การที่ภาคเอกชนซึ่งไม่ใช่ภาครัฐ จัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาดำเนินงานเพื่อการกุศลที่เป็นจิตสาธารณะนั้น จะต้องไปจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นสมาคม สโมสรและมูลนิธิกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มักจะเรียกกันสั้นๆว่า “เอ็นจีโอ”
“เอ็นจีโอ”นั้นมีกฎหมายควบคุมการทำงานและปฏิบัติหน้าที่อย่างอิสระ มีการก่อตั้งในไทยมาประมาณ 100 ปีแล้ว อดีตนั้นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมทางด้านการเมืองในไทย แต่ในปัจจบุันมีต่างประเทศได้เข้ามาใช้“เอ็นจีโอ”เพื่อเคลื่อนไหวทางด้านการเมืองอย่างแพร่หลายบางองค์กรมาในคราบของการกุศลแล้วอ้างการกุศลบังหน้า
เช่นการให้ทุนเยาวชนไทยเดินทางไปศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาในต่างประเทศ มีการส่งเจ้าหน้าที่ของตนเข้ามาติดต่อประสานงานกับคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยของรัฐโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยของรัฐนั้น มักมีกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนากับนิสิตนักศึกษาไทยอย่างคึกคักมากเป็นพิเศษทางด้านการเมือง มีการแจกเผยแพร่เอกสารสิ่งพิมพ์หนังสือเผยแพร่ล้างสมองเยาวชนไทยให้หลงผิด
จนเป็นสาเหตุให้เกิดม็อบชุมนุมทางด้านการเมืองเพื่อต่อต้านรัฐบาล และลามปามไปถึงเรื่องความมั่นคงของชาติ ในที่สุดทำให้เกิดมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบแนวทางการยกร่าง พ.ร.บ. การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... ของ คณะกรรมการกฤษฎีกาและมอบให้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รับร่าง พ.ร.บ. ไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบของร่างกฎหมาย ตาม ม.77 ของรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ. หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมิน ผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย 2562 ก่อนเสนอ ครม.ต่อไป มุ่งเน้นส่งเสริมองค์กรไม่แสวงหากำไร ให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการดำเนินกิจการที่ให้เป็นไปอย่างเปิดเผย โปร่งใส และเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
รวมทั้งมีการกำหนดกลไกการกำกับดูแลเท่าที่จำเป็น ไม่ให้เป็นภาระแก่องค์กรไม่แสวงหากำไร ขณะเดียวกันก็ให้ความคุ้มครองประโยชน์สาธารณะรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งนี้ ซึ่งการดำเนินกิจกรรมขององค์กรเหล่านี้ ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตการใช้สิทธิและเสรีภาพตามที่บัญญัติไว้ใน ม.25 ของรัฐธรรมนูญ
เป้าหมายสำคัญร่าง พ.ร.บ.ฯ เพื่อประโยชน์สาธารณะ โปร่งใส และเป็นประโยชน์ยังต้องผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นประชาชน ซึ่งข้อกำหนดต่างๆ เป็นไปตามมาตรฐานสากลว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ป้องกันการสนับสนุนด้านการเงินในการต่อต้านการก่อการร้ายซึ่งหลายประเทศก็มีกลไก และกฎกติกา เช่นนี้ทั่วโลก
องค์กรไม่แสวงหากำไร ต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรไม่แสวงหากำไร ห้ามไม่ให้ดำเนินงานที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ การดำเนินงานที่ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม หากได้รับเงินจากต่างประเทศต้องแจ้งชื่อแหล่งเงินทุนและวัตถุประสงค์ของการนำเงินไปใช้จ่ายและต้องไม่ใช้เงินเพื่อดำเนินกิจกรรมในลักษณะ การแสวงหาอำนาจรัฐ หรือเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมือง
การมีพ.ร.บ.ฉบับนี้จะทำให้ภาครัฐและประชาชนทั่วไปสามารถทราบว่า องค์กรเอ็นจีโอมีการกระทำเป็นภัยต่อความมั่นคงไทยหรือไม่ หากองค์กรใดฝ่าฝืนกฎหมายเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญาเข้าจับกุมและดำเนินคดีได้ตามกฎหมายได้ทันทีเช่นเดียวกับที่หลายๆประเทศได้ดำเนินการเช่นนี้มาแล้วมิใช่การใช้อำนาจเกินขอบเขตของกฎหมายแต่อย่างใด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี