หากไม่ต้องเผชิญกับผลกระทบโควิด-19 ชีวิตของชาวนายุคปัจจุบัน จะดีกว่าที่เป็นอยู่ และดีกว่าในอดีตอย่างมหาศาลแน่นอน
1. เมื่อวานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปลดล็อกงบประมาณสำหรับโครงการประกันรายได้สำเร็จ ผลักดันผ่าน ครม.เรียบร้อย
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล ยืนยันว่างบประมาณมีพร้อมสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2564/65 เพื่อชดเชยส่วนต่าง “ประกันราคาข้าว” ให้แก่เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว อีกทั้ง มีการอนุมัติกรอบวงเงินมาตรการคู่ขนาน โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวด้วยไร่ละ 1,000 บาทไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน เพื่อให้เป็นไปตามมติ นบข. โดยหลังจากนี้ ธ.ก.ส. จะเร่งเบิกจ่ายและโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงโดยเร็วที่สุด
“นายกรัฐมนตรี ทราบดีว่า พี่น้องชาวนาเฝ้ารอการดำเนินการ ก็เร่งทำทันที ตามที่ได้รับปากไว้ ที่จะจัดสรรวงเงินเพิ่มเติม สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว รวมทั้งยังผลักดันมาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรไทยในพืชอื่นๆ อาทิ เกษตรกรชาวสวนยางเพื่อให้เกษตรกรไทยมีรายได้ที่เหมาะสม ขณะเดียวกันก็สามารถประกอบอาชีพเกษตรได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย” โฆษกรัฐบาลกล่าว
2. จากที่มีการปั่นกระแสโดยฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเอาผลกระทบจากโควิดมาผสมโรง บิดเบือนโจมตีการช่วยเหลือชาวนาในยุคปัจจุบัน เพื่อหวังปลุกผีโคตรโกงจำนำข้าว
หากพิจารณาให้ถ่องแท้ ชุดมาตรการช่วยเหลือดูแลชาวนาที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ดำเนินการ โดยยึดถือแนวนโยบายพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนหลัก โครงการประกันรายได้ และมาตรการเสริมอื่นๆ นั้น ช่วยให้ชาวนาได้ประโยชน์ถึง 3 เด้ง
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การประกันรายได้ข้าวผลการผลิตปีที่ 3 ฤดูกาลปลูก 2564 / 2565 การเก็บเกี่ยวเริ่มตั้งแต่ 15 ตุลาคมเป็นต้นไปนั้น กรอบวงเงินงบประมาณรวมทั้งหมด 33 งวด ขณะนี้ชาวนาที่เกี่ยวแล้วรับเงินของงวดที่ 1-2-3 ไปแล้ว แต่งวด 3 ยังเหลืออีกบางส่วนขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงไปถึงงวดที่ 7 แล้ว ส่วนงวดที่เหลือกำลังทยอยประกาศรายสัปดาห์
เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบทั้งหมดแล้ว ทางกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในจะได้ประสานงานกับ ธ.ก.ส.ให้ดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยเฉพาะผู้ปลูกข้าวได้ต่อไป และด้วยโครงการนี้ผูกบัญชีธนาคารของเกษตรกรแต่ละรายโดยตรงกับ ธ.ก.ส.ตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเพาะปลูกและผูกบัญชีมาตั้งแต่ปีที่ 1และเมื่อมีการเพาะปลูกทุกครั้งก็จะต้องลงทะเบียนขึ้นบัญชีทุกครั้ง ในระดับชุมชนหมู่บ้านจะมีเกษตรตำบลคอยดูแลร่วมกับ ธ.ก.ส.ในระดับจังหวัดจะมีพาณิชย์จังหวัด และเกษตรจังหวัดคอยดูแล
นางมัลลิกา ระบุว่า ขอแจ้งรายละเอียดสำหรับข้าวเพื่อให้เกษตรกรพี่น้องชาวนาได้ทราบทั่วกันอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบสิทธิด้านส่วนต่างของตนในงวดที่ประกาศแล้วคืองวดที่ 1-7 โดยตามประกาศคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเรื่อง การกำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง และการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 (งวดที่ 1-7)
“...เดินหน้าปีที่ 3 ทำให้ชาวนากว่า 5 ล้านครัวเรือนได้ 3 เด้งมาตลอดในรัฐบาลนี้
เด้ง1 ได้ข้าวไว้กินและขาย
เด้ง2 ได้ “ส่วนต่าง”
เด้ง3 ได้ค่าไถหว่านหรือค่าปรับปรุงข้าวและยังไม่รวมนาน้ำท่วมที่ได้ค่าภัยพิบัติด้วยอยู่แล้ว
จึงขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน” นางมัลลิกา กล่าว
3. อันที่จริง นอกจาก ชาวนาได้ 3 เด้งแล้ว ประเทศชาติยังได้เป็นเด้งที่ 4
นั่นคือ ปิดช่องทางการโกงกินแบบโครงการ“จำนำข้าว ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ บุญทรงเข้าคุก”
ปิดช่องทางการหากินกับกระบวนการเก็บข้าวไว้ในโกดัง ต้องเสียค่าโกดัง ค่าเซอร์เวย์เยอร์ ค่าดอกเบี้ยค่าเสื่อมสภาพข้าว ฯลฯ
ด้วยเหตุนี้เอง กลุ่มคนที่เป็น “ปลิงดูดเลือดชาวนาผ่านโครงการจำนำข้าว” จึงร้อนรน จะเป็นจะตาย พยายามบิดเบือนปั่นกระแส อยากจะให้กลับทำโครงการจำนำข้าว หรือประกาศถ้าตนเองได้เป็นรัฐบาลจะทำจำนำข้าวโครงการโคตรโกงแบบนั้นอีก
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี