กลายเป็นเรื่องซ้ำซากพร่ำเพรื่อ...มุขตลกร้ายสามานย์ของนักเลือกตั้งที่กมลสันดานดูถูกประชาชน เห็นประชาชนเป็นของตาย เห็นห้องประชุมสภา “สุริยัน” เสมือนสนามเด็กที่มีอาการทางสมองมารวมตัวเล่นเกม เอาชนะคะคาน โดยไม่ใส่ใจผลประโยชน์ของประชาชนที่คนเหล่านี้เคยสำรอกสำรากสม่ำเสมอว่า ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน อ้างประชาชนมาจนติดปากจนไม่เคยสำนึกใดๆ
ที่ผ่านมา “ผู้คนในสังคมไทย” จำนวนหนึ่งเรียกร้องให้บัญญัติบทลงโทษทั้งในรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับการประชุม ขณะที่ผู้คนในสังคมไทยอีกส่วนหนึ่งเลือกที่จะกล่าวประณามสันดานของท่านทั้งหลายเพื่อให้ฉุกคิดเกิดสามัญสำนึกถึงวุฒิภาวะ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ที่ท่านทั้งหลายสู้อุตส่าห์ยกมือไหว้แทบกราบกรานวิงวอนเพื่อขอโอกาสเข้ามาทำหน้าที่ผู้ทรงเกียรติในสภาผู้แทนราษฎร ที่มีชื่อว่า “สัปปายะสภาสถาน”ที่แปลว่า สภาที่มีแต่ความสงบร่มเย็นสบาย...สถานที่ประกอบคุณงามความดี นิยามเหล่านี้ท่านทั้งหลายได้ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูความเป็นจริงบ้างหรือไม่
สังคมไทยวันนี้เห็นท่านเป็นแค่ซากปรักหักพังของท่านผู้ทรงเกียรติที่อุบาทว์น่าเกลียดที่สุด สังคมไทยมีน้ำท่วมซ้ำซาก แล้งซ้ำซาก โกงกินทุจริตซ้ำซาก และที่สุดของซ้ำซากคือ สภาล่มซ้ำซาก สะท้อนให้ประชาชนต้องตัดสินกันแล้วกระมัง!?!?! ว่าสมัยหน้า
ถึงเวลาสั่งสอนนักเลือกตั้งที่เห็นประชาชนเป็นของตายให้โอกาสนักการเมืองน้ำดี เข้าสภาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติกันดีกว่าไหม จะได้เห็นการเมืองสมัยใหม่ที่แท้จริง ไม่ใช่โอ้อวดแต่ปากว่าเป็นคนรุ่นใหม่เพื่อทำการเมืองสมัยใหม่ถึงเวลาที่จะต้องเอารายชื่อนักเลือกตั้งที่ไม่สำเหนียกไร้สามัญสำนึกความรับผิดชอบในการทำหน้าที่มาประจานให้สังคมได้รับทราบอย่างจริงจังว่า คนไหนบ้างที่ตัวเป็นขนสันหลังยาวเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุมสภา ใครบ้างที่ไม่มาทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายทว่าไปดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดจนละเลยการปฏิบัติหน้าที่บ้าง
เราขออัญเชิญพระบรมราโชวาทของ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” พระราชทานพระบรมราโชวาทในพระราชพิธีพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อปี 2530 เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติท่าน “ผู้ทรงเกียรติที่เห็นกงจักรเป็นดอกบัว” และเป็นหลักชัยในการดำรงตนของคนในสังคมไทยความว่า“...เมื่อมีโอกาสและมีงานทำ ควรเต็มใจ ทำโดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อแม้ หรือเงื่อนไขอันใด ไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง คนที่ทำงานได้จริงๆ นั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใด ย่อมทำได้เสมอ ถ้ายิ่งมีความเอาใจใส่ มีความขยัน และความซื่อสัตย์สุจริต ก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จในงานที่ทำสูงขึ้น...”
“คนไม่มีความสุจริต คนไม่มีความมั่นคง ชอบแต่มักง่าย ไม่มีวันสร้างสรรค์ประโยชน์ส่วนรวมที่สำคัญอันใดได้ ผู้ที่มีความสุจริตและความมุ่งมั่นเท่านั้น จึงจะทำงานสำคัญยิ่งใหญ่ที่เป็นคุณประโยชน์แท้จริงได้สำเร็จ”
ประวัติศาสตร์การเมืองไทยก็มีตัวอย่างให้พิจารณาศึกษาว่า ความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ของอำนาจ 2 ฝ่าย “บริหาร-นิติบัญญัติ” มักไม่ยุติลงด้วยการยุบสภา แต่สงบลงด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร
เชื่อว่าท่านผู้ทรงเกียรติคงไม่อยากให้พฤติกรรมสามานย์ สันหลังยาวนี้จบลักษณะเช่นนั้นหรือ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี