“One Size Fit All (เสื้อเหมาโหล)” เป็นสำนวนหมายถึง “การออกนโยบายแบบเดียวแต่ใช้กับคนทุกคน”ซึ่งหลายครั้งมักถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่สามารถใช้ได้จริงเพราะไม่เข้ากับบริบทที่แตกต่างกัน เช่น สภาพเศรษฐกิจ สังคม ภูมิศาสตร์ ฯลฯ ตรงกันข้ามกับสำนวน “Tailor Made (สูทสั่งตัด)” หมายถึง “การออกนโยบายที่เจาะจงไปยังคนแต่ละกลุ่ม” เพื่อให้เข้ากับบริบทและใช้ได้ผล ดังนั้น “การศึกษาวิจัยประชากรกลุ่มเฉพาะ” จึงมีความจำเป็น
เมื่อเร็วๆ นี้ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล จัดบรรยายหัวข้อ “ประชากรกลุ่มเฉพาะคือใคร ทำไมต้องวิจัยประชากรกลุ่มเฉพาะ” โดยมีวิทยากร 2 ท่าน คือ รศ.ดร.สุชาดา ทวีสิทธิ์ อธิบายความหมายของประชากรกลุ่มเฉพาะ ว่า หมายถึงความแตกต่างด้าน “อัตลักษณ์” ที่ทำให้บอกได้ว่าเราหรือเขาคือใคร ซึ่งการมองประชากรแบบกลุ่มเฉพาะจะทำให้มองเห็นมิติที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่าการมองประชากรแบบทั่วไปหรือเหมารวม
โดยอัตลักษณ์นี้มีหลายประเภท เช่น อัตลักษณ์ทางประชากร การเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ฯลฯ และแม้กระทั่งแบ่งอัตลักษณ์ตามนี้แล้ว แต่และกลุ่มยังสามารถแบ่งเป็นกลุ่มย่อยได้อีก เช่น เมื่อพูดถึงประชากรโดยเจาะจงว่าเป็นเพศหญิง ก็ยังแบ่งย่อยได้หลายกลุ่ม อาทิ ผู้หญิงในกลุ่มชาติพันธุ์ ผู้หญิงที่นับถือศาสนาอิสลาม ผู้หญิงที่ทำงานขายบริการทางเพศ ฯลฯ และนั่นทำให้ประสบการณ์ชีวิตของแต่ละกลุ่มแตกต่างกัน แม้จะเป็นเพศหญิงเหมือนกันก็ตาม
นอกจากนี้ “คนหนึ่งคนยังถูกจัดกลุ่มได้หลายอัตลักษณ์” เช่น หญิงคนหนึ่งทำงานขายบริการทางเพศ และยังพบว่ามีสถานะเป็นบุคคลไร้สัญชาติ ซึ่งแม้ทั้ง 2 อัตลักษณ์จะถูกเรียกว่าเป็นกลุ่มชายขอบ แต่หญิงรายนี้จะมีประสบการณ์ชีวิตแตกต่างจากหญิงขายบริการคนอื่นๆ เนื่องจากการไม่มีสัญชาติทำให้เข้าไม่ถึงสิทธิที่ประชาชนหรือพลเมืองคนหนึ่งพึงมีพึงได้ อาทิ บริการสุขภาพ
“มีนักวิจัยอยู่ 2 กลุ่ม 1.กลุ่มที่มุ่งอธิบายประสบการณ์และพฤติกรรมของกลุ่มประชากรเฉพาะที่แตกต่างไปจากประชากรทั่วไป ส่วนใหญ่จะมองว่าอัตลักษณ์เฉพาะกลุ่มเป็นเหตุปัจจัยของปัญหาในตัวของมันเอง โดยไม่ได้มองว่ามันเป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมหรือปัญหาเชิงโครงสร้าง ฉะนั้นก็จะมุ่งอธิบายอยู่ที่อัตลักษณ์ตัวนั้นทำให้คนมีพฤติกรรมที่แตกต่างออกไปจากประชากรทั่วไป
2.เป็นนักวิจัยใช้แนวคิดเชิงวิพากษ์ มุ่งศึกษาตีแผ่ให้เห็นปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคมที่ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ของประชากรกลุ่มเฉพาะ ชี้ให้เห็นความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ความเหลื่อมล้ำในเชิงนโยบายและกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม การมีอคติของสังคมต่อคนที่มีอัตลักษณ์เฉพาะบางอย่าง การเลือกปฏิบัติ การละเมิดสิทธิมนุษยชน แล้วก็ความเปราะบาง และการถูกทำให้เป็นชายขอบ นักวิจัยกลุ่มที่ 2 ก็จะใช้แนวคิดเชิงวิพากษ์แบบนี้ ซึ่งระยะหลังเราพบว่าแนวทางที่ 2 จะโดดเด่นขึ้นกว่าแนวทางแรก” รศ.ดร.สุชาดา กล่าว
รศ.ดร.สุชาดา กล่าวถึงความสำคัญของการศึกษาประชากรกลุ่มเฉพาะ ว่า ที่ผ่านมาการกำหนดนโยบายของประเทศมักมีลักษณะแบบเหมาเข่ง-เหวี่ยงแหแบบเดียวกันทั้งหมด ทำให้นโยบายที่ออกมาไม่สอดรับกับปัญหาและความต้องการของประชากรกลุ่มเฉพาะ คนเหล่านี้จึงถูกทิ้งไว้ข้างหลัง งานวิจัยจึงเป็นประโยชน์ในการให้ข้อมูลเพื่อนำไปสนับสนุนนโยบายสำหรับประชากรกลุ่มเฉพาะ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการนำผลการศึกษาไปใช้สร้างความเปลี่ยนแปลง ผ่านการขับเคลื่อนเชิงนโยบายทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น
ส่วนผู้บรรยายอีกท่านหนึ่งคือ ผศ.ดร.ดุสิตาพึ่งสำราญ เล่าว่า เคยทำงานวิจัยประเด็นสุขภาพ กรณีการติดเชื้อ HIV หรือโรคเอดส์ ซึ่งจะมีประชากรอัตลักษณ์เฉพาะที่จัดเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อมากกว่าประชากรกลุ่มอื่นๆ เช่น ชายรักชาย สาวประเภทสอง ผู้ใช้ยาเสพติดด้วยวิธีการฉีด และผู้มีอาชีพขายบริการทางเพศ และงานวิจัยประเด็นการถูกตีตราหรือเลือกปฏิบัติ ในประชากรอัตลักษณ์เฉพาะ 2 กลุ่ม คือผู้ขายบริการทางเพศ และผู้ต้องขังในเรือนจำ
สำหรับประเด็นการติดเชื้อ HIV หรือโรคเอดส์ นั้นเคยทำการศึกษาเกี่ยวกับการรับรู้เกี่ยวกับยาต้านไวรัสที่ต้องกินก่อนสัมผัสเชื้อ (PrEP) ในกลุ่มหญิงขายบริการทางเพศ โดยร่วมมือกับมูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ (SWING) เมื่อช่วง 4-5 ปีก่อน ซึ่งในเวลานั้นยานี้ยังไม่มีการให้บริการอย่างแพร่หลาย ส่วนใหญ่ยังเน้นไปที่กลุ่มเฉพาะอย่างชายรักชายและสาวประเภทสอง ทั้งนี้สาเหตุน่าจะมาจากระยะหลังๆ พบการติดเชื้อ HIVในกลุ่มหญิงขายบริการทางเพศลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ทำให้การจัดบริการเพื่อป้องกันโรคในกลุ่มนี้ลดความเข้มข้นลง
เช่นเดียวกับประเด็นการตีตราและเลือกปฏิบัติยังคงเลือกประชากรกลุ่มหญิงขายบริการทางเพศเป็นกลุ่มศึกษา โดยทำงานร่วมกับ SWING ในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ในประเด็นการมีส่วนร่วมของชุมชนกับการลดปัญหาความรุนแรงที่เกิดกับประชากรกลุ่มนี้ พบว่าการสร้างการมีส่วนร่วมทั้งกับตำรวจและอาสาสมัครในพื้นที่ช่วยลดปัญหาความรุนแรงที่เกิดจากการตีตราหรือเลือกปฏิบัติได้
และล่าสุดกับงานวิจัยที่เพิ่งทำไปเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นการทำงานร่วมกับกรมควบคุมโรค ในประเด็นการสำรวจพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV รวมถึงสำรวจอัตราการติดเชื้อ HIV ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบ B และ C ในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดด้วยวิธีฉีด โดยคณะผู้วิจัยนอกจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล แล้วยังมีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นการศึกษาข้อมูลล่าสุด หลังจากการศึกษาครั้งก่อนที่ทำเมื่อ 5 ปีที่แล้ว โดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค
“พอเราทำงานมา เราจะรู้สึกว่าประชากรกลุ่มเฉพาะที่เราเรียกว่ากลุ่มเข้าถึงยาก เขาเข้าถึงยากจริงๆ แล้วก็ยังมีความซ่อนเร้นอยู่มากๆ ทีนี้ในการทำวิจัยไม่ว่าจะในประเด็นอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเราไม่สามารถที่จะเข้าถึงคนเหล่านี้ได้ ก็ไม่สามารถที่จะเก็บข้อมูลเข้ามาแล้วก็ศึกษาวิจัยในเชิงลึกได้ ที่ผ่านมาพยายาม Review (ทบทวน) ว่าในต่างประเทศมีการศึกษาที่เขาสามารถเก็บข้อมูลจากประชากรกลุ่มเฉพาะเหล่านี้ในกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ๆ 400-500 คน หรือเป็นพันคน เขาใช้ระเบียบวิธีอะไรบ้าง
เราก็เลยคิดว่าสิ่งที่น่าสนใจและอาจเป็นความท้าทายอันหนึ่งที่สถาบันฯ น่าจะทำต่อ คือการดูว่ามันจะมีระเบียบวิธีอะไรบ้างที่จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มประชากรเฉพาะ คงไม่ได้หมายถึงเฉพาะกลุ่มประชากรหลักในงาน HIV อย่างเดียว แต่อาจจะหมายถึงกลุ่มประชากรอื่นๆ ซึ่งเขามีอัตลักษณ์เดี่ยว-อัตลักษณ์เชิงซ้อนสามารถจะเข้าถึงเขาได้อย่างไร เพื่อที่จะนำเขาเข้ามามีส่วนร่วมในงานวิจัย แล้วเราก็จะได้ศึกษาในประเด็นต่างๆ ได้มากขึ้นด้วย” ผศ.ดร.ดุสิตา กล่าว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี