ช่วงนี้ คนที่เป็นคอการเมืองก็คงจะอดพูดถึงการเกิดขึ้นของคำว่า “ครอบครัวเพื่อไทย” มิได้ ซึ่งผู้ที่ให้กำเนิดคำนี้คือ ทักษิณ ชินวัตร (หรือในชื่ออินเตอร์ว่า โทนี่) โดยผลักดันให้ อุ๊งอิ๊ง ลูกสาวของตนขึ้นมารับตำแหน่ง “หัวหน้าครอบครัว” (คำนำหน้าหลังจากนี้จะกลายเป็น แม่หญิง คุณแม่ แม่นาย มามี๊อะไรก็แล้วแต่)
เมื่อดูไปแล้ว “ครอบครัวเพื่อไทย” ก็คงจะมีภารกิจอันสำคัญ 2 ประการด้วยกันก็คือ
1.เพื่อนำผู้ให้กำเนิดครอบครัวกลับบ้านเกิด (อย่างเท่ๆ) เสียที
2.เพื่อส่ง อุ๊งอิ๊ง ขึ้นไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในนามของพรรคเพื่อไทย โดยไม่ต้องไปทับไลน์ตำแหน่งบริหารเดิมในพรรค
ทั้งหมดนี้ก็จัดได้ว่า เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบชั้นเชิงของ ทักษิณ ชินวัตรชนิดเคลื่อนรุกคืบทั้งจาก 2 ปีก (Two Prong Approach) นั่นคือ
1.ปีกพรรคเพื่อไทยในกรอบของการเล่นการเมืองในรูปแบบ
2.ปีกครอบครัวเพื่อไทย ในระดับการเมืองภาคประชาชนรากหญ้า
หรือนัยหนึ่งก็คือการใช้ทั้งพลังมวลชน และพลังเสียงทางการเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
การนี้ก็พอประเมินได้ว่า ทักษิณ ชินวัตร ยังไม่ยอมเลิกรา และปล่อยมือจากการบ้านการเมืองไทย อาจจะเพราะยังไม่หมดพละกำลัง และทุนทรัพย์ ก็เลยไม่ย่นย่อท้อถอยในการที่จะเอาชนะ และเอาคืนในสิ่งที่พลาดพลั้ง เสียไป ให้กลับมาได้ทั้งหมด
ในแง่หนึ่ง หากมองจากการต่อสู้ทางการเมืองอย่างดิบๆ จริงจังแล้ว ก็อดที่จะยกนิ้วหัวแม่มือให้ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ว่าแสนจะมุ่งมั่นแน่วแน่ และทนทายาดเหลือหลาย
แต่ถ้ามองแง่ธรรมะแล้ว ก็อดสมเพชในใจไม่ได้ว่า ทักษิณ ชินวัตร นั้น ยังคงจมอยู่ในอวิชชาหลงใหลดื่มด่ำอยู่ในอารมณ์มืด จิตใจยังเต็มไปด้วยความร้อนแรง จึงเสมือนมีเพลิงเผาไหม้อยู่ในหัวอกหัวใจ ผลักดันให้ต้องดิ้นรนขวนขวายแก้แค้น เอาคืนซึ่งเป็นการสร้างกรรมแห่งความทุกข์ต่อตนเอง ครอบครัว และญาติมิตรอย่างไม่รู้จบรู้สิ้น
ในขณะเดียวกัน สังคมไทยก็หนีไม่พ้นที่จะต้องรับผลกระทบจากความยึดมั่นถือมั่นของ ทักษิณ ชินวัตร อีกต่อไป เพราะไม่ว่าอย่างไร ก็จะมีฝ่ายสังคมไทยส่วนหนึ่งที่พร้อมจะต่อต้านและสู้รบตบมือกับทักษิณ ชินวัตร และสมัครพรรคพวกไปเรื่อยๆ
สังคมไทยจึงยังต้องอยู่กับความแตกแยก และการเผชิญหน้าต่อกันและกันไปอีกพักหนึ่ง อย่างน้อยก็จนกว่าทักษิณ ชินวัตร จะล้มหายตายจากไปจากโลกนี้
สังคมไทยต้องไม่ลืมว่า ผู้นำหนึ่งใด หรือครอบครัวหนึ่งใดจะคงอำนาจไว้ไม่ได้ ถ้าปราศจากผู้เป็นเครื่องไม้เครื่องมือ สมุน ลูกหาบ ลูกทาส ผู้รับใช้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาเหล่านี้จะได้ยั้งคิด มีสติ ได้เมื่อไร จะได้สามารถเดินหน้าปลดแอกตนเองจากการจองจำอยู่ในอาณัติของบุคคลและครอบครัวหนึ่ง และตระหนักได้ด้วยว่า ตนนั้นเป็นผู้ร่วมทำลายชาติบ้านเมือง (ซึ่งก็คงจะเป็นไปได้ยาก เพราะขนาดถูก ทักษิณ เปรียบเป็นสุนัขในคอกที่เลี้ยงไว้ ก็ไม่เห็นมีใครออกมาโวยวายอะไร นอกจากนิ่งเงียบเสมือนยอมรับสภาพนัยๆ)
ในอีกมุมมองหนึ่ง พรรคเพื่อไทยที่มักจะโฆษณาชวนเชื่อต่อสังคม ว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยแท้จริง แต่ดันมาจัดตั้งครอบครัวเพื่อไทยภายใต้การครอบงำ และชี้นำของครอบครัวชินวัตร ซึ่งหมายความว่า ณ วันนี้ สังคมไทยเราได้มีครอบครัวการเมืองใหญ่ โดยในศัพท์การเมืองสากลก็มักจะเรียกว่า เป็นราชวงศ์การเมือง (Political dynasty) ซึ่งเป็นเรื่องที่เชย และก็ล้าสมัย กลับกลายเป็นการเมืองแบบถอยหลังเข้าคลอง คือมีลักษณะเป็นศักดินา มากด้วยระบบอุปถัมภ์ค้ำจุน แล้วเคารพบูชาเชื่อฟังตัวองค์บุคคล (Personality cult)
แล้วแบบนี้ พรรคเพื่อไทยจะอ้างว่าตนเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร?
ก็คงไม่พ้นเป็นการกล่าวเท็จ และหลอกลวงทั้งตนเองและสาธารณชนกันมากกว่า เพราะนี่เป็นการเล่นการเมืองแบบครอบครัวนิยม และทุกคนต่างทำตัวเป็นสมุนรับใช้ มากกว่าการที่จะเป็นบุคคลที่มีความเสมอภาคและทัดเทียมกัน และมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน ทั้งในการคิด แสดงออก และการตัดสินใจแต่นี่กลับเป็นการรวมกลุ่มในลักษณะขององค์กรเผด็จการ ที่มีผู้นำเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว
เชื่อว่าทุกๆ ท่านคงได้ผ่านหูกับเพลง ตื่นเถิดชาวไทย กันมาเกือบทุกคน ซึ่งในวันนี้ คนไทยส่วนใหญ่เขาตื่นแล้ว และต่างก็กำลังรอให้สมาชิกครอบครัวเพื่อไทยมาร่วมตื่นด้วย ซึ่งหากเป็นจริงเมื่อนั้นสังคมไทยในระบอบประชาธิปไตยก็คงจะสามารถร่วมมือร่วมใจก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงเป็นแน่แท้
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี