“หนังสือพิมพ์แนวหน้า... แนวหน้าออนไลน์ www.naewna.com สื่ออุดมการณ์ มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงให้ปรากฎ ผ่าน “บุคคลแนวหน้า” เริ่มต้นขยี้ที่การเมืองท้องถิ่นทั้งการบริหารงบประมาณและการเข้าสู่อำนาจการเมืองท้องถิ่นที่ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมาที่ประชุมวุฒิสภา ได้มีการนำ “บทวิเคราะห์กฎหมายว่าด้วยความผิดกรณีการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวม” ที่คณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ วุฒิสภาที่มี “กล้านรงค์ จันทิก เป็นประธานคณะกรรมาธิการ” นำรายงานที่ประชุม โดยช่วงหนึ่งระบุว่า “จากการศึกษาผลการประเมินดัชนีรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI)ขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International : TI)ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบว่า ประเทศไทยได้รับการประเมินต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยมาตรฐานโลก (43 คะแนน) มีสาเหตุสำคัญมาจาก “การขัดกันแห่งผลประโยชน์ โดยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนิติบัญญัติ บริหารและตุลาการรวมถึงรัฐวิสาหกิจ และองค์กรอิสระ” ในรายงานระบุด้วยว่า พฤติกรรม มีการแสวงหาประโยชน์จากการใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ ด้วยการเรียกรับสินบน สินน้ำใจ มีการใช้ทรัพย์สินของทางราชการและงบประมาณเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง มีการเลือกปฏิบัติในการใช้อำนาจรัฐเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน และยังพบว่าเจ้าหน้าที่ไทยไม่มีความซื่อสัตย์และมีการเรียกรับผลประโยชน์ โดยได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มากเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งการกลั่นแกล้งข้าราชการประจำของฝ่ายการเมืองการใช้งบประมาณไร้ประสิทธิภาพ และการเบิกจ่ายใช้ทรัพย์สินราชการไปในการส่วนตัว โดยเฉพาะการใช้รถยนต์หลวง...
nn“ไม้หน้าสาม” ไม่ได้เจาะจงผู้หนึ่งผู้ใด แต่อยากเตือนสตินักการเมืองท้องถิ่นที่หิวโหยหาอำนาจทางการเมืองเพื่อการบริหารปกครองทั้งหลายจาก... กรณีศึกษาจากคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลายคดี คณะตุลาการแทบทุกชุดพิพากษาลงโทษจำคุกผู้กระทำผิดโดยไม่รอลงอาญา แต่ก็ยังมีเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติตัวคล้าย “สุกรไม่กลัวน้ำร้อน” ยังละเมิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง...
nn เห็นมติก.ท.จ.ที่มี “พ่อเมืองปู – วีระศักดิ์ วิจิตรแสงศรี” ร่วมคณะกรณี “ศิริธน สุทธิบูรณ์” ข้าราชการท้องถิ่น ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคำสั่งทางปกครองให้ออกจากราชการ แต่เมื่อมีการอุทธรณ์ก.ท.จ.อ่างทองมีมติเห็นว่าข้อกล่าวหา “ศิริธน” เป็นความผิดไม่ร้ายแรง จึงให้คืนตำแหน่ง และลดเงินเดือน 1 ขั้น นึกว่าเรื่องนี้จะจบหลังมติออกมาชัดเจน แต่ก็ยังมีความพยายามเตะถ่วงจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(ผู้บังคับบัญชาโดยตรง)ที่อ้างว่าจังหวัดอ่างทองมีคำสั่งปิดกรอบอัตราจ้างนางศิริธนไปแล้ว (ยุบตำแหน่ง) “ไม้หน้าสาม” สอบถามทั้งนักกฎหมายและนักปกครองแล้วสรุปตรงกันว่าพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายพวกมากลากไป และอาจเป็นการปฏิฺบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีศึกษานี้สะท้อนให้เห็นถึงบริบทและกระบวนทัศน์ของสังคมไทยที่เคลือบแฝงฝังลึกกับ “วงจรอุบาทว์” ฟ้ายังมีตาพระสยามเทวาธิราชจึงประทานพรให้ข้าราชการตัวเล็กๆ ที่หาญกล้าต่อสู้กับวงจรอุบาทว์ และการกลั่นแกล้งครั้งนี้ อันจะเป็นบรรทัดฐานให้กับสังคมยึดมั่นในความถูกต้อง หลักธรรมาภิบาล ไม่มองข้ามเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะกรรมได้สำเร็จแล้ว จากนี้ก็เป็นหน้าที่ของ “ศิริธน สุทธิบูรณ์” ที่จะยกระดับบรรทัดฐานกรณีนี้ให้ “ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157” ได้ทำหน้าที่ของมันลากคอ “ผู้ร่วมวงจรอุบาทว์” มาลงโทษตามกบิลเมืองที่สำเร็จในครั้งนี้แล้ว...
nn “สมคิด เชื้อคง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 10 อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย” สวมบทนักพยากรณ์มั่นใจสมัยประชุมสามัญเหลืออีก 5 สัปดาห์จะหมด ฟันธง!! เปรี้ยงปังสุด “ล่ม!! ตลอดแน่นอน!?!?!” แถมยังสำรอกซ้ำ... จากนี้เวทีอันทรงเกียรติ “จะกลายเป็นเวทีล้างแค้น แทนที่จะเป็นเวทีแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน” แต่เงินเดือนรับกันไม่เคยขาด สังคมไทยต้องจดจำไว้ อย่าให้สิ่งมีชีวิตพฤติกรรมเยี่ยงนี้มีที่ยืนในรัฐสภาอีกเลย...
nn หลังจากเกิดปาหี่การเมืองใน “พรรคพลังประชารัฐ” จนคอการเมืองฟันธงกันว่า “พรรคแตก” คู่ปรปักษ์อย่าง “พรรคเพื่อไทย” เรียงแถวออกมากระหน่ำแซะเรียกร้องให้ “ลุงตู่ - พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”ยอมถอยและลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อ้างความขัดแย้งในพรรครัฐบาลเกิดจากการต่อรองแย่งชิงอำนาจไม่มีเอกภาพ อันเป็นผลมาจาก “บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 เป็นไปได้!?!?!...
nn ล่าสุด “สดศรี สัตยธรรม” อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้งฝ่ายกิจการพรรคการเมือง... สมาชิกพรรคพลังประชารัฐถอนสมอไม่ไปต่อกับ “พี่น้อง 3 ป.” ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยโรงเรียน “ผู้กองตุ๋ยลูกชาวนาพ่อค้าแป้ง”... คาดกันว่าจะเดินตาม “เรืองไกรลีกิจวัฒนะ” เข้าเป็นสมาชิก “พรรคเศรษฐกิจไทย”..
.nn จริงดั่งว่า “สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร” เรื่องราวที่ร้อนระอุใน “พรรคพลังประชารัฐ” ว่ากันว่ามีการประสานสมคบคิดกับ “สัมภเวสีแดนไกล” โดยที่คนระดับแกนนำหลายคนในพรรคเพื่อไทยทราบดี เกมนี้เดิมพันด้วยการผิดบทบัญญัติมาตรา 92 (2) แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งมีโทษถึงยุบพรรค... ไม่ต้องแปลกใจที่ “พี่ศรี – ศรีสุวรรณ จรรยา” เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจะฉกประเด็นนี้ ทำหนังสือยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อไต่สวนวินิจฉัยกรณีดังกล่าวนี้แล้ว...จากนี้คอการเมืองก็คงได้ลุ้นกันจนวินาทีสุดท้ายว่า พรรคการเมืองแกนนำรัฐบาลจะถูกวินิจฉัยยุบพรรคหรือไม่...
nn ทิ้งท้าย ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ขอแซะ “โครงการวัวหายล้อมคอก” หลังงามหน้านักแบดมินตันคู่ผสมทีมชาติไทย “ปอป้อ – ทรัพย์สิรีิ แต่รัตนชัย กับ บาส – เดชาพล พัววรานุเคราะห์” ฝ่าฟันขวากหนามจนทะยานขึ้นเป็นแชมป์โลกและมือวางอันดับ 1 แบดมินตันคู่ผสมของโลก แต่การขึ้น “โพเดี้ยม” รับเหรียญรางวัลกลับไร้เสียงเพลงชาติไทยและการเชิญธงไตรรงค์เพื่อประกาศเกียรติยศและศักดิ์ศรีความเป็นตัวแทนประเทศไทย เพราะความล่าช้าของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติในการแก้ไขกฎหมายการควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา เป็นที่มาของการเสนอ “พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ.2555” ให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ เพื่อแก้ไขข้อห้ามขององค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (Wada)ที่น่าสนใจจน “ไม้หน้าสาม” เห็นเหตุอันควรสงสัยเชื่อได้ว่ามาตรา 29 วรรคท้าย ซึ่งบัญญัติถึงอำนาจการตรวจหาสารต้องห้ามทางการกีฬาว่า “การเข้าไปตรวจหาสารต้องห้ามหรือวิธีการต้องห้ามนอกการแข่งขันกีฬาตาม (๑) การเก็บตัวอย่างเลือด ปัสสาวะให้กระทำระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก เว้นแต่มีเหตุอันควรสงสัยว่านักกีฬามีการใช้สารต้องห้ามหรือวิธีการต้องห้ามและหากปล่อยเนิ่นช้าจะกระทบต่อกระบวนการในการตรวจสอบ ให้เข้าไปตรวจหาสารต้องห้ามหรือวิธีการต้องห้ามในเวลากลางคืนก็ได้”... สาระสำคัญนี้เป็นกรณีที่ยังไม่มีความผิดเชิงประจักษ์ แค่เหตุอันควรสงสัยกับนักกีฬาก็เข้าตรวจหาสารต้องห้ามในทันทีจะไม่ละเมิดบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญมาตรา 33 กระนั้นหรือ และจะขัดต่อบทบัญญัติในมาตรา 5 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ.2560 ด้วยหรือไม่อย่างไร...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี