การเคลื่อนไหวบิดเบือนการดำเนินคดี 112 เพื่อดิสเครดิต โจมตี ปลุกปั่น ให้ร้าย สื่อความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการดำเนินคดีตามมาตรา 112 กำลังประจานขบวนการของผู้เคลื่อนไหวให้ได้อับอายเสียเอง
เพราะการพยายามบิดเบือนนั้น ยิ่งตอกย้ำเจตนาซ่อนเร้นว่าไม่มีความบริสุทธิ์ใจจริง แต่ใช้วิชามาร ใช้การโกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อน หรือไม่ก็บ้องตื้นดักดานจนถูกใครสนตะพายไปอย่างไรก็เชื่อเขาหมด
สร้างวาทกรรมกลวงๆ ว่า “ใส่เสื้อครอปท็อป ผิดอะไร”
แต่งตัวใส่เสื้อเอวลอย พยายามจะบิดเบือนโจมตีกรณีที่รุ้ง เพนกวิ้น และพวก ถูกดำเนินคดี 112 จากกิจกรรมเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2563 ที่ห้างสยามพารากอนนั้น เพียงเพราะแต่งตัวเอวลอยครอปท็อปก็ถูกดำเนินคดีอย่างนั้นหรือ
แล้ว “รุ้ง” ถูกดำเนินคดี 112 จึงไม่ได้ประกันตัวอย่างนั้นหรือ?
ความจริงคืออะไร?
1. คนถูกดำเนินคดี 112 ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ประกันตัว
ปัจจุบัน หลายคนที่ถูกดำเนินคดี แต่ได้ประกันตัวใช้ชีวิตอยู่นอกเรือนจำ ต่อสู้คดีไปตามปกติ
ส่วนรุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ก็เคยได้ประกันตัวมาแล้ว แต่เจ้าตัวยังก่อเหตุซ้ำซ้อนซ้ำซาก กระทั่งศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว โดยศาลระบุคำสั่งว่า จำเลยเคยกระทำในลักษณะทำนองเดียวกันกับคดีนี้มาแล้วหลายคดี หลังถูกฟ้องในคดีนี้ จำเลยซึ่งได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในคดีของศาลอาญาก็ไปกระทำผิดซ้ำ ซึ่งเป็นการละเมิดเงื่อนไขข้อห้ามของศาลอาญา จนพนักงานอัยการร้องขอให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว หากจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวไป จำเลยอาจไปกระทำการอันมีลักษณะเป็นความผิดเช่นเดียวกับคดีนี้อีก กรณีนี้จึงเห็นควรไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ให้ยกคำร้อง
2. กรณีที่รุ้งและพวกทำกิจกรรม “ใครๆ ก็ใส่ครอปท็อปไปเดินสยามพารากอน” เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2563
ผิด หรือไม่ผิด ตามมาตรา 112 ศาลยุติธรรมยังไม่ได้พิพากษา ยังมีสิทธิต่อสู้คดีในชั้นศาลต่อไป
แต่การบิดเบือนกล่าวหาว่า แค่ใส่ครอปท็อปแล้วก็ถูกดำเนินคดี 112 ไม่ได้ประกันตัว เป็นการพยายามบิดเบือนอย่างหน้ามึนที่สุด ไม่ควรที่คนรุ่นใหม่จะเอาเยี่ยงอย่างวิชามาร การเมืองน้ำเน่าที่พยายามดิสเครดิตกระบวนการยุติธรรมและศาลยุติธรรมเยี่ยงนี้ มันน่าละอายแก่ใจตนเอง
ทำไมจึงถูกดำเนินคดี?
ในคำฟ้องระบุพฤติการณ์และชี้เหตุที่ถูกดำเนินคดีไว้ชัดเจน บางตอน เช่น
- การแต่งกายนั้น ไม่ใช่การแต่งกายปกติ แต่เป็นการจัดกิจกรรมการเมือง โดยตํารวจฝ่ายสืบสวนสถานีตํารวจนครบาลปทุมวัน กองบัญชาการตํารวจนครบาล และกองบัญชาการตํารวจสันติบาลได้สืบสวนหาข่าว และทําการตรวจสอบสื่อสังคมออนไลน์ พบว่ามีการโพสต์ข้อความประกาศชักชวนเตรียมการก่อนหน้านั้น
- ในคำฟ้องชี้ว่า กลุ่มจำเลยได้บังอาจกระทําความผิดต่อกฎหมายเป็นตัวการร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามที่ได้สมคบเตรียมการและนัดหมายกันไว้ล่วงหน้า เพื่อแสดงกิจกรรมล้อเลียนดูหมิ่นและต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ และต่อต้านพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 โดยการแสดงบทบาทล้อเลียนดูหมิ่นพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยวิธีการร่วมกันและแบ่งหน้าที่กันทํา ได้แก่ ร่วมกันแต่งกายใส่ชุด Crop Top (ครอปท็อป หรือชุดเสื้อกล้ามเอวลอย) ร่วมกันเขียนถ้อยคําหรือข้อความตามเนื้อตัวร่างกาย ร่วมกันกล่าวคําพูดหรือถ้อยคํา แสดงบทบาท แสดงกิริยาอาการทางร่างกาย ใบหน้า และวิธีอื่นใดในทํานองเดียวกัน แล้วเดินวนเวียนไปมาที่บริเวณห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ซึ่งเป็นสถานที่ชุมนุมขนาดใหญ่… การกระทำดังกล่าว มีเจตนาแสดงออกและสื่อความหมายให้ประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นบุคคลที่สามเข้าใจว่า กลุ่มจําเลยทั้งห้ากับพวกได้ร่วมกันแสดงตนหรือบทบาทล้อเลียนดูหมิ่นพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 พระราชินี และสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อให้ประชาชนเสื่อมความเคารพ ความศรัทธาต่อองค์พระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์
- คำฟ้องบางตอนระบุรายละเอียดพฤติกรรมแต่ละคนไว้ด้วย เช่น
มีการเขียนข้อความตามร่างกายด้วยหมึกสีดำ อาทิ
พริษฐ์เขียนข้อความว่า ... บริเวณต้นแขนทั้งสองข้าง และมีการเขียนข้อความ ... และ ... บริเวณท้องและเอว
ปนัสยาเขียนข้อความ... และ …บริเวณท้องและเอว
เบนจาเขียนข้อความ... บริเวณท้องและเอว รวมทั้งยังพฤติการณ์ถือพานทองที่มีกระเป๋าวางอยู่บนพาน และเดินตามพริษฐ์และปนัสยา ในลักษณะเสมือนหนึ่งเป็นข้าราชบริพารเดินถือเครื่องใช้ส่วนพระองค์ในการตามเสด็จ
ภวัต มีพฤติการณ์ในลักษณะอยู่ร่วมด้วยขณะทํากิจกรรม พร้อมกับพูดว่า “ทรงพระเจริญๆ” และทําท่าย่อตัวยกมือไหว้และมอบดอกไม้ให้กับพริษฐ์และปนัสยาพร้อมกับพูดคําว่า “ขอบคุณค่ะท่าน” และ “ทรงพระเจริญค่ะท่าน” อัยการระบุว่ามีเจตนาแสดงล้อเลียนให้เห็นว่าตนเองเป็นประชาชนที่มาร่วมชมพระบารมีและถวายพระพร
ภาณุพงศ์ได้ร่วมแสดงออกในลักษณะเดียวกับกลุ่มจำเลยคนอื่นๆ และร่วมกันชูสามนิ้ว ที่เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง
คำฟ้องของอัยการระบุว่า จากการกระทําของจําเลยกับพวก โดยบริบททั้งหมดแสดงให้เห็นว่า ได้ร่วมกันใช้เสรีภาพในทางใดๆ อันเป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือปวงชนชาวไทยที่จะต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ...มีเจตนาร่วมกันที่จะมุ่งหมายทําลายสถาบันพระมหากษัตริย์ (รัชกาลที่ 10) ให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ทําให้ประชาชนทั่วไปที่พบเห็นเสื่อมศรัทธา เสื่อมความเคารพสักการะในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี โดยประการที่น่าจะทําให้พระมหากษัตริย์ พระราชินี เสื่อมเสียพระเกียรติ เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย
3. ทุกคนมีสิทธิที่จะไม่ชอบ ไม่รัก ไม่ศรัทธา ไม่มีใครไปบังคับได้ และไม่มีความผิดตามกฎหมาย
กฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า
“ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”
เพราะฉะนั้น แค่คิด แค่ไม่รัก ไม่มีความผิด
แต่ถ้าเมื่อใด “กระทำในลักษณะหมิ่นประมาท ดูหมิ่น” หรือ “แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ”
เมื่อนั้น จึงเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายอาญา
ปัจจุบัน ผู้ที่ถูกดำเนินคดีแต่ละคน มีการกระทำแตกต่างกันไปในรายละเอียด อาทิ
ที่อ้างว่า แค่พิมพ์คำว่า “จร้า” นั่นก็โกหก เพราะจริงๆ ได้แชร์ข้อมูลจาบจ้วงมา แล้วก็พิมพ์คำว่า “จร้า” ยืนยันความเห็นตัวเองไปด้วย
ที่อ้างว่า แค่แต่งชุดไทย ชุดแฮร์รี่พ็อตเตอร์ ชุดครอปท็อป ฯลฯ นั่นก็โกหกอย่างน่าละอาย เพราะจริงๆ ได้พูดได้เขียน ได้แสดงออก สื่อความในลักษณ์จาบจ้วงต่อไปอีกด้วย จึงถูกดำเนินคดี
การใช้วิธีตัดตอนบิดเบือนปลุกปั่น เพื่อดิสเครดิต ม.112 ยิ่งตอกย้ำเจตนาไม่สุจริต กะล่อน ไร้ศักดิ์ศรี
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี