โรคระบาดโควิด-19 เริ่มต้นเมื่อปลายปี 2562 และอยู่กับเรามาตลอดช่วงปี 2563-2564 นำมาซึ่งความสูญเสียต่อร่างกายและชีวิต รวมทั้งต่อวิถีชีวิตประจำวันอย่างกว้างขวาง ครอบคลุมไปทั่วโลก และทั้งประเทศไทยแต่ก็มิสามารถทำลายสังคมลงไปได้
เหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็ด้วยน้ำพักน้ำแรงของบุคลากรทางการแพทย์ ทางการพยาบาล และฝ่ายสนับสนุนต่างๆ ที่สำคัญก็คือการร่วมแรงร่วมใจของประชาชนพลเมืองในการปฏิบัติตามคำแนะนำและการมีวินัยให้กับตนเอง ในการนี้จึงเป็นการสมควรที่จะต้องขอเชิญชวนชาวไทยให้ร่วมกันขอบคุณไปยัง
1.แพทย์และพยาบาล พนักงานสนับสนุนฝ่ายต่างๆ
2.หน่วยราชการ ประสาน ควบคุม กำกับ และดูแล รวมทั้งบุคลากร โรงพยาบาลภาคสนาม และบรรดาอาสาสมัครต่างๆ
3.ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาค รวมไปถึงการจัดทำอาหารกล่องเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ยากไร้ และให้กับบุคลากรในสถานพยาบาลต่างๆ ที่โหมงานหนัก
4.ฝ่ายนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่ทำการค้นคว้าวิจัย เพื่อเร่งหายาและวัคซีนที่เหมาะสม ไปจนถึงการพัฒนาเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ
5.ผู้ชำนาญการด้านสมุนไพรและแพทย์แผนโบราณ ซึ่งช่วยเสริมแพทย์สมัยใหม่ แล้วยังมีส่วนสำคัญในการบำรุงขวัญและกำลังใจ
6.ประชาชนพลเมืองไทยที่ให้ความร่วมมือ สร้างวินัยดูแลตนเอง และยังมีความห่วงใยและมีมิตรจิตมิตรใจต่อผู้อื่นด้วย เพราะเราเห็นได้ว่าการประท้วง การอารยะขัดขืน หรือการต่อต้านกระบวนการรักษาและควบคุมโควิด-19 ต่างๆ นั้นมิได้เกิดขึ้นในสังคมไทยดังที่ประเทศอื่นๆ หลายประเทศ ได้เผชิญกับการขัดแย้งภายในอย่างรุนแรง
การรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ก็ถือเป็นการรักษาเนื้อรักษาตัวผู้อื่นด้วย จัดได้ว่าเรามีความสามัคคีและมีความเคารพต่อกันและกัน ซึ่งเราต้องมุ่งรักษามาตรฐานนี้ไว้ เพราะในปีใหม่ 2565 นี้ โรคระบาดโควิด-19 ก็คงจะยังอยู่กับเราต่อไปอีกสักพักใหญ่ๆ เพราะยังไม่มีวิธีการจะเอาชนะอย่างเด็ดขาดได้
ในขณะเดียวกัน เราปวงชนชาวไทยก็มุ่งหวังว่าการบริหารจัดการโดยภาครัฐจะมีการปรับปรุงแผนงานและขั้นตอนการปฏิบัติที่แน่ชัด ง่ายต่อการเข้าอกเข้าใจและมีความโปร่งใสอย่างสูงสุด อีกทั้งก็หวังว่าภาครัฐฝ่ายผู้ปกครองบ้านเมืองจะมีความสามารถในการหาความสมดุลระหว่างการต่อสู้กับโรคระบาดโควิด-19 เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตกับการทำมาหากิน และยุติการฝากผีฝากไข้ไว้กับเรื่องการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยแต่เพียงอย่างเดียว แต่ให้ดูถึงภาคเศรษฐกิจอื่นๆเพื่อการสร้างงาน และการสร้างรายได้ ซึ่งภาครัฐสามารถศึกษาแบบอย่างของต่างประเทศได้ อีกทั้งก็อยู่ในฐานะที่จะปรึกษาหารือและรับฟังข้อคิดเห็น ข้อแนะนำ จากสถาบันระหว่างประเทศ เช่น ฝ่ายพัฒนาขององค์การสหประชาชาติ และจากฝ่ายธนาคารโลก และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียได้ นอกจากนั้นก็ยังมีองค์กรวิจัย ค้นคว้า และองค์กรมันสมองต่างๆ ของภาควิชาการ และภาคธุรกิจอีกด้วย ที่ฝ่ายผู้ปกครองของไทยควรจะได้นำมาพิจารณาประกอบการวางแผน และกำหนดเป้าหมายวิถีทางทางเศรษฐกิจ และสังคมของไทยในยุคโรคระบาดโควิด และสภาวะโลกร้อนได้
ไทยเราเองก็มีผู้เชี่ยวชาญชำนาญการต่างๆ มีภาคธุรกิจเอกชนที่เข้มแข็ง และมีนักธุรกิจระดับโลก ก็ขึ้นอยู่กับว่าภาครัฐจะเป็นแกนนำและแกนกลางในการอำนวยให้มีการปรึกษาหารือกันอย่างกว้างขวางและลึกซึ้งมิใช่ด้วยการบริหารราชการบ้านเมืองแบบดำริของผู้นำ หรือคำสั่งฉับพลันของผู้นำเป็นตัวตั้ง ดังที่เห็นๆ กันอยู่
ในขณะเดียวกัน เราปวงชนชาวไทยก็หวังว่าฝ่ายการเมืองโดยทั่วไปจะเลิกสาละวนอยู่กับเรื่องของตนเอง และได้หันกลับมาใช้สติปัญญาในการตีกรอบควบคุมโรคระบาดโควิด-19 และขับเคลื่อนงานการต่างๆ ของบ้านเมือง ส่วนบรรดาข้าราชการประจำรวมทั้งพนักงานรัฐวิสาหกิจก็ต้องมีความกล้าหาญและหนักแน่นในการนำเสนอสถิติข้อมูลของการศึกษาค้นคว้าต่อฝ่ายการเมือง เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม แทนที่จะได้แต่นั่งรอคำสั่งและดำริจากเสนาบดีทั้งหลาย
ก็หวังว่าในวาระการย่างก้าวเข้าสู่ปี 2565 นี้ พวกเราปวงชนชาวไทยจะได้ส่งเสียงชื่นชมไปยังบุคลากร ผู้เป็นกำลังหลักในการต่อสู้กับโรคระบาดโควิด-19 และผู้ที่ช่วยประคับประคองและต่อสู้กับโรคร้ายๆ ทางเศรษฐกิจและสังคมของสังคมการเมืองไทยด้วยกัน นอกจากนั้นแล้ว ก็หวังว่าจะได้เห็นความสามัคคีที่ชาวไทยร่วมมือกันต่อสู้กับวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ที่ดำเนินกันมาโดยตลอด จะเข้มข้นขึ้น และจะนำไปสู่ความสามัคคีทางด้านการเมืองและการขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมด้วย
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี