ผศ.ดร.ปิยวัฒน์ เกตุวงศา สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัย มหิดล ในฐานะหัวหน้าโครงการประสานงานและสนับสนุนการขับเคลื่อนการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาระดับจังหวัด เปิดเผยว่า “โครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อความเสมอทางการศึกษา (ABE)” กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) 20 จังหวัด เกิดบทเรียนและความสำเร็จหลายประการที่สามารถนำสู่การขยายผลไปยังจังหวัดอื่น ๆ ด้วยจุดแข็งของโครงการ
โดยเฉพาะ “แนวคิดหลักในการดำเนินงาน” โครงการฯ ที่ต่างไปจากปกติ ที่เป็นการช่วยเหลือเด็กในลักษณะของการสงเคราะห์หรือการให้ทุน ทว่าในโครงการดังกล่าวนี้ส่งเสริมและกระตุ้นให้พื้นที่หรือจังหวัดเกิดการเรียนรู้เรื่องการจัดการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการออกแบบกระบวนการทำงานที่จะมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง มีความทันสมัยและจะตอบโจทย์ปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี
“วิธีการช่วยเหลือเด็กแบบสงเคราะห์ก็ยังจำเป็น ตราบใดที่เรายังขาดกลไกในการคิดวิเคราะห์ การจัดการแก้ไขปัญหา และการบริหารทรัพยากรของตนเอง ความเหลื่อมล้ำก็จะยังเกิดขึ้นอยู่อย่างซ้ำๆ และทวีปัญหาสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำสูงของประเทศไทยต่อไป” ผศ.ดร.ปิยวัฒน์ กล่าว
ผศ.ดร.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า จุดแข็งของโครงการ ABE คือ ต้องการให้เกิดการกระจายอำนาจและการจัดการปัญหาด้านการศึกษา ซึ่งเป็นรากเหง้าของชีวิตมนุษย์ เพราะการศึกษาจะพาผู้คนออกจากความเหลื่อมล้ำที่เขากำลังเผชิญอยู่ได้ ตัวอย่างเช่น เด็กคนหนึ่งที่เกิดและอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด เขาจะมีวัฏจักรอยู่แบบนั้น สิ่งที่จะสามารถช่วยพาพวกเขาหลุดจากสภาพแวดล้อมตรงนั้นมีอยู่ 2 เรื่องคือ “โชคชะตา” กับ “การศึกษา” เปรียบเสมือนต้นไม้ที่อยู่ในภายใต้เงาของตึกสูงใหญ่ เมื่อไรที่ได้รับแสงแดดมากพอก็จะสามารถแตกยอดเติบโตต่อไปได้
โครงการ ABE ได้เข้าไปทำให้พื้นที่หรือจังหวัดรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนในจังหวัดว่า ยังมีเด็กที่ไม่ได้เรียนอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนหน้านี้แทบทุกจังหวัด (20 จังหวัดต้นแบบ) ไม่รู้เลยว่าจังหวัดตนเองมีเด็กที่ไม่ได้เรียนอีกจำนวนมากบางจังหวัดมีเด็กหลายหมื่นคนไม่ได้เรียนและหลุดออกนอกระบบ แต่เมื่อโครงการ ABE ออกแบบให้มีการสร้างกลไกการทำงาน
ใช้กลไกคนในพื้นที่ที่หมายถึงผู้นำชุมชน ชาวบ้าน อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) ฯลฯ เข้าไปทำงานในระดับพื้นที่ที่เราเรียกว่า CM หรือ Case Manager เข้าไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของเด็ก ไปวิเคราะห์ว่าเด็กแต่ละคนควรได้รับความช่วยเหลือแบบไหนจึงสอดคล้องกับศักยภาพและความต้องการของเด็กมากที่สุด ซึ่งเงินทุนสนับสนุนที่โครงการฯ ในการให้ความช่วยเหลือเด็กเฉลี่ยจำนวน 4,000 บาทต่อคนต่อปี หารเฉลี่ยแล้วอยู่ที่วันละ 10 บาทกว่าเท่านั้น ดังนั้นบทบาทของเงินจำนวนนี้ไม่ใช่เงินช่วยเหลือสงเคราะห์ แต่มีบทบาทสำคัญ 2 ประการคือ
1.เป็นกุญแจในการเปิดโอกาสให้กับเด็กที่พบกับทางตันแต่ใฝ่ดีอยากเรียนรู้ เด็กคนนั้นก็จะได้รับกุญแจดอกนี้ที่จะเปิดโอกาสให้เขาได้พบเจอสิ่งที่เขาอยากเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง เช่น เด็กหญิง ก.อยากเป็นช่างเสริมสวยก็สามารถใช้เงินจำนวนนี้ไปเรียนรู้คอร์สเสริมสวย หรือไปเรียนทำขนมเบเกอรี่ จากผู้ให้บริการในพื้นที่ เป็นต้น 2.เป็นแสงเทียนให้เด็กกลุ่มที่ต้องเผชิญกับปัญหา เช่น ยาเสพติด ปัญหาครอบครัว ซึ่งเด็กเหล่านี้เหมือนอยู่ในที่มืด เมื่อเขามีเทียนและเขาไฝ่ดีมากพอเขาจะมองเห็นทางออก ยิ่งได้ทำงานหาเงินได้ด้วยตนเอง ก็อยากจะต่อยอดการทำงาน เพราะเริ่มภาคภูมิใจในตัวเอง ฉะนั้นเงิน 4,000 บาทจึงมีคุณค่าและความหมายอย่างมากกับชีวิตของเด็กและเยาวชนคนหนึ่ง
นอกจากนี้ โครงการ ABE ยังมองไปถึงกลุ่มเด็กปฐมวัยที่จำเป็นจะต้องได้รับการส่งเสริมให้เกิดพัฒนาการที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจตามช่วงวัย โดยโครงการฯ นี้ ได้มีแนวทางในการขับเคลื่อนผ่านการพัฒนาคุณภาพของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (ศพด.) และพัฒนาทักษะทางวิชาการให้กับครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รวมถึงช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส ซึ่งถือว่าเป็นทุนสนับสนุนที่สำคัญและเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอันจะช่วยให้เด็กปฐมวัยเติบโหญ่อย่างมีคุณภาพ!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี