“ระบบ ABS ทำงานโดยการควบคุมเมื่อเวลาเราเบรก ไม่ให้ล้อเกิดลักษณะของการล็อก เพราะว่าโดยปกติแล้วพฤติกรรมของคนเรา เวลาเราเจอสภาพถนนที่มันลื่นหรือเป็นทางโค้ง หรือสภาพถนนที่เราไม่พึงประสงค์ เราก็พยายามที่จะเบรก แต่ในกรณีที่ไม่มีระบบที่เราควบคุม ไม่มี ABS ปัญหาคือระบบก็จะทำการเบรกไปจนถึงจุดหนึ่งที่ล้อสามารถล็อกได้ คราวนี้พอล็อกสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือรถจะไถล พอรถไถลเราก็ไม่สามารถที่จะควบคุมอย่างเช่นระยะทาง หรือควบคุมแฮนด์ของมอเตอร์ไซค์ให้สามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้”
ผศ.ดร.อนันต์ชัย อยู่แก้ว หัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ (DRIVE) ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวในวงเสวนา (ออนไลน์) เรื่อง “วัดใจขนส่งดันผู้ผลิตติด ABS ในรถจักรยานยนต์” อธิบายการทำงานของ “ระบบเบรก ABS” และความสำคัญว่าเหตุใดจึงควรเป็น “อุปกรณ์มาตรฐาน” สำหรับมอเตอร์ไซค์หรือจักรยานยนต์ทุกรุ่น
ซึ่งแม้จะเป็นคนที่ผ่านการฝึกฝนทักษะการขับขี่มาเป็นอย่างดี แต่ในบางสถานการณ์ เช่น ฝนตกถนนลื่น ยางล้อไม่สามารถเกาะถนนได้ตามปกติ การเบรกกะทันหันก็ยังมีความเสี่ยงที่รถจะเสียการทรงตัว แต่ ABS จะช่วยลดความรุนแรงลง แม้เบรกแล้วจะมีอาการท้ายปัดบ้างแต่ก็ยังพอควบคุมรถได้ อีกทั้งยังช่วยให้ระยะเบรกสั้นลงด้วย ทั้งนี้ การเก็บข้อมูลในสหภาพยุโรป (EU) พบว่า มอเตอร์ไซค์ที่มี ABS ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ร้อยละ 39 และลดโอกาสบาดเจ็บจากอุบัติเหตุได้ร้อยละ 48 ส่วนออสเตรเลีย ลดอุบัติเหตุได้ร้อยละ 33 และลดการบาดเจ็บได้ร้อยละ 39
เมื่อหันกลับมามองประเทศไทย พบว่า หากเป็นมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบค์ จะติดตั้งเบรก ABS มาให้จากโรงงาน ในขณะที่รถขนาดเล็กลงมา หากเป็นรุ่นที่ความจุกระบอกสูบ (CC) สูงพอสมควรก็อาจจะติดตั้งมาให้ โดยราคาที่แตกต่างระหว่างรุ่นที่มีและไม่มี ABS จะห่างกันอยู่ที่ประมาณ 5,000-10,000 บาท จึงไม่น่าจะยากเกินไปในการเลือกซื้อหามาใช้หากมีการติดตั้ง ซึ่งก็เหมาะกับสภาพความเป็นจริงของถนนเมืองไทย ที่หลายเส้นทางโดยเฉพาะถนนสายรอง หรือตามตรอกซอกซอย มีหลุมหรือเนิน และการไปในยามค่ำคืนหรือเวลามีน้ำท่วมอาจมองไม่เห็น
“จริงๆ ระบบ ABS ที่เขาติดตั้งไว้ในกรณีของรถใหญ่คือรถใหญ่มันมีโหมดค่อนข้างเยอะ เขาเรียกว่าเป็นมวลต่อคนคนไทยเรามีน้ำหนักไม่เยอะเท่าฝรั่ง ฉะนั้นการทรงตัวของรถก็จะค่อนข้างมีปัญหาในกรณีที่ต้องควบคุมรถ (Maneuver) ผ่านสภาพถนนที่มันไม่พึงประสงค์ แต่อย่างไรก็ตาม ในกรณีของช่วงอายุของคนที่สามารถควบคุมรถได้จะไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุเท่าไร แต่จะเห็นในกรณีเด็กที่ไม่มีประสบการณ์ แล้วก็ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถที่จะมีกระบวนการ (Perspective)เหมือนกับคนที่อายุน้อยลงหน่อย
ABS มีความสำคัญมากในกรณีสภาพถนนที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ก็สามารถช่วยเซฟเขาได้ ฉะนั้นถามว่ากรณีของ CC ก็เห็นด้วยว่ามันสามารถติดตั้งได้ทุก CC เพราะอย่างในกรณีรถขนาดเล็ก ถ้าเทียบกับมวล (Mass) ของเบรก อายุประมาณนั้น ก็ไม่สามารถควบคุมรถได้ ก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้” ผศ.ดร.อนันต์ชัย ระบุ
ด้าน พญ.ชไมพันธุ์ สันติกาญจน์ อดีตที่ปรึกษาประจำองค์การอนามัยโลก (WHO) ภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการ และโครงการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่รถจักรยายนยนต์ปลอดภัยกล่าวว่า ร้อยละ 80 ของผู้เสียชีวิตบนท้องถนนในประเทศไทยเป็นผู้ใช้งานมอเตอร์ไซค์ และจากข้อมูลรายงานขององค์การอนามัยโลก ทั้งปี 2558 และ 2561 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากมอเตอร์ไซค์มากที่สุดในโลก
ขณะที่ฐานข้อมูลกลางของเครือข่ายโรงพยาบาลต่างๆ ในประเทศไทยรวม 26 แห่ง พบว่า ช่วงอายุ 14-28 ปีหรือวัยเรียน-วัยทำงาน เป็นวัยที่เสียชีวิตมากที่สุด และไม่ใช่เฉพาะบุคคลที่มีพฤติกรรมขับขี่แบบคึกคะนองหรือแข่งรถบนถนนสาธารณะ (เด็กแว้น-สายซิ่ง) เท่านั้น แต่รวมถึงผู้ใช้มอเตอร์ไซค์ทั่วๆ ไปด้วย เช่น ขี่ไปเรียน-ไปทำงาน อีกทั้งร้อยละ 40 ของผู้เสียชีวิตเป็นเสาหลักของครอบครัว ผลกระทบจึงไม่ใช่เพียงคนคนเดียว
พญ.ชไมพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า ครึ่งหนึ่งของอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับมอเตอร์ไซค์ เกิดขึ้นกับตัวผู้ขับขี่เองไม่มีคู่กรณี (ล้มเอง) ส่วนอีกครึ่งหนึ่งชนกับผู้อื่นหรือมีคู่กรณี และไม่เกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่หรือเล็ก เพราะหลายกรณีมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กก็สามารถชนผู้อื่นเสียชีวิตได้ และผู้ใช้มอเตอร์ไซค์ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ ร้อยละ 88 ก็ใช้มอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กต่ำกว่า 150 CC ในขณะที่รัฐไทยมุ่งเน้นแก้ไขเพียงมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ 400 CC ขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งที่อินเดีย เริ่มมีมอเตอร์ไซค์ติดระบบ ABS แม้จะเป็นรถเล็กขนาดเพียง 110 CC ออกมาวางตลาดตั้งแต่ปี 2564
“ABS ลดการเสียชีวิตได้ และช่วยลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจได้ ถ้าใน 5 ปีจะลดได้ 1.5-2.3 แสนล้านบาทฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ แล้วก็มีผลตอบแทนทางนโยบายประมาณ 4 เท่าของต้นทุน อันนี้วิจัยโดย TDRI (สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย) ฉะนั้นมันเป็นเรื่องที่ชัดเจน ก็แปลกใจว่าทำไมเรายังต้องทำประชาพิจารณ์ ในเมื่อหลักฐานต่างๆ ค่อนข้างชัดเจน” พญ.ชไมพันธุ์ กล่าว
ข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยจำนวนพาหนะจดทะเบียนสะสมรวม ณ สิ้นปี 2564 พบว่า ประเทศไทยมีการจดทะเบียนมอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคล 21,685,858 คัน มากกว่ารถยนต์ส่วนบุคคล 3 ประเภท คือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง มียอดจดทะเบียน 10,854,640 คัน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล 6,984,420 คัน และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง 439,409 คัน ทั้ง 3 ประเภทนี้คือรถเก๋ง รถกระบะ รถตู้ เมื่อรวมกันแล้วอยู่ที่ 18,278,469 คัน ก็ยังน้อยกว่ายอดจดทะเบียนมอเตอร์ไซค์ถึงกว่า 3.4 ล้านคัน ชี้ให้เห็นว่า มอเตอร์ไซค์คือพาหนะหลักของคนไทย
เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับภาครัฐว่าจะมีมาตรการจูงใจหรือไม่? อย่างไร? ให้ภาคธุรกิจติดตั้ง ABS ในมอเตอร์ไซค์ทุกรุ่นมาจากโรงงาน ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียของประชาชนได้!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี