การจะก้าวโกงจำนำข้าวได้ จะต้องทำอย่างน้อย 2 ด้าน
ด้านหนึ่ง คือ สะสาง เอาผิด เช็คบิล คดีโกงจำนำข้าว
อย่างครบถ้วน
อีกด้านหนึ่ง นักการเมืองก็อย่าไปปลุกผีเอานโยบายที่เอื้อโกงแบบนี้มาหาเสียงกันอีก หรือแม้แต่พยายามยกมาอวดอ้างว่าดีอย่างนั้น-อย่างนี้ เพื่อหวังหาคะแนนเสียงจากกิเลสคน (ทั้งที่จริง ทำจริง โกงแหลก)
1.ทราบว่า อีกไม่ช้านาน ปปช.จะมีมติเกี่ยวกับการชี้มูลความผิด คดีข้าวจีทูจีลอตสอง
2.เห็นว่า นักการเมืองพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ระดับหัวหน้าพรรคอย่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ไปจนถึงทีมโฆษกรุ่นใหม่ ออกมาพูดกึ่งๆ ฟอกขาวให้โครงการจำนำข้าว หลายครั้งหลายหน
ทำท่าว่าจะเอานโยบายจำนำข้าวมาหาเสียงอีก แต่พอถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็อ้อมแอ้มว่าจะไม่ได้จะเอานโยบายแบบเดิมกลับมาทั้งหมด
ถามจริงๆ ไม่รู้จริงๆ หรือว่า การดำเนินนโยบายจำนำข้าวในยุคทักษิณคิดเพื่อไทยทำนั้น “ไม่ใช่การรับจำนำจริง”
พฤติกรรมจริง คือ การประกาศรับซื้อข้าวราคาแพงกว่าราคาในท้องตลาด เพื่อเอาข้าวไปส่งมอบให้พ่อค้าที่มาซื้อจากรัฐบาลในราคาต่ำกว่าราคาท้องตลาด
คำพิพากษาคดีโกงข้าวจีทูจี เปิดข้อมูลจริงชัดเจนเลยว่า วันที่เซ็นขายข้าวจีทูจีเก๊บางสัญญานั้น ข้าวยังไม่ทันเก็บเกี่ยวจากท้องนาของเกษตรกรด้วยซ้ำ
ซึ่งถ้ารับจำนำจริง ปกติจะต้องรอให้เจ้าของไม่มาไถ่ถอน ถึงจะเอาของไปขายต่อได้ เหมือนที่โรงจำนำรับจำนำทองคำและทรัพย์สินอื่นๆ เจ้าของก็จะได้ราคาต่ำกว่าท้องตลาด เพื่อให้เจ้าของมาไถ่ถอนคืนภายหลัง
แต่จำนำข้าว พอชาวนาเอาข้าวมาเข้าโครงการ ก็ไม่มีการแยกเก็บว่าข้าวใครเป็นข้าวใคร ไม่รอให้ชาวนามาไถ่ถอน แล้วก็ไม่มีชาวนามาไถ่ถอนจริง เพราะมันไม่ใช่จำนำ แต่เป็นการซื้อจากชาวนาในราคาแพงกว่าท้องตลาด แล้วก็เอาไปขายให้พ่อค้าพรรคพวกเสี่ยเปี๋ยง นำไปค้าขายกินส่วนต่างพุงกางเป็นหมื่นล้าน
3.ป.ป.ช.ได้เคยสรุปบทเรียนโกงจากนโยบายจำนำข้าว
ครม.ชุดปัจจุบัน เคยมีมติรับทราบมาตรการป้องกันการทุจริต หรือการโกงข้าวจีทูจี-จีทูเจี๊ยะ (ตามที่ป.ป.ช.เสนอ) พร้อมกับมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการไปแล้ว
บทเรียนนี้ เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับการดำเนินนโยบายในลักษณะนี้ต่อไป ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล
มาตรการที่สำคัญ ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย หรือพรรคการเมืองใดมาเป็นรัฐบาล ก็จะต้องปฏิบัติเพื่อมิให้เกิดการโกงเหมือนข้าวจีทูเจี๊ยะอีก ดังนี้
(1) การพิจารณาสัญญาก่อนลงนามระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ
สภาพปัญหา “ยุคทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”
การดำเนินการที่ผ่านมา มีการแก้ไขสัญญาการค้าระหว่างประเทศแบบรัฐต่อรัฐเพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อ โดยเฉพาะการแก้ไขสัญญาเพิ่มชนิดและปริมาณข้าว ซึ่งถือเป็นสาระสำคัญนอกขอบเขตของสัญญา และมีผลเสมือนหนึ่งเป็นการสัญญาฉบับใหม่ ที่ควรต้องมีการเจรจาใหม่อย่างรอบคอบรัดกุม บนเงื่อนไขที่เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและทำเป็นสัญญาฉบับใหม่
การเปลี่ยนแปลงข้อตกลงและเงื่อนไขของสัญญาซื้อขายข้าว จากเงื่อนไขเดิม คือ Free on Board : FOB (สัญญาซื้อขายที่มีการกำหนดราคาสินค้ารวมค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับสินค้าจนกระทั่งขนสินค้าขึ้นบนระวางเรือ) หรือ Cost Insurance and Freight : CIF (สัญญาซื้อขายที่มีการกำหนดราคาสินค้า โดยรวมค่าระวางขนส่งสินค้าและค่าเบี้ยประกันภัยไว้ด้วย) เป็นการส่งมอบข้าวแบบหน้าคลังสินค้า (Ex Warehouse) ทำให้กลุ่มบุคคลผู้กระทำทุจริตที่มีอำนาจเกี่ยวข้องกับการระบายข้าวสามารถแอบนำข้าวที่ส่งมอบกันหน้าโกดังสินค้าออกไปขายเวียนภายในประเทศได้ แต่หากเป็นการซื้อขายข้าวแบบ FOB หรือ CIF จะสามารถยืนยันได้ว่าข้าวจะถูกส่งออกไปต่างประเทศ
ข้อตกลงเรื่องการชำระราคาข้าวโดยใช้แคชเชียร์เช็ค จะทำให้เกิดช่องทางในการชำระเงินโดยการออกเช็คภายในประเทศได้ ซึ่งขัดกับหลักการทั่วไปของการค้าระหว่างประเทศ ที่นิยมการชำระเงินแบบ Letter of Credit (L/C) เพราะเป็นวิธีที่สามารถตรวจสอบได้ว่าสินค้าถูกส่งไปยังต่างประเทศจริง
ราคาข้าว เป็นข้อตกลงหนึ่งของสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งที่ผ่านมามีการตกลงราคาขายข้าวตาม “ราคามิตรภาพ” ส่งผลให้รัฐบาลขาดทุนจากการขายข้าว เนื่องจากรัฐบาลรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในราคาตันละ 15,000 – 20,000 บาท แต่เมื่อระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ กลับขายในราคามิตรภาพ (ประมาณตันละ 10,000 – 12,000 บาท) จึงนำไปสู่ความเสียหายแก่งบประมาณแผ่นดินหรือภาษีประชาชนเป็นจำนวนมาก
ข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.
ให้กรมการค้าต่างประเทศจัดทำสัญญามาตรฐานเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศแบบรัฐต่อรัฐ (StandardContract) โดยคำนึงถึงการตรวจสอบคู่สัญญาเกี่ยวกับสถานะการเป็นตัวแทนของรัฐบาลกลางการส่งมอบข้าว การชำระเงิน และราคาข้าว มาพิจารณาประกอบการจัดทำสัญญาดังกล่าวด้วย ดังนี้
1) คู่สัญญาของรัฐ ต้องเป็นรัฐบาลกลางหรือตัวแทนที่ได้รับมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรให้ดำเนินการแทนรัฐบาลกลางเท่านั้น
2) วิธีการส่งมอบข้าว ไม่ควรส่งมอบข้าวแบบหน้าคลังสินค้า (Ex Warehouse) และควรกำหนดวิธีการควบคุมเพื่อให้มีการส่งออกไปต่างประเทศจริง
3) วิธีการชำระเงิน ควรชำระเงินค่าข้าวผ่านธนาคารโดยวิธี Letter of Credit (L/C)
4) ราคาข้าว ไม่ควรกำหนดราคามิตรภาพหรือราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด
รวมทั้ง กำหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขเกี่ยวกับการแก้ไขสัญญาการค้าระหว่างประเทศแบบรัฐต่อรัฐโดยอาจดำเนินการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.)
(2) การเปิดเผยข้อมูลการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ
สภาพปัญหา “ยุคทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”
การระบายข้าวจากสต๊อกรัฐบาล โดยวิธีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลที่ผ่านมา เป็นไปในลักษณะปกปิดข้อมูลข่าวสาร
ส่อให้เห็นว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่มีความโปร่งใส
ขัดกับหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
โดยให้เหตุผลว่า การเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ เพราะต้องอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะประเทศผู้ซื้อที่ไม่ต้องการให้เปิดเผยข้อมูลเนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหวสูงเป็นข้อมูลด้านความมั่นคงทางด้านอาหารของประเทศผู้ซื้อ
ข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.
เห็นควรให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยสัญญาการค้าระหว่างประเทศแบบรัฐต่อรัฐทั้งฉบับ
แต่หากกรมการค้าต่างประเทศไม่สามารถเปิดเผยสัญญาทั้งฉบับได้ ควรเปิดเผยข้อมูลบางส่วนของสัญญาฯ เช่น ปริมาณข้าว ชนิดของข้าว ราคาข้าว วิธีการส่งมอบข้าว และการชำระเงิน เป็นต้น
พร้อมทั้งจัดทำคู่มือเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารดังกล่าว เพื่อให้ร่วมกันตรวจสอบการบริหารงานของภาครัฐ
4. ก้าวข้ามโกง ต้องไม่ฟอกโกง และไม่หาทางกลับมาโกง
ข้อเสนอของ ป.ป.ช.ข้างต้น ถอดมาจากบทเรียนกรณีทุจริตโกงกินผ่านการระบายข้าวจีทูจีเก๊ หรือจีทูเจี๊ยะ-จีทูเจ๊ ซึ่งกระทำโดยนักการเมืองที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งในยุคที่แล้ว
เป็นบทเรียนราคาแพง ฝากบาดแผล และหนี้สินไว้กับประเทศชาติจนถึงปัจจุบัน
จะก้าวข้ามโกงจำนำข้าว
อย่างแรก ยิ่งลักษณ์ หมอโด่ง และลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงที่หนีโทษจำคุกไป จะต้องกลับมาติดคุก
ต่อมา จะต้องไม่ฟอกโกง ไม่เอื้อให้พรรคการเมืองบริวารหาทางกลับมาโกงแบบเดิมๆ อีก
การช่วยชาวนา ก็ต้องใช้วิธีการที่ไม่เปิดช่องให้โกงกันวายป่วงเหมือนในยุคที่ผ่านมา นั่นจึงจะเป็นการก้าวข้ามโกงจำนำข้าวอย่างแท้จริง
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี