ในวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกๆ ปี เราชาวไทยจะร่วมกันเฉลิมฉลองกฎหมายรัฐธรรมนูญ (ถาวร) ฉบับแรก ของราชอาณาจักรไทย ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยและได้มีการประกาศใช้ณ วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2475
วันที่ 10 ธันวาคม 2475 จึงถือเป็นอีกวันที่สำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ของราชอาณาจักรไทย เพราะเป็นวันประกาศใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ (ถาวร) ฉบับแรก แล้วยังจะเป็นการบ่งบอก หรือเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงของราชอาณาจักรไทย อันได้แก่
1.เป็นการเริ่มศักราชของการมี และบังคับใช้กฎหมายสูงสุดของประเทศในการวางโครงสร้างทางการเมืองและการปกครอง
2.เป็นการบ่งบอกว่า ราชอาณาจักรไทยเป็นสังคมที่มีกฎหมายเป็นตัวกำกับ หรือการเป็นสังคมที่อยู่ภายใต้กฎหมาย (Rule of Law หรือเรียกว่า Rule base society) และกฎหมายนั้นใช้กับพลเมืองไทยทุกคนอย่างทัดเทียมทั่วถึง และไม่มีการเลือกปฏิบัติ ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎหมาย หรือนอกกฎหมาย
3.เป็นการบ่งบอกว่า ราชอาณาจักรไทยเข้าสู่สภาวะและสภาพของการเป็นสังคมที่มีความทันสมัยในระดับสากล (Modernity)
4.เป็นการบ่งบอกว่า สังคมไทยมิได้ประกอบด้วยผู้ปกครองและผู้ใต้ปกครองอีกต่อไป (The rulers and the ruled) แต่เป็นสังคมที่ประกอบด้วยพลเมืองที่ไม่มีวรรณะและชนชั้นใดๆ
ทั้งนี้การมีกฎหมายรัฐธรรมนูญ ก็ได้ทำให้ราชอาณาจักรไทยมิได้มีเพียงแค่ 3 สถาบัน หรือ 3 เสาหลักหรือรากฐาน คือชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หากแต่มีรากฐานอันที่ 4 เพิ่มขึ้นมา นั่นก็คือ กฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเอกสารรวมทั้งหนังสือเรียนเมื่อ 70-80 ปีก่อนก็ได้มีการระบุไว้ว่า สถาบันหลักของชาติไทยคือ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และกฎหมายรัฐธรรมนูญ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป คำว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญกลับถูกลืมเลือน หรือถูกตัดออกไปอย่างเงียบๆ และก็ยังไม่มีการรื้อฟื้นขึ้นมาอีกจนบัดนี้ โดยสาเหตุหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าได้มีการปฏิวัติรัฐประหาร มีการฉีกทิ้งซึ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ และการขีดเขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่บ่อยครั้งมาจนบัดนี้ โดยเฉลี่ยคือแทบจะทุก 4 ปี เสมือนว่าสังคมไทยไม่ให้ความสำคัญกับกฎหมายรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ หรือมิได้ถือว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญมีความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นเสาหลักหนึ่งของบ้านเมือง
วันที่ 10 ธันวาคม 2564 เพิ่งผ่านพ้นไปหยกๆเมื่อติดตามข่าวคราวดู กลับไม่เห็นว่ามีการเฉลิมฉลองวันที่ 10 ธันวาคม 2475 กันเช่นในอดีตแต่อย่างใด ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่ก็พอจะเข้าใจได้ เพราะคณะรัฐบาล รวมทั้งรัฐสภานั้น ต่างมาจากกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่มีความกระท่อนกระแท่นในเรื่องความเป็นประชาธิปไตย และดูห่างไกลจากเจตนารมณ์และเนื้อหาของกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับวันที่ 10 ธันวาคม2475 ในเรื่องความเป็นประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภาและการถ่วงดุลและคานอำนาจระหว่างฝ่ายบริหาร กับฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการอย่างมาก
นอกจากนั้น วันนี้ก็ดูยังมีความเข้าอกเข้าใจที่ผิดๆ ถูกๆ เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งตั้งแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับ 2475 ก็ได้ระบุอย่างชัดเจนไว้ว่า องค์พระมหากษัตริย์ไม่ต้องทรงรับผิดชอบในเรื่องการเมือง (Politics) และทรงอยู่ในสถานะที่ผู้ใดจะหมิ่นมิได้
ซึ่งที่ผ่านๆ มา ปวงชนชาวไทยต่างร่วมกันเข้าใจในเรื่องนี้ แต่เมื่อวันนี้ ที่มีความเข้าใจใดๆ คลาดเคลื่อนไป ก็ถือเป็นหน้าที่ของผู้บริหารประเทศว่า พรรคการเมืองและแวดวงการเมืองวิชาการทั้งหลาย ที่จะต้องให้ความรู้และเสริมสร้างความเข้าอกเข้าใจให้เป็นที่แน่ชัดแก่สังคมไทย เพื่อที่จะได้สามารถปฏิบัติกันได้อย่างถูกต้อง
ในขณะเดียวกัน ก็น่าจะเป็นการสมควรที่จะได้มีการทบทวนการเรียนการสอนเกี่ยวกับสถาบันทั้ง 4 ของชาติไทยให้กับเยาวชนคนหนุ่มคนสาว และสาธารณชนเป็นการทั่วไป เพื่อพัฒนาความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชาติไทย ความสำเร็จและความล้าหลัง รวมทั้งความท้าทายต่างๆ เพื่อความตระหนักรู้และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในความเป็นไปของในสังคมชาติไทย
ในชีวิตประจำวันของทุกคนต่างก็อยู่ในกรอบของกฎเกณฑ์กฎหมายโลก และหลักธรรมแต่เราก็มักจะลืมเลือนกันและหย่อนการปฏิบัติ ก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้มีการทบทวนตัวเองและชำระล้างสิ่งที่ไม่ดีงาม ที่สำคัญก็คือการปลูกฝังการดำรงชีวิตที่มีธรรมเป็นตัวกำกับ และเป็นเส้นทาง และในขณะเดียวกันก็มีความเคารพกฎหมายเพื่อไม่ละเมิดผู้อื่น ฉะนั้น ในวันที่ 10ธันวาคมของทุกปี ก็น่าจะมีการเฉลิมฉลอง มิใช่แค่จัดให้เป็นวันหยุดราชการเท่านั้น แต่ควรจะเป็นวันเวลาที่แวดวงสื่อ วิชาการ และการเมืองจะได้มีการหวนกลับไปดูเหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2475และทบทวนเจตนารมณ์และสาระเนื้อหาของกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับแรกของราชอาณาจักรไทยที่ประกาศใช้ในวันที่ 10 ธันวาคม 2475 ว่าชาติไทยเราได้เดินก้าวไกลไปถึงไหนแล้วและจะไปให้ถึงสุดทางของการเป็นราชอาณาจักรประชาธิปไตยได้อย่างสมบูรณ์แบบเมื่อใด
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี