เขียนข่าวการเมืองเรื่องประเทศเพื่อนบ้านมาตลอดปีวัวย่างปีเสือแล้วขอเปิดศักราชโดยทำตัวเป็นโหน (มิใช่โหร)กระแสแลสถานการณ์ขอทำนายว่าปีเสือนี้มีคนก้าวลงจากเสือเพราะเบื่อเต็มที และคนคนนั้น ใช้วลีแแบบป๋าว่า “ผมพอแล้ว”
ขอทำนายอีกด้วยว่าภายในปีนี้ต้องมีการเลือกตั้งทั่วไปเพราะความขัดแย้งภายในพรรคแกนนำรัฐบาลที่มีกันหลายก๊กหลายกลุ่มหลายฝ่ายและแต่หลายฝ่ายไม่มีใครยอมใครต่างกลุ่มต่างใหญ่ เสือหลายตัวจึงอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ชาติเสือไม่ขอเนื้อใครกิน แต่มันฟัดกันแล้วแย่งกันกิน
ส่วนหัวน่าจะพักที่เขาอุปโลกน์ให้เป็นหัวหน้าคณะละครสัตว์ตอนนี้เลอะเลือนเต็มทีชนิดที่เรียกว่าเจ๊กลากไปไทยลากมาหาจุดยืนไม่ได้ ดังนั้นเจ้าของคณะละครสัตว์จึงตัดสินใจยุบสภาเสียดีกว่า ปล่อยให้เสือ กลับเข้าป่าไปหาที่อยู่ใหม่ถ้ำใครถ้ำมัน บอกได้เลยพอเจ้าของละครสัตว์ประกาศว่า “ผมพอแล้ว” ละครสัตว์คณะใหญ่ก็แตกดังโพละทันที หัวน่าจะพักที่เขาอุปโลกน์ขึ้นก็จะกลับไปนอนดูนาฬิกาเพื่อนในบ้านหลวงโดยไม่มีแม้แต่บิ๊กอายและคนขายแป้งคอยปลอบใจ เพราะต้องไปอยู่ถ้ำที่ใหญ่กว่าแต่ก็ถือว่าเป็นวัวเคยค้าม้าเคยขี่
ส่วนเสือลำบากที่ดิ้นรนกลับเข้าป่ามหาสมบัติมากว่าสิบสี่ปีได้ทีก็โม้ตามสไตล์ว่าเลือกตั้งครั้งหน้าชนะแบบแลนด์สไลด์ก็ได้แต่พูดปลอบใจอยู่คลับเห่า เพราะเอาเข้าจริงมันเป็นไปไม่ได้ เพราะมีสายลวดไฟฟ้าที่มาในรูปบทเฉพาะกาลห้าปีปิดทางขวางไว้ไม่ให้เข้ามาปล้นสมบัติชาติได้อีกต่อไป ถึงแม้ส่งลูกเสือเข้ามาอีกไม่นานไม่ช้าก็แปลงกายกลายเป็นลูกแมวลูกหมาไป
พรรคที่โม้ว่าชนะแลนด์สไลด์ถึงชนะแบบถล่มทลายก็เป็นเจ้าป่ามหาสมบัติชาติปล้นแผ่นดินนี้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะทะเยอทะยานจนทะลุเพดานทะลุฟ้าเกินเยียวยาแก้ไขข้ามจุดกลับตัวได้ไปแล้ว
บทเรียนที่ผ่านมาจำหรือไม่ส่งชายตู้เย็นมาเป็นเจ้าป่าแต่หาทางเข้าถ้ำไม่ได้จนสุดท้ายกลายเป็นเสือกะบากต่อมาส่งพ่อครัวพูดมากปากชักยนต์ “กินไปบ่นไป” ก็อยู่ไม่ได้ สุดท้ายส่งนาขี่ม้าขาวสาวเอ๋อเข้ามาทำเซ่อซ่า เหมือนเอาหนังเสือมาคลุมหมา พากันมากินเนื้อในถ้ำทั้งกระดูกทั้งหนังเหม็นเน่าฟุ้งกระจายแถมถ่ายของโสโครกทิ้งไว้ก่อนหนีไปวันนี้คนที่เข้ามารับหน้าที่ต่อยังปัดกวาดเช็ดล้างกันไม่เสร็จ
สรุปว่าต่อให้ชนะถล่มทลายก็เป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะมีลวดไฟฟ้าที่เรียกบทเฉพาะกาลห้าปีกั้นไว้ไม่ให้ทะลุเพดานทะลุฟ้า
และพอมีคนลงจากหลังเสือแล้วบอกว่า “ผมพอแล้ว”
ถึงตอนนี้มีคนกังวลว่าถ้าคนที่ขี่เสืออยู่แปดปีกระโดดลงมา แล้วต่อไปจะมีใครขึ้นหลังเสือแทนละ ขอบอกคนวิตกจริตว่าประเทศไทยอะไรก็เป็นไปได้ ดูตัวอย่างป๋าซี อยู่บริหารประเทศให้โชติช่วงชัชวาลมาได้แปดปีแปดเดือน โดยมิได้เป็นสมาชิกพรรคไหนยังอยู่ในตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลได้ในท่ามกลางเสียงสรรเสริญของคนทั้งประเทศ
ลุงตู่ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองก็ได้รับเลือกเป็นหัวหน้ารัฐบาลจากการเลือกตั้งในสภามาแล้วสามปีถ้านับรวมกับการเป็นนายกฯในฐานะหัวหน้า คสช. ก็ร่วมแปดปีเข้าไปแล้ว แปดปีที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน แปดปีที่ไม่มีข้อครหาคอร์รัปชั่นที่ไม่มีหลักฐานทำผิดคิดมิชอบแปดปีที่ฝ่ายแค้นเอาแต่ด่ายังหาหลักฐานว่านายกฯทำผิดคิดมิชอบได้แต่อย่างใด
จึงเชื่อว่าลุงตู่มีสติปัญญามีคู่ชีวิตมีคู่คิดที่ดีสมกับที่โบราณว่าแหวนดีเพราะหัว ผัวดีเพราะเมีย ดังนั้นเมื่อได้โอกาสที่มีแนวโน้มว่าพรรคแกนนำรัฐบาลจะแพ้เลือกตั้งอีกครั้งแล้วจะนั่งให้เด็กด่าหาพระแสงด้ามหักอยู่ทำไม โหนกระแส จึงฟันธงว่าเสร็จเลือกตั้งครั้งต่อไปลุงตู่ไม่เอาแล้ว
ลุงตู่ต้องเอาอย่างป๋าเมื่อกลุ่ม 10 ม.ค. ในปชป. แยกตัวไปตั้งพรรคใหม่ทำพรรคร่วมรัฐบาลไม่มั่นคง ป๋าตัดสินใจยุบสภาให้มีการเลือกตั้งกันใหม่ ในระหว่างพรรคการเมืองหาเสียงป๋าโย้ “แหน่ง แหน่ง ไม่แหลงไหร” พอเสร็จเลือกตั้งพรรคชาติไทยชนะเลือกตั้ง พรรคการเมืองต่างๆ แห่กันมาเชิญป๋าให้เป็นนายกฯต่อไปและก็ได้คำตอบว่า “ผมพอแล้ว”
คอลัมน์นี้มั่นใจว่า ลุงตู่ต้องเอาแบบอย่างป๋าคือ ยุบสภาแล้วลุงตู่ก็โย้ “แหน่ง แหน่ง ไม่แหลงไหร” แต่พอเลือกตั้งผ่านไปลุงตู่ก็พูดเหมือนป๋าว่า “ผมพอแล้ว”
อาจมีคนถามว่าถ้าลุงตู่ไม่อยู่แล้วจะเอาใครเป็นนายกฯคนต่อไป หรือยกประเทศให้คนที่คุยโม้ว่าชนะแลนด์สไลด์กลับมายิ่งใหญ่อีก ขอทำนายไว้ว่ายุคนี้คนไทยไม่ยอมให้สัมภเวสีกลับมาย่ำยีชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อีกต่อไป
คนไทยมีสติมีปัญญาที่มั่นใจว่ากรุงรัตนโกสินทร์ไม่สิ้นคนดี คนที่คุยว่าชนะแลนด์สไลด์ยังจำกันได้ไหมปี 2548 พรรคไทยรักไทยชนะ ถึง 377 เสียงแล้วอยู่ได้ไหม? เลือกตั้งปี 2550 เอานอมินีที่เป็นคนชอบเดินตลาดซื้อผักปลาอาหารทำรายการ “กินไปบ่นไป” มาเป็นนายกฯให้แล้วอยู่ไหม? เมื่อกินไปบ่นไปถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากหน้าที่ นายใหญ่ก็ดันก้นสมชายตู้เย็นมาขึ้นเป็นหัวหน้ารัฐบาลแล้วได้เข้าทำเนียบได้เหยียบบันไดทำเนียบสักขั้นไหม?
เลือกตั้งปี 2554 เอาน้องสาวมาเป็นนายกฯ แล้วอยู่ได้นานไหมแถมยังสร้างหนี้ให้แผ่นดินในโครงการรับจำนำข้าวเป็น 7-8 แสนล้านบาท ก่อนหนีไปอยู่ดูไบกับพี่ชาย
หลังเลือกตั้งเดือนมี.ค. 2562 เพื่อไทยซึ่งชนะเลือกตั้งได้ สส.136 เสียง เข้าสภาแล้วหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล้าเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีไหม? เพราะรู้ตัวดีว่าแผ่นดินนี้ไม่ยอมให้นอมินีสัมภเวสีเป็นนายกฯอีกต่อไป หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเลยยกก้นให้พรรคอนาคตใหม่สมัครชิงตำแหน่งนายกฯแข่งกับลุงตู่ที่พรรคพลังประชารัฐเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรีทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค และการลงคะแนนในสภาหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่แพ้ตั้งแต่ สส. ลงคะแนนให้แล้วโดยไม่ต้องนับรวมกับ สว. 250 คน ลุงตู่ชนะขาดลอย
แล้วเอาอะไรมาคิดว่าพรรคที่โม้ว่าชนะแลนด์สไลด์จะได้ตั้งรัฐบาล ลูกสาวนายใหญ่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี คิดได้ฝันได้แต่ในความจริงมันเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งในระหว่างที่มีบทเฉพาะกาลห้าปีที่เป็นด่านสำคัญกั้นเอาไว้ไม่ให้พวกทะลุเพดานทะลุฟ้าได้ขึ้นมาเป็นใหญ่
อาจมีคนถามว่าแล้วพรรคที่ชนะได้เสียงมาเป็นที่สามที่สี่มีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ไหม หาก สส.ส่วนใหญ่เห็นว่าผู้ที่พรรคเสนอเป็นคนดีมีความสามารถพรรคได้ที่สามที่สี่ก็อาจรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ ตัวอย่างนี้พรรคกิจสังคมกับพรรคประชาธิปัตย์เคยทำมาแล้ว
ปี 2517 ในยุคที่รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดที่เรียกกันว่ารัฐธรรมนูญสนามม้าฉบับประชาชนอย่างแท้จริงเลือกตั้งปี 2517 ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หัวหน้าพรรคกิจสังคม ซึ่งมี สส.ในสภาเพียง 18 เสียง สามารถรวบรวม สส.พรรคต่างๆ รวม 8 พรรค ได้ 135 เสียง เท่ากับครึ่งหนึ่งพอดี จัดตั้งรัฐบาลโดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีเสียงมากที่สุด 74 เสียง กลายเป็นฝ่ายค้าน
เลือกตั้งเดือนมีนาคม 2535 พรรคสามัคคีธรรมชนะเลือกตั้งได้ สส.มากที่สุด 79 เสียง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกลายเป็น พลเอกสุจินดา คราประยูร แต่ก็เป็นนายกฯแค่ 48 วัน ก็ต้องโบกมืออำลาเนื่องจากว่าเกิดพฤษภาทมิฬพลอากาศเอกสมบูรณ์ ระหงษ์ รองหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรมอยู่บัญชีที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป แต่นาทีสุดท้ายกลายเป็นนายอานันท์ ปันยารชุน ซึ่งไม่ได้เป็น สส.ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากพลเอกสุจินดา
ในการเลือกตั้งปี 2535/2 พรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งนายชวน หลีกภัย ซึ่งเป็นประธานรัฐสภาในเวลานี้ได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ได้สามปีต้องยุบสภา เพราะว่านายเนวิน ชิดชอบ สส.ฝ่ายค้านนำคณะสื่อมวลชนไปจับกระจงได้ในสวนยางพาราที่จังหวัดภูเก็ต
ปี 2539 พรรคความหวังใหม่ชนะพรรคประชาธิปัตย์124 ต่อ 122 เสียง ว่ากันว่า 2 เสียงที่ได้มาชนะตอนไฟดับพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกฯ แต่วาสนาของจิ๋ว หวานเจี๊ยบเป็นนายกฯได้ไม่ถึงปีเจอพิษต้มยำกุ้งอยู่ไม่ได้ต้องยกให้นายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯต่อไป เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจชาติ นายชวนกอบกู้เศรษฐกิจคืนมาได้ภายในสามปี จนถึงอาทิตย์สุดท้ายก่อนหมดวาระสี่ปีของสภา นายชวน หลีกภัย ประกาศยุบสภาเพราะเคยพูดไว้ว่าจะยุบสภาก่อนหมดวาระจริง
เลือกตั้งเดือนมี.ค. 2562 พรรคเพื่อไทยชนะป๊อปปูลาร์โหวตได้คะแนน 8.4 ล้านเสียง ได้ สส. 136 คนในขณะที่พรรคพลังประชารัฐได้คะแนนป๊อปปูลาร์โหวต 7.9 ล้านเสียง ได้ 116 ที่นั่ง แต่ พปชร.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้เงาทักษิณรู้ตัวว่าสู้ไปก็ไม่มีวันชนะ ถึงชนะก็อยู่ไม่ได้เพราะประชาชนไม่ยอมรับกับพฤติกรรมทะลุเพดานทะลุฟ้าเจ้าของฉายาสัมภเวสีหนีคุกจึงส่งหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ลงแข่งกับพลเอกประยุทธ์ในสภาผลลัพธ์ที่ออกมาหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่แพ้ตั้งแต่ สส. ลงคะแนนให้พลเอกประยุทธ์ชนะดังนั้นอย่าไปโทษ สว. 250 เสียง เพราะถึงแม้ สว.ทั้งหมดไม่ลงคะแนนให้พลเอกประยุทธ์ ตัวแทนของฝ่ายที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยที่คนทั่วไปเรียกว่าเป็นฝ่าย “ชังชาติ”ก็ไม่สามารถเอาชนะใจประชาชนคนส่วนใหญ่ได้อยู่แล้ว
ดังนั้นเมื่อพลเอกประยุทธ์ต้องกล่าวคำว่า “ผมพอแล้ว” ซึ่งเป็นวลีที่เหมาะสำหรับบุคลิกและครอบครัวของท่านมากที่สุด คนไทยต้องยินดีที่ท่านต้องออกไปในขณะที่ยังมีความดีให้ผู้คนจดจำได้ ดีกว่าดึงรั้งท่านเอาไว้แล้วปล่อยให้นักการเมืองที่ชั่วร้าย ทำลายท่านจนเสียหายจนไม่อาจเรียกศรัทธาจากประชาชนคืนกลับมาได้
จึงขอทำนายและอ่านใจว่าเมื่อสิ้นสภาชุดนี้ไม่ว่าจะสิ้นสภาพเพราะหมดวาระหรือเพราะยุบสภา พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา จะพูดเหมือนป๋าว่า “ผมพอแล้ว”
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี