ก่อนอื่นต้องกล่าวคำว่า Merry Christmas สุขสันต์วันคริสต์มาสกับคุณผู้อ่านหนังสือพิมพ์แนวหน้าทุกคน เพราะวันนี้เป็นวันคริสต์มาส แม้จะเป็นคริสต์มาสที่หลายคนหวาดหวั่นใจอย่างมากกับสถานการณ์โควิด-19 หลังจากพบว่าเชื้อไวรัสตัวใหม่ล่าสุดชื่อโคมิครอนกำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก และอาจจะแพร่ระบาดในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ ดังนั้นสิ่งที่เราทุกคนต้องทำโดยพร้อมเพรียงกันก็คือ ป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากการติดเชื้อไวรัสโคมิครอนให้ได้
เมื่ออวยพรวันคริสต์มาสและเตือนสติให้เราดูแลตัวเองให้รอดพ้นจากโควิด-19 แล้วก็ขอกลับมาชวนคุณคุยเรื่องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ขาดคุณสมบัติการเป็นสส. คำถามคือกรณีนี้ใครต้องรับผิดชอบ ระหว่างตัวบุคคลผู้รู้ตัวเองเป็นอย่างดีว่าขาดคุณสมบัติ แต่ยังดันทุรังนำตัวเข้าไปสมัครสส. หรือพรรคการเมืองที่ส่งผู้ขาดคุณสมบัติเข้าชิงตำแหน่งสส.หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่หละหลวมในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร
ตามปกติ การที่คนคนหนึ่งจะลงชิงตำแหน่งสส. ต้องมีพรรคการเมืองเป็นผู้ส่งเข้าชิง ใช่หรือไม่เพราะปัจจุบันกฎหมายไม่อนุญาตให้สมัครสส. โดยอิสระ ปราศจากการสังกัดพรรคการเมือง ดังนั้นพรรคการเมืองที่ส่งใครก็ตามลงชิงตำแหน่งต้องกลั่นกรองและตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่พรรคจะส่งให้ลงสมัครอย่างถี่ถ้วน ดังนั้นจึงถือเป็นความรับผิดชอบอย่างสำคัญของพรรค แล้วเมื่อปรากฏว่าสส. ของพรรคขาดคุณสมบัติในภายหลังพรรคจึงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบในส่วนนี้ได้
แต่ก็มีคำถามแย้งว่า พรรคจะต้องรับผิดชอบได้อย่างไร เพราะในเมื่อผู้สมัครจงใจปกปิดเรื่องที่ตนเองขาดคุณสมบัติ นั่นจึงแสดงว่าความผิดเริ่มต้นมาจากตัวผู้สมัคร แต่ก็มีผู้โต้แย้งประเด็นนี้ว่า ต่อให้ตัวผู้สมัครขาดคุณสมบัติตั้งแต่ต้น แต่ตัวผู้สมัครก็ไม่สามารถส่งตัวเองลงสมัครได้โดยปราศจากการสังกัดพรรค เพราะฉะนั้นพรรคจึงต้องรับผิดชอบ เนื่องจากส่งผู้ขาดคุณสมบัติลงสมัครสส.
แล้วก็มีผู้ตั้งคำถามต่อไปอีกว่า ถ้าเช่นนั้นหน่วยงานที่กลั่นกรองและรับรองคุณสมบัติของผู้สมัครสส. คือ กกต. ต้องรับผิดชอบในความผิดพลาดบกพร่องเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ เพราะกกต. มีหน้าที่ตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติของสส. ที่ผ่านการเลือกตั้งแล้ว ดังนั้นเมื่อปรากฏชัดว่าสส. รายใดก็ตามขาดคุณสมบัติ แต่กกต. ดันให้การรับรองไปเรียบร้อยแล้ว ก็หมายความว่านี่คือความผิดพลาดอย่างชัดเจนของกกต.
เรื่องบุคคลผู้สมัครสส. ทั้งๆ ที่ตนเองขาดคุณสมบัติ แต่ดันสามารถแทรกตัวเข้าไปทำหน้าที่สส. ได้ ถือเป็นประเด็นปัญหาที่ประจานผู้เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ในทุกภาคส่วนว่าล้มเหลวในการทำหน้าที่อย่างสิ้นเชิง และยังเป็นการประจานอีกว่าในแวดวงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ชอบอวดอ้างว่าตนเองเป็นผู้ทรงเกียรติ เป็นตัวแทนของประชาชน เป็นหนึ่งในส่วนของอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ มีความไม่สง่างามไม่น่าเชื่อถือ ไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี และปราศจากความซื่อสัตย์
กรณีล่าสุดที่สังคมได้รับทราบเรื่องราวของสิระ เจนจาคะ อดีตสส. พรรคพลังประชารัฐ นับเป็นประเด็นใหญ่ที่ทำให้สาธารณชนกลับมาตั้งคำถามอย่างครึกโครมว่า นอกจากสิระแล้ว ยังมีสส.รายอื่นๆ อีกหรือไม่ที่ขาดคุณสมบัติ หรือว่านี่เป็นแค่เพียงปัญหาบนยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้นเพราะจริงๆ แล้วสส. ไทยจำนวนอีกไม่น้อยต่างก็มีปัญหาการขาดคุณสมบัติ ส่วนประเด็นเรื่องที่ว่าใครต้องรับผิดชอบปัญหานี้คำตอบที่คนไทยพอจะทราบโดยเบื้องต้นคือ น่าจะหาคนรับผิดชอบได้ยาก เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจรัฐ แล้วคนไทยก็รู้ดีอีกเช่นกันว่า ผู้มีอำนาจรัฐของไทยมักไม่เคยถูกลงโทษ ต่อให้ทำความผิดฉกาจฉกรรจ์เพียงใดก็ตาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี