพสต์นี้สอดรับกับ…“เจี๊ยบ นครปฐม – อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล” ทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์บนแบนเนอร์ระบุว่า “ความคลุมเคลือไม่ชัดเจนของคำวินิจฉัยนี้(ล้มล้างการปกครอง) ถ้าในอนาคต ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นมาก็คิดว่า … คนที่ต้องรับผิดชอบคือศาลรัฐธรรมนูญ” แปลกดีไหมเกิดต้นไม้พิษกับผลไม้พิษต่อยอดถึงกันได้พอเหมาะพอเจาะเยี่ยงนี้…
nn ในยุคอดอยากปากแห้งอะไรเบาได้ก็เบาอย่าให้เค้าขุดประจาน “วงจรอุบาทว์” ทุกยุคสมัยเลย แปลกแต่จริงครับกับ “ระบบราชการไทย”ทำในสิ่งที่คาดไม่ถึงเพราะอ้วนลงพุงได้เสมอ “นักธุรกิจรายหนึ่งไม่ประสากับระบบราชการไทยแบบห่วยๆ หรืออย่างไรไม่ทราบ เข้าประมูลงานโครงการสังกัด “สำนักนายกรัฐมนตรี” ปฏิบัติตามขั้นตอนไม่มีซิกแซกไม่มีใต้โต๊ะ เช่นเดียวกับนักธุรกิจอีกหลายบริษัทที่หวังจะได้งานหลังทุกอย่างหยุดชะงักเพราะพิษการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 “โควิด-19” อย่างที่บอกแต่ต้นแหละ ปฏิบัติตามขั้นตอนถูกต้องทุกประการ พอถึงเวลาทีจะชี้ชะตา“หมู่โฮมกับจ่าแดง” หน่วยงานราชการก็งามหน้าอย่างเหลือเชื่อยกเลิกการประมูล เพราะผู้เข้ายื่นซองประมูลนั้นมีเพียงหนึ่งเดียวบริษัทเดียวเท่านั้นที่ปฏิบัติถูกต้องตามเงื่อนไขที่กำหนด ส่วนที่เหลือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามเงื่อนไขการเข้าประมูลเนี่ยยังดีที่มี “ยางอาย” แต่ไร้สามัญสำนึก สรุปไหนๆ ก็ไหนๆ น่าจะเลือกบริษัทที่อยู่ในใจที่เขียนใส่เศษกระดาษซ่อนไว้ที่ง่ามนิ้วให้รู้แล้วรู้รอด หมดเรื่องหมดราวไปเสียเลย รอบนี้ไม่ใช่ “นาฬิกาเพื่อน” ... ลุงตู่ลองถามไถ่บ้างก็น่าจะดีใกล้จะหมดวาระแล้ว เรื่องราว “วงจรอุบาทว์” ไม่ควรให้เกิดเสียประวัติน่ะลุง…
nn ทิ้งท้าย ตรวจแถวอุตสาหกรรมโฆษณา-สื่อ ยังโคม่า อาการทรงๆ ทรุดๆ ต้องลุ้นเดือนต่อเดือน แบรนด์จะใช้จ่ายเงินสะพัด หนุนตลาด “โต” หรือ “ติดลบ”...นักการตลาดระบุเอเจนซ่ี แบรนด์ ขานรับนโยบายเปิดประเทศ สินค้าแห่ลุยแคมเปญโกยยอดขายทิ้งทวนปี 2564 ทว่า เดือนตุลาฯ64 มีมูลค่า 9,088 ล้านบาท หดตัว 6% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ... สื่อทุกประเภทอยู่ใน Red Zone “ติดลบ” ถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ มูลค่า 5,405 ล้านบาท ลดลง 5% สื่อโฆษณานอกบ้านและสื่อเคลื่อนที่ 739 ล้านบาท ลดลง 16% วิทยุ 284 ล้านบาทลดลง 11% สื่อสิ่งพิมพ์ 242 ล้านบาท ลดลงมากสุดถึง 28% สื่อในโรงภาพยนตร์ 428 ล้านบาท ลดลง 5% สื่อในห้าง 59 ล้านบาท ลดลง 11%…nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี