“ปูทะเลมีความต้องการสูงและสม่ำเสมอ แต่ที่ผ่านมาใช้ลูกปูจากธรรมชาติมาเพาะเลี้ยงทำให้ไม่มีผลผลิตมากและสม่ำเสมอพอ ดังนั้นเมื่อวิจัยจนเกิดการเพาะพันธุ์ได้สำเร็จแล้วจึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ทั้งยังกระตุ้นให้เกิดตื่นตัวในการลงทุนจนตอนนี้เกิดห่วงโซ่ที่ครบวงจรแล้วในปัตตานี”
ซุกรี หะยีสาแม หัวหน้าโครงการวิจัยเมืองปูทะเลโลก และอาจารย์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวถึงโครงการ “เมืองปูทะเลโลก” ซึ่งเป็นการวิจัยเพื่อพัฒนาการเพาะเลี้ยงปูทะเลให้เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจตัวใหม่แบบครบวงจร โดยการมีส่วนร่วมของกลไกความร่วมมือเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดปัตตานี และได้รับการสนับสนุนจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)
ซึ่งปัจจุบันพบว่า โครงการเมืองปูทะเลโลก ได้รับความเชื่อมั่นทั้งจากเกษตรกร และผู้ประกอบการภาคเอกชนมากขึ้น เห็นได้จากจำนวนเกษตรกร หรือกลุ่มเกษตรกรที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะเดียวกันก็มีนักธุรกิจเอกชนหันมาลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับปูทะเลมากขึ้น จึงน่าเชื่อได้ว่าโครงการเมืองปูทะเลโลก น่าจะเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจระดับฐานรากที่จะมีส่วนอย่างสำคัญในการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ที่มั่นคงยั่งยืนแก่ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยให้ปัญหาความยากจนได้รับการแก้ไขอย่างเบ็ดเสร็จ
พัฒนาการของโครงการเมืองปูทะเลโลก จังหวัดปัตตานี เริ่มต้นจากการเพาะฟักลูกปู แล้วนำลูกปูไปส่งเสริมให้เกษตรกรทำฟาร์มเลี้ยงปูทะเลแบบบ่อดิน โดยแรกเริ่มมีเกษตรกรสนใจทำฟาร์มปูทะเลเพียง 3 ฟาร์ม แต่ปัจจุบันขยายจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 25 ฟาร์ม และมีเกษตรกรพัฒนาเป็นฟาร์มปูขุนระบบคอนโดน้ำหมุนเวียน และแบบแพลอยน้ำอีก 22 ราย อีกทั้งยังมีการทำฟาร์มอนุบาลลูกปูวัยอ่อนเกิดขึ้น 2 แห่ง
รายงานผลการศึกษาเบื้องต้นพบว่า การเลี้ยงปูบนที่ดินตัวเองของเกษตรกร ขนาดบ่อ 2 ไร่ ต้องใช้ต้นทุนรวม 23,100 บาทต่อรอบ 109 วัน ซึ่งจะสามารถทำรายได้จากการขายเป็นปูขุนได้ 89,000 บาท ต่อรอบ ส่งผลให้มีกำไรจากการเลี้ยงรอบละ 65,900 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยจากการเลี้ยงที่ร้อยละ 285.28 ต่อรอบ ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของการเลี้ยงปู อยู่ที่คุณภาพน้ำ ซึ่งต้องควบคุมให้มีค่าความเป็นกรด-ด่าง ระหว่าง พีเอช 6-8 และต้องรักษาค่าความเค็มให้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 30 พีพีเอ็ม
กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา บพท.ร่วมกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ตรวจค้น ตรวจทานจนสามารถนำประชาชนที่ยากจนเข้าสู่กระบวนการความช่วยเหลือของรัฐได้แล้ว 98,000 คน และนอกจากนี้ยังสนับสนุนการพัฒนาโครงการเมืองปูทะเลโลกของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพื่อสร้างเศรษฐกิจใหม่แก่ประชาชน
โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือและบูรณาการระหว่าง บพท. ศอ.บต. ตลอดจนภาคีอื่นๆ ได้แก่ มหาวิทยาสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตลอดจนกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และเกษตรกรในพื้นที่ โดยมีทีมนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์สนับสนุนการสร้างองค์ความรู้เรื่องปูทะเลด้วยภูมิปัญญาคนไทยอย่างครบวงจร
“ทุนวิจัย บพท.ช่วยให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ที่เมื่อนำเอาไปเชื่อมโยงกับกลไกสภาเกษตรกร เกษตรกร ฟาร์มเพาะเลี้ยง ภาคธุรกิจเอกชน และหน่วยงานภาครัฐ ทำให้เกิดเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ของประชาชน และจะต่อยอดฐานทรัพยากรให้เกิดเป็นเมืองปูทะเลโลกที่ปัตตานีได้อย่างยั่งยืน” กิตติ กล่าว
โครงการเมืองปูทะเลโลกมีโอกาสได้อวดโฉมต่อหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งในวันดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เดินทางตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดยะลาและจังหวัดปัตตานี พร้อมกับประชุมร่วมกับผู้บริหารศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) เนื่องจากปัตตานีเป็นจังหวัดที่ประชากรมีรายได้น้อยที่สุดในประเทศไทยตามดัชนีความก้าวหน้าของคน
โอกาสนี้นายกฯ ได้รับฟังรายงานความคืบหน้าของแผนงานการแก้ปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเป็นความร่วมมือกันตามบันทึกความเข้าใจที่ลงนามร่วมกันระหว่าง ศอ.บต.กับ บพท. ในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยหนึ่งในนั้นคือโครงการเมืองปูทะเลโลก คิดค้นการเพาะพันธุ์ลูกปูทะเลสำเร็จเป็นครั้งแรก จนเกิดเป็นอาชีพใหม่ให้แก่ประชาชน
สำหรับ 20 จังหวัดนำร่องที่ บพท.เข้าไปมีบทบาทแก้ไขปัญหาความยากจน ภายใต้แผนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ แบ่งเป็น “ภาคเหนือ” แม่ฮ่องสอน ลำปาง “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” กาฬสินธุ์ อำนาจเจริญ สกลนคร ศรีสะเกษ สุรินทร์ ยโสธร มุกดาหาร อุบลราชธานี บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด นครราชสีมา เลย “ภาคกลาง” ชัยนาท พิษณุโลก และ “ภาคใต้” พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส
โดยมี 18 มหาวิทยาลัย สนับสนุนภารกิจแก้จนระดับพื้นที่ ได้แก่ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ วิทยาลัยชุมชนยโสธร วิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร สถาบันวิทยาลัยชุมชน (กรุงเทพ) วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (วิทยาเขตปัตตานี) มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา มหาวิทยาลัยทักษิณ (วิทยาเขตพัทลุง) มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา มหาวิทยาลัยราชภัฏนราธิวาสราชนครินทร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี