“หนังสือพิมพ์แนวหน้า...แนวหน้าออนไลน์ www.naewna.com สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ และขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง เพื่อทำความจริงให้ปรากฏในสไตล์ “บุคคลแนวหน้า” เริ่มต้นด้วย การเมืองเรื่องร้อนระดับชาติ ที่วินาทีนี้ต้อง “วัดใจสายสัมพันธ์” ในพรรคร่วมรัฐบาลกันครั้งใหญ่ บิ๊กเนมระดับ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม–ประชาธิปัตย์” ประกาศชัดเลิกสนทนาภาษาดอกไม้ เลิกสนทนาถามหา “มารยาท” กับพรรคร่วมรัฐบาลในการเลือกตั้งซ่อมทั้ง “เขต 1 จังหวัดชุมพรที่นั่งเดิมของ “ลูกหมี-ชุมพล จุลใส พรรคปชป.”, เขต 6 จังหวัดสงขลา ที่เดิมมีชื่อ “ถาวร เสนเนียม พรรคปชป.” เป็นเจ้าของพื้นที่เดิม...
nn ล่าสุด “สิระ เจนจาคะสส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ” ไม่รอดวิบากกรรม “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีมติพ้นสมาชิกภาพ เหตุเคยต้องคำพิพากษาคดีอาญาฐานฉ้อโกง ขาดคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้งทำให้เก้าอี้ สส.เขต 9 กทม. พื้นที่ หลักสี่, จตุจักร (ยกเว้นแขวงจตุจักร และแขวงจอมพล)ว่าง... ต้องจัดเลือกตั้งซ่อม ทุกพรรคประกาศตัวผู้สมัครทันควันแบบไม่มีใครยอมใคร เจ้าของพื้นที่เปลี่ยนตัวตายตัวแทนจากสามีมาเป็นภรรยาแทน นางชื่อ “สรัลรัศมิ์ เตชะจิรสิน” สมบัติผลัดกันชมส่งต่อวงศ์วานว่านเครือกันได้แบบนี้อยู่ที่ประชาชนเขายอมรับได้ไหม แต่ด่านแรกคงต้องผ่านกำแพง “พลตรีนายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ” เป็นด่านแรก เมื่อครั้ง“โควิด-19” อุบาทว์ออกฤทธิ์หนัก “สิระ เจนจาคะ” ปล่อยของโชว์ไว้ไม่ใช่น้อยทีเดียวโอกาสถูกเทมีสูงมาก...“พรรคเพื่อไทย” ถือโอกาสประเมิน “ยุทธการเพื่อไทยแลนด์สไลด์” ส่งเจ้าเก่า “สุรชาติ เทียนทอง” วัดใจ, ปชป.ลั่นไม่สนใจมารยาทเข็นอดีตผู้สมัครหน้าเดิม คนดีมีฝีมือ “ผู้การแต้ม–พลตำรวจตรี วิชัย สังข์ประไพ”ลงสนามอีกรอบ ลองวัดค่านิยมพรรคจักคืนบัลลังภ์แชมป์เก่าได้หรือไม่...
nn ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)” หรือศบค. ยกระดับมาตรการคุมเข้มนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย หลังล่าสุด “สายพันธุ์ใหม่–โอมิครอน” แพร่ระบาดลุกลามอย่างรวดเร็วไปกว่า 95 ประเทศทั่วโลก โดยพบผู้ติดเชื้อในประเทศไทย 104 ราย วอนนักเที่ยวชาวไทยชะลอทัวร์เมืองนอก, ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐลาไปต่างประเทศ, หลังปีใหม่ให้ “ข้าราชการเวิร์ก ฟรอม โฮม”...
nn เรื่องมาตรการคุมเข้มอะไรต่างๆ เพื่อชาติบ้านเมืองแล้ว สังคมไทยรับได้ แต่ที่สุดระกำช้ำใจก็เหล่ากระหัง กระสือ ที่ออกมาหากินกับมาตรการของศบค.ที่ผู้ประกอบการธุรกิจผับบาร์ร้านอาหารและสถานบันเทิงที่ผู้หลักผู้ใหญ่สู้อุตส่าห์เห็นใจ ออกมาตรการผ่อนคลายให้สามารถพอหายใจกัดฟันลุกขึ้นสู้กันอีกเฮือก แม้หน่วยงานสาธารณสุข อย่างกรมอนามัยจะใช้มาตรฐาน SHA สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารย่านแหล่งท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติพลุกพล่าน เช่น ถนนข้าวสาร ทว่า กทม. ได้ออกประกาศผ่อนคลายให้ร้านอาหารใน กทม. สามารถจำหน่ายและนั่งดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ในเวลาที่กำหนด...
nn นอกจากนี้ ร้านอาหารจะต้องผ่านการประเมินมาตรฐาน SHA / SHA Plus หรือ ผ่านมาตรการ Covid free settings ที่จะมีการสุ่มตรวจเป็นระยะ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีป้ายสัญลักษณ์ SHA /SHA Plus…เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านจำนวนร้านอาหารที่ประเมิน SHA กับ SHA Plus ที่ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่มีร้านจำนวนมากที่อยู่ในมาตรฐาน Thai Stop Covid plus และประเมินตามมาตรการ Covid free settings กว่า 2 พันร้านอยู่แล้ว จึงมีการออกข้อกำหนดใหม่ว่า ถ้าร้านผ่านการประเมิน Thai Stop Covidและทำมาตรการ Covid free settings ก็สามารถอยู่ในเงื่อนไขที่นั่งบริโภคแอลกอฮอล์ในร้านได้ ซึ่งวันที่ 1 ธ.ค. ได้มีการดำเนินการในส่วนนี้เต็มที่...
nn ไม้หน้าสาม” ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการรายหนึ่งว่า มาตรการเหล่านี้ในทางปฏิบัติกลับเปิดช่องให้บรรดา “ฝูงหมาไฮยีน่า, อีแร้ง…กระสือ กระหัง สัมภเวสี”สบช่อง “ตบทรัพย์ผู้ประกอบการ” โดยไม่ยำเกรงกฎหมาย ในขณะที่การประชาสัมพันธ์ให้ร้านอาหารต่างทราบถึงมาตรฐานดังกล่าวค่อนข้างน้อยมาก ทำให้มีร้านอาหารหลายแห่งตกเป็นเหยื่อของข้าราชการขี้ฉ้อ!!! โดยรายนี้เป็นร้านอาหารอีสานในตำนานย่านแยกบางโพ ถูกเจ้าหน้าที่สนธิกำลังตรวจประหนึ่งเป็นร้านค้ายาบ้า เรียกรับผลประโยชน์แต่ร้านปฏิเสธ ซึ่งการตรวจครั้งนั้นมีเจ้าหน้าที่เทศกิจ สารวัตรทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่สำนักงานเขต “ไม้หน้าสาม” รับทราบข้อร้องเรียนจึงอยากวิงวอน “ผู้คุมกฎและผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบมาตรการ” เหล่านี้...หยุดเถอะ!!อย่าได้ซ้ำเติมผู้ประกอบการธุรกิจคนไทยที่ตกอยู่ในความทุกข์ยากลำบากกับวิกฤตการณ์ร้ายครั้งนี้อีกเลย...
nn อยู่ไกลไปหน่อย อยู่ใกล้จะจับมาผ่ากะโหลกดูเนื้อสมองว่ามี “สามัญสำนึก” อย่างปุถุชนหรือไม่ ฤๅเป็นแค่ “เดรัจฉานที่ไร้สามัญสำนึก” เท่านั้น กรณี “ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์” รองศาสตราจารย์ประจำศูนย์วิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต และเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดี ม.112ซึ่งปัจจุบันลี้ภัยต่างประเทศที่เพิ่งโพสต์นาทีระทึกถูก “ชายชุดดำ” บุกทำร้ายถึงห้องพัก ที่กรุงเกียวโต คาดเป็นผลกรรมจากการเคลื่อนไหวการเมืองในไทยกับกรณี “ส่องกระจก” เห็นร่างตะคุ่มๆ ของชายคนหนึ่งที่เสียสละร่างกายและจิตใจจัดกิจกรรมวิ่งมาราธอน “ก้าวคนละก้าว” รับเงินบริจาคเพื่อแก้ไขปัญหา “สถานพยาบาล” ขาดแคลน “อุปกรณ์ทางการแพทย์” อย่างน้อย 7 โรงพยาบาลยอดทะลุกว่า 60 ล้านบาทว่า ของ พลันคิดว่าที่เห็นนั้นคือตัวเอง เลยรำพึงรำพันราวผายลมผ่านปากว่า เป็นการทำงานกิจกรรมการกุศลเพื่อหวังสายสะพาย คนเขาดูออก ว่าไปนั่น...จริงอย่างที่ “โอม บอดี้สแลม” มือคีย์บอร์ดทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ไว้ว่า การวิ่งการกุศล “ก้าวคนละก้าว” รับเงินบริจาคของ “ตูน บอดี้สแลม” หรือ“อาทิวราห์ คงมาลัย” สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นปัญหาเชิงนโยบายที่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยคนคนเดียว และต้องใช้เวลา ไม่ใช่แก้ไขได้ภายใน หนึ่งถึงสองวัน และการวิ่งที่ผ่านมาจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ ไม่รู้ แต่ก็มีคนที่รอดตายจากเครื่องมือแพทย์ที่ตูนหาให้ได้จริงๆ “ปวิน” ช่วย “สำเหนียก” แล้วใช้สามัญสำนึกที่มีพึงตริตรองดูเถิดว่าสิ่งที่ “ตูน” ได้กระทำไปนั้นเกิดประโยชน์มากกว่าการสำรอกสำรากของ “เมิง”แค่ไหน...
nn เมื่อมีเรื่องร้ายๆจาก “ปากอัปรีย์กาลกิณี” ติฉินให้เสียหายก็ย่อมมีเรื่องดีๆ ให้จำใส่ใจ... เมื่อวันก่อน (22 ธ.ค.) “น้องทะเล” ลูกชายสุดที่รักของคุณพ่อร็อกเกอร์หนุ่มชื่อดัง “ตูน อาทิวราห์ หรือ ตูน บอดี้สแลม” และคุณแม่นางเอกคนสวย “ก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ” วัย 2 เดือนกว่าๆ ก็ฉายแววความน่ารักขึ้นทุกวันจนคุณพ่อคุณแม่ทนบ้าเห่อไม่ไหวขยันอัพภาพ-คลิปวีดีโอโชว์แฟนคลับเป็นประจำ ล่าสุดลูกชายวัย 2 เดือนเศษโชว์เซอร์ไพรส์เรียกชื่อ “พ่อตูน” ซะอย่างนั้น ทำเอาคุณพ่อ-คุณแม่ตะลึงอึ้งหนักดีใจยกใหญ่รู้กันสองคนไม่ได้เสียแล้ว “ตูน” รู้ “ก้อย” รู้ “ชาวโลก” ต้องรู้ โดยเฉพาะแฟนคลับ...
nn ทิ้งท้ายฉบับนี้ จำกันได้ไหม “วาทกรรม”เด็ดเมื่อราวเดือนพฤษภาคม 2553 จากปาก “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ”...“คนเสื้อแดงขี้ตกใจไม่รู้เป็นไร ตกใจทีไรเผาทุกที” ระวังมันกลับมาหลอกหลอนสังคมไทย ฟื้นระบอบทักษิณตาม “ยุทธการเพื่อไทยแลนด์สไลด์ 253 ที่นั่ง”...nn
"ไม้หน้าสาม"
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี