พานทองแท้ ชินวัตร โพสต์คลิปวินาทีโผกอด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรขณะอยู่บนเครื่องส่วนตัว โดยมีคุณพ่ออยู่ข้างๆ พร้อมระบุแคปชั่นว่า “ได้เจออาปูแล้วครับ”
กองเชียร์และบริวารที่ประจบเกินเลยบางส่วน พยายามบิดเบือนทำนองว่า ยิ่งลักษณ์ไม่มีความผิดเรื่องจำนำข้าว เพราะศาลปกครองพิพากษาว่าไม่ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทน 3.5 หมื่นล้าน
นี่คือตัวอย่าง “รัก โลภ โกรธ หลง” ทำให้หน้ามืดตาบอด บิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างน่าอาย
1.คดีทุจริตประพฤติมิชอบ ศาลฎีกาฯ พิพากษาชี้ขาด คดีถึงที่สุดไปแล้วว่ายิ่งลักษณ์มีความผิดจริง โทษจำคุก 5 ปี จะอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่ได้ เพราะยิ่งลักษณ์ต่อสู้คดีทุกรูปแบบ ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ถึงขนาดฟ้องดำเนินคดีอดีตอัยการสูงสุดก็ทำ (ศาลยกฟ้องแล้ว ชี้ว่าอดีตอัยการสูงสุดทำหน้าที่ถูกต้อง)
ยิ่งลักษณ์ไปสู้คดีในชั้นศาลตลอด มีกองเชียร์ช่วยกดดัน มีทีมระดับอดีตอัยการสูงสุดเป็นกุนซือ แต่ในที่สุด เมื่อดูท่าว่าจะแพ้คดี สู้ไม่ได้ ก็หลบหนีไปเอง ขนาดกองเชียร์ยังงงๆ ทิ้งให้บุญทรงกับพวกติดคุกในคดีข้าวจีทูจี
ศาลฎีกาฯ พิพากษาว่า “..การกระทําของจําเลย (ยิ่งลักษณ์) จึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในตําแหน่งโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงการคลัง ประเทศชาติ หรือผู้หนึ่งผู้ใด อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 123/1”
2.คดีที่ศาลปกครองกลางพิพากษา (คดียังไม่ถึงที่สุด) เป็นเรื่องค่าสินไหมทดแทน
ศาลปกครองกลางสั่งให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง และคำสั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่อง
ศาลปกครองกลางไม่ได้เพิกถอนคำพิพากษาศาลฎีกาฯ และไม่มีอำนาจจะไปเพิกถอน
ศาลปกครองไม่มีอำนาจชี้ขาดว่าใครโกงหรือไม่โกง อันนั้นเป็นความผิดทางอาญา และศาลฎีกาฯ ชี้ขาดไปแล้วว่ายิ่งลักษณ์ทุจริตต่อหน้าที่
ขณะนี้ คดีศาลปกครอง ได้มีการอุทธรณ์คดีไปที่ศาลปกครองสูงสุด ต้องคอยดูว่าศาลปกครองสูงสุดจะพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง หรือแก้คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง
3.ทำไมศาลปกครองกลาง ให้เพิกถอนคำสั่งเรียกค่าสินไหมฯ?
ศาลปกครองกลาง พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่ง กระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว จำนวน 20% หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ของความเสียหายทั้งหมด 1.78 แสนล้านบาท
และให้เพิกถอนคำสั่งของกรมบังคับคดี กับพวกที่ออกคำสั่ง หรือประกาศใดๆ ที่ดำเนินการเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์สินยิ่งลักษณ์
ศาลปกครองกลางให้เหตุผลว่า ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่ายิ่งลักษณ์เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวโดยตรง นอกจากนี้ โครงการจำนำข้าวยังดำเนินการตามนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา เป็นนโยบายสาธารณะขนาดใหญ่ ใช้เงินเยอะ ย่อมมีการขาดทุน ยิ่งลักษณ์มีอำนาจหน้าที่เพียงกำกับดูแลนโยบายโดยทั่วไประดับมหภาคของโครงการ มิได้มีอำนาจหน้าที่ในการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ไม่อาจที่จะรับรู้รับทราบข้อมูล การปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้กระทำผิดในระดับปฏิบัติ อีกทั้ง มิได้เป็นผู้ปฏิบัติในฐานะเจ้าหน้าที่ดำเนินการต่างๆ ในการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ และมิได้เป็นคณะอนุกรรมการตามที่ กขช. แต่งตั้งแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังชี้ว่า การกำหนดสัดส่วนให้ยิ่งลักษณ์รับผิด จำนวน 35,717,273,028.23 บาท คิดเป็นร้อยละ 20 ของมูลค่าความเสียหาย 178,586,365,141 บาท มิได้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นธรรมแก่ยิ่งลักษณ์ ฯลฯ
ประการสำคัญ คือ ศาลปกครองกลางมิได้บอกว่าโครงการจำนำข้าวไม่มีการทุจริตโกงกิน
อย่างไรก็ตาม คดียังไม่ถึงที่สุด มีการอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไปซึ่งที่ผ่านมา หลายคดี ศาลปกครองสูงสุดก็มีคำพิพากษาที่แตกต่างสิ้นเชิงกับศาลปกครองกลาง
อย่าลืมว่า คดีข้าวจีทูจีลอต 2 ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหายิ่งลักษณ์ด้วย (ลอตแรกไม่ได้ดำเนินคดีกับยิ่งลักษณ์)
4.ประการสำคัญ ศาลฎีกาฯ พิพากษาลงโทษจำคุกยิ่งลักษณ์ 5 ปี
ศาลฎีกาฯ ชี้ว่า ในกรณีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ในสัญญา 4 ฉบับ พบว่า มีการแก้ไขสัญญาในยุคที่มีนายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการระบายข้าว และยังทำในรูปแบบซื้อขายหน้าคลังสินค้า ซึ่งไม่ใช่การซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ และยังใช้สกุลเงินบาทในการซื้อขาย ซึ่งเป็นพิรุธ ประกอบกับไม่พบว่ามีการส่งข้าวไปยังจีน แต่ในสัญญากลับระบุการซื้อขายข้าวนับล้านตัน ทั้งที่มีการนำข้าวออกไม่เท่ากับที่สัญญาระบุไว้ และเป็นการขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ ทำให้เอกชนได้รับประโยชน์จากส่วนต่างในราคากว่า 3 พันบาทต่อตัน โดยยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า บริษัทเอกชนในกลุ่มของ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง ที่มีความสนิทกับนายทักษิณ พี่ชายของจำเลย ก็ได้รับประโยชน์จากพฤติการณ์ที่สมอ้างว่าสัญญาระบายข้าวเป็นแบบรัฐต่อรัฐ
“...สําหรับความเสียหายอันเกิดขึ้นจากการทุจริตในขั้นตอนระบายข้าว โดยการแอบอ้างทําสัญญาขายแบบรัฐต่อรัฐ ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า จําเลยรับรู้จากการแจ้งเตือนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง การตั้งกระทู้ถามสด กระทู้ทั่วไป การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของฝ่ายข้าราชการการเมือง และข่าวสารจากสื่อมวลชน
...ในส่วนการระบายข้าว ที่แอบอ้างว่าเป็นการขายแบบรัฐต่อรัฐก็เช่นเดียวกัน จําเลยมีเวลาเพียงพอที่จะระงับยับยั้งการส่งมอบข้าวตามสัญญาที่ยังไม่ได้ส่งมอบไว้ก่อนก็ย่อมกระทําได้ตามอํานาจหน้าที่ แต่จําเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาลและประธาน กขช. ซึ่งมีอํานาจหน้าที่โดยตรงในการควบคุมตรวจสอบกํากับดูแล การปฏิบัติตามนโยบาย วางมาตรการโครงการที่อนุมัติไปแล้ว ทั้งมีอํานาจสั่งการข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ในการกํากับดูแล การระงับยับยั้งหรือแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการทุจริตในขั้นตอน การระบายข้าว
แต่จําเลยกลับมีพฤติการณ์ในการละเว้นหน้าที่ตามกฎหมาย ส่อแสดงเจตนาออกโดย แจ้งชัดอันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ นายบุญทรง กับพวกแสวงหาผลประโยชน์จากโครงการรับจํานําข้าว โดยการแอบอ้างนําบริษัท GSSG และบริษัท Hainan grain เข้ามาทําสัญญาซื้อข้าวในราคาที่ต่่ำกว่าท้องตลาดตามประกาศของกรมการค้าภายใน แล้วมีการหาประโยชน์ที่ทับซ้อน โดยทุจริตได้ข้าวส่วนต่าง จากราคาข้าวตามสัญญาซื้อขาย ๔ ฉบับอันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศและเกิดผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินโดยตรง ถือได้ว่าเป็นการกระทําทุจริตต่อหน้าที่ในความหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔”
นี่คือคดีที่ศาลฎีกาพิพากษาชี้ขาด คดีถึงที่สุดแล้ว
แต่คนบางกลุ่มพยายามบิดเบือน เฉไฉ หรือแกล้งโง่ เพราะ “รัก โลภ โกรธ หลง”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี