ผู้นำจีนชุดปัจจุบันมุ่งมั่นที่จะนำจีนกลับสู่ความยิ่งใหญ่ หลังจากที่ประเทศได้ถูกข่มเหงรังแกจากฝ่ายตะวันตก (รวมทั้งญี่ปุ่น) ในช่วงศตวรรษที่ 19
และต้นศตวรรษที่ 20 ส่งผลให้ประเทศจีนล้มลุกคลุกคลาน เต็มด้วยสงครามกลางเมือง และการก่อร่างสร้างตัวที่แสนสาหัสภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์
มาบัดนี้ จีนมีความเจริญก้าวหน้าในทุกด้านหลังจากที่ได้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจจากระบบปิดไปสู่ระบบเปิด โดยร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโลกยุคโลกาภิวัตน์ หรือเศรษฐกิจการตลาดแบบทุนนิยม จีนจึงกลับมามีความมั่นใจในตัวเอง และมีความภูมิอกภูมิใจ ผยอง ในความสำเร็จต่างๆ เนื่องจากสามารถกอบกู้สถานะทางเศรษฐกิจให้กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ แต่นั่นก็ยังไม่เป็นที่พอใจของผู้บริหารประเทศ เพราะยังต้องการที่จะเอาคืนเรื่องในอดีต นั่นคือ การขจัดอิทธิพลของฝ่ายตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ออกไปจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (คาบสมุทรอินโดแปซิฟิก) และต้องการจะเป็นผู้กำหนดกฎระเบียบโลก โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเสียใหม่ ให้เป็นไปตามความประสงค์ของจีน โดยจีนจะเป็นผู้กำกับทิศทางด้วยตนเองเพียงผู้เดียว
ในขณะเดียวกัน จีนก็เห็นว่าฝ่ายตะวันตก ทั้งอเมริกาและยุโรปก็อ่อนเปลี้ยด้วยประเด็นปัญหาภายใน แถมยังต้องรับมือกับเรื่องผู้อพยพลี้ภัย รวมทั้งการทวีคูณของการก่อการร้ายที่มีความรุนแรง อันสืบเนื่องมาจากความคิดอ่านสุดโต่งของแวดวงศาสนาอิสลาม อีกทั้งฝ่ายตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ก็ได้สูญเสียเงินทองและทรัพยากรไปกับนโยบายการเปลี่ยนแปลงประเทศต่างๆ ให้เป็นประชาธิปไตย(Regime Change) ทั้งที่ตะวันออกกลาง และล่าสุดที่อัฟกานิสถาน แล้วก็ล้มเหลวทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าอิทธิพลและพละกำลังของฝ่ายตะวันตกอยู่ในภาวะขาลง และไฉนจะเอาอะไรไปต่อกรกับจีนที่มีทุนทรัพย์มากมายมหาศาล ที่วางแผนจะกระทำ 3 สิ่ง 3 อย่างไปพร้อมๆ กันคือ
1.เพิ่มแสนยานุภาพทางการทหาร
2.ซื้อมิตรซื้อเพื่อน หรือสมุนบริวารไปทั่วโลก และ
3.พัฒนาเศรษฐกิจ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ไปได้อย่างไม่ลดละ
ล่าสุด ผู้นำจีนก็ประกาศเชิงท้าทายสหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ปกป้องคุ้มครองจีนไต้หวันว่า จีนมุ่งมั่นที่จะรวมประเทศกันให้ได้ภายในยุคช่วงอายุคนรุ่นนี้ ด้วยสันติวิธี (แต่ก็มีการข่มขู่ คุกคาม ตีกรอบไต้หวันทุกวิถีทาง) แถมยังประกาศด้วยว่า ถ้าไต้หวันประกาศแยกตัวออกจากจีนทั้งประเทศ ก็จะใช้กำลังเข้าทำลายล้าง
ประชาคมโลกก็มองความเป็นไปในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีเรื่องการขับเคี่ยวระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องหลัก ด้วยความวิตกกังวล ระทึกใจ และ
ต่างก็เฝ้าดูว่าในช่วงที่จีนอยู่ในภาวะขาขึ้น และสหรัฐฯ ดูเสมือนว่าอยู่ในภาวะขาลงนั้น จะมีอะไรหรือผู้ใดไปคัดค้านต้านทานจีนได้
แต่ทว่า สหรัฐอเมริกาก็มิได้อยู่นิ่งเฉย แม้ว่าจะมีปัญหาภายใน ปัญหาที่ตะวันออกกลาง ปัญหาที่ยุโรปตะวันออกติดรัสเซีย และปัญหาที่อัฟกานิสถาน ตั้งแต่สมัยสหรัฐฯ ภายใต้การนำพาของประธานาธิบดี ทรัมป์ ซึ่งต่อมา ประธานาธิบดีไบเดน ได้ดำเนินการกระชับความสัมพันธ์ทางด้านความมั่นคงเป็นรายประเทศอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน ทั้งกับเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ออสเตรเลีย และอินเดีย และยังได้เพิ่มความเป็นพันธมิตรกับเวียดนามและสิงคโปร์ อีกด้วยเสมือนหนึ่งเป็นการตีกรอบวงล้อมปิดกั้นจีน และเมื่อไม่นานนี้สหรัฐฯ ก็ได้ร่วมกับญี่ปุ่น อินเดีย และออสเตรเลีย ตั้งเครือข่ายการร่วมมือ 4 เส้า (The QUAD) เพื่อกระชับความร่วมมือ และต่อต้านจีน และต่อมาอีกไม่นานก็ได้มีการประกาศการร่วมมือ 3 เส้า ระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย (AUKUS) ในเรื่องการทหาร ความมั่นคง และเทคโนโลยี อันได้แก่ การร่วมมือผลิตเรือดำน้ำขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ให้กับออสเตรเลีย การพัฒนาจรวดขีปนาวุธ การรักษาความปลอดภัยของระบบไซเบอร์ การเสริมสร้างสมรรถนะทางด้านข่าวกรองซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการยันทัพ (Deterrence) การขยายอิทธิพลและพละกำลังของจีน ซึ่งเท่ากับว่าสหรัฐฯ รับคำท้าทายของจีน และยืนยันว่าสหรัฐฯ จะยังคงอยู่ต่อไปในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยจะไม่ยอมให้จีนมาขับไล่ไสส่ง แถมยังสามารถกระชับความร่วมมือกับประเทศพันธมิตรต่างๆ ดังกล่าว ได้มากขึ้นอีกด้วย และทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นว่าประเทศที่มีระบบการเมืองการปกครองแบบระบอบประชาธิปไตย (Democracies) ได้ผนึกกำลังกันในการที่จะรักษาและส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย และปฏิเสธไม่เอาด้วยกับระบบการเมืองการปกครองในระบอบเผด็จการใดๆ
ฝ่ายจีนก็คงไม่ได้คาดคิดว่า ฝ่ายสหรัฐอเมริกาจะสามารถรุกคืบกลับได้ขนาดนี้ โดยยังพร้อมที่จะลงทุนเพิ่มแสนยานุภาพต่อไปอีกขนาดไหน คงต้องรอดูกันว่า ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ใครจะมีสายป่าน และความอึด ความเด็ดเดี่ยวได้นานกว่ากัน หรือต่างจะต้องยอมรับในที่สุดว่า จะดึงดันกันต่อไปก็เอาแพ้ชนะกันไม่ได้ ซึ่งก็คงยอมรับสถานะให้อยู่กันไปอย่างนี้คือยันกันอยู่ แล้วก็ใฝ่หาจุดที่จะร่วมมือกันได้ โดยเรื่องหนึ่งที่ทั้งสองฝ่ายเริ่มที่จะหาจุดร่วมได้ก็คือ การร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อน และเรื่องระดับโลกอื่นๆ เช่น โรคระบาด และภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นต้น
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี