l “Respect” มีความหมายยิ่ง ที่ทำให้ครอบครัวและเพื่อนมิตรอยู่กันยืนยาว ด้วยรักและสุขร่วมกัน
Respect คือ
การเคารพ นับถือ ให้เกียรติ เชื่อใจ ไว้วางใจ เรียนรู้ เพื่อเข้าใจกันในจุดแข็ง และจุดอ่อน (ทางดี และทางไม่ดี) ชั่งใจ ยับยั้งใจคิดถึงข้อดีของกันและกัน ฯลฯ
1.เรื่องการครองเรือนของครอบครัว
ผม เป็นคนที่ชอบ สังเกต และพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้คน เพราะมีคุณค่า ผมได้มาจาก “ป๋า” ที่ในช่วงตอนเช้า มักจะเดินแกว่งแขน เดินไปเดินมาบริเวณหน้าบ้านและจะทักทาย “ผู้คนที่คุ้นเคย” ที่เดินผ่านไปผ่านมา ด้วยท่วงทำนอง เป็นกันเอง คุยสนุกสนาน ทำให้คนยิ้มรับ ด้วยความพอใจและผมก็ติดเอามาใช้ ซึ่งได้ผลดี ที่ทำให้เราได้ความคุ้นเคย และได้เรื่องราวดีๆ
สำหรับเรื่องนี้ ก็เกิดขึ้นจาก “นิสัยส่วนตัวนี้” คือเป็นประสบการณ์ส่วนตัว ที่เกิดขึ้น ในการคุยแลกเปลี่ยนกับ “สามีภรรยา” ที่สูงอายุ ที่เดินทางไปทัศนาจรท่องเที่ยว ทั้งเมืองไทยและต่างประเทศ
@ หลายคู่ ที่ผมเจอ ผมจะเข้าไปทักทาย
“Welcome to Thailand I come from Thailand.......”
ซึ่งส่วนใหญ่ จะหยุดคุยด้วย และผมก็จะเริ่มคุย โดยตั้งคำถาม ทำไม จึงครองรักกันมายาวนาน ดูแล้วมีความสุข ร่าเริง สบายใจดีเหลือเกิน
เขาและเธอ ที่มีอายุ กว่า ๗๐ ปีขึ้น บางคน ๘๐ กว่า จะชอบใจ และคุยกันต่อ ผมจะยิงคำถาม ว่า “ใคร จีบ ใคร ก่อน”
แปลก ที่ต่างฝ่ายจะเขิน และโบ้ย ไปยังอีกฝ่ายหนึ่ง
แล้ว ผมจะมาถึง “คำถามสุดท้าย”
“อะไร ที่ทำให้เขาและเธอ ครองรักกันมายาวนานได้เช่นนี้”
บางครั้ง ผม ใช้มุข “ส่งกระดาษ” ให้เขียน
เชื่อไหมครับ คำตอบส่วนใหญ่ คล้ายหรือเหมือนกัน
เป็นภาษาอังกฤษ ๗ ตัว
R E S P E C T
ฝาก เพื่อนมิตร และแฟนข่าวสาระ จาก “ปู่จิ๊บ” ลองนำไปคิดพิจารณา แล้วปฏิบัติดู
2.เรื่องของคนอื่น โดยเฉพาะ ในหมู่เพื่อนมิตร
@ คำนี้ เราจะไม่เห็น ในสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน”การสื่อสารในสังคมออนไลน์ หรือในห้องสนทนากัน
ที่มี “กรอบความคิดของตน” เชียร์และเข้าข้าง “คนที่คิดเหมือนตน” และ “รุม” ใส่คนอื่นๆ
ทั้งนี้ เพราะ เขา พวกเขา ขาด “Respect” ต่อกัน
ไม่เคารพกัน ไม่เคารพความจริง ไม่เชื่อใจ ไม่ไว้วางใจกัน หวังเอาชนะคะคานกันไม่ยับยั้งชั่งใจกันบางครั้ง จึงเกิด “อารมณ์ เดือดพล่าน เข้าใส่กัน”
ไม่ดีนะครับ นี่เป็นแค่ความคิดเห็น ในหมู่เพื่อน ทำไมต้องมีอารมณ์เช่นนั้น
เพื่อนรัก ควรมี RESPECT ต่อกัน ครับ
แต่ในความเป็นจริง “คนทั่วไป หรือเพื่อนมิตร” มีความใกล้ชิด หรือความสัมพันธ์ที่ต่างกัน กับ “ครอบครัว” ครอบครัว จะมีความสัมพันธ์ เกี่ยวดอง โยงใยกัน มากกว่า “เพื่อนมิตร”
-ความรัก ความผูกพัน
-ความอยู่ร่วมกัน
-กฎหมาย เป็น สามีภรรยา
-มีลูกหลานร่วมกัน
-มีทรัพย์สิน เงินทอง มรดกร่วมกัน
-การยอมรับ รับรู้ ของสังคม เพื่อนบ้าน
-ความจำเป็น หรือ จำต้องอยู่ร่วมกัน
ฯลฯ
แล้วสำหรับเพื่อนมิตร อะไรเล่าที่จะเป็นพื้นฐาน และการเชื่อมโยงใจกันระหว่างกัน
-ความเป็นเพื่อนมิตร ที่บางส่วนบางคน คบกันมายาวนาน ตั้งแต่เด็ก
-การมีประวัติศาสตร์ของชีวิต ที่สัมพันธ์ร่วมกันมา
-การช่วยเหลือเกื้อกูลกันมา
การเป็นเพื่อนที่ดี ตามหลักทิศเบื้องซ้าย ในทิศ ๖
การเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เรียกว่า กัลยาณมิตร
ดังนั้นความเป็นเพื่อนในทิศ ๖ ในฐานะที่เป็นมิตรสหาย ถึงปฏิบัติต่อมิตรสหาย
ผู้เปรียบเสมือน ทิศเบื้องซ้าย ดังนี้
๑.เผื่อแผ่แบ่งปัน
๒.พูดจามีน้ำใจ
๓.ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
๔.มีตนเสมอ ร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วย
๕.ซื่อสัตย์จริงใจ
มิตรสหายอนุเคราะห์ตอบตามหลักปฏิบัติดังนี้
๑.เมื่อเพื่อนประมาท ช่วยรักษาป้องกัน
๒.เมื่อเพื่อนประมาท ช่วยรักษาทรัพย์สมบัติของเพื่อน
๓.ในคราวที่มีภัย เพื่อนเป็นที่พึ่งได้
๔.ไม่ละทิ้งเพื่อนในยามทุกข์ยาก
๕.นับถือตลอดถึงวงศ์ญาติของเพื่อน
l หากพิจารณา ลักษณะของ มิตรแท้ 4
1.มิตรอุปการะ มีลักษณะ 4
๑.เพื่อนประมาท ช่วยรักษาเพื่อน
๒.เพื่อนประมาท ช่วยรักษาทรัพย์สินของเพื่อน
๓.เมื่อเพื่อนมีภัย เป็นที่พึ่งพำนักได้
๔.เมื่อเพื่อนมีกิจจำเป็น ช่วยออกทรัพย์ให้เกินกว่าที่ออกปาก
2.มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ มีลักษณะ 4
๑.บอกความลับแก่เพื่อน
๒.รักษาความลับของเพื่อน
๓.เมื่อเพื่อนมีภัยอันตรายไม่ละทิ้ง
๔.แม้ชีวิตก็สละให้ได้
3.มิตรแนะนำประโยชน์ มีลักษณะ 4
๑.เพื่อนจะทำชั่วเสียหาย คอยห้ามปรามไว้
๒.แนะนำสนับสนุนให้เพื่อนตั้งอยู่ในความดี
๓.ให้เพื่อนได้ฟังได้รู้สิ่งที่ไม่เคยได้รู้ได้ฟัง
๔.บอกทางสุขทางสวรรค์ให้เพื่อน
4.มิตรมีน้ำใจ มีลักษณะ 4
๑.เพื่อนมีทุกข์ พลอยไม่สบายใจ (ทุกข์ ทุกข์ด้วย)
๒.เพื่อนมีสุข พลอยแช่มชื่นยินดี (สุข สุขด้วย)
๓.เขาติเตียนเพื่อน ช่วยยับยั้งแก้ไขให้
๔.เขาสรรเสริญเพื่อน ช่วยพูดเสริมสนับสนุน
l แล้ว เพื่อนมิตร ที่คบกันมายาวนาน หรือบางคนมีประวัติศาสตร์ร่วมกันในอดีตทำไม และทำไม จึงมีอารมณ์ (ความขัดแย้ง) ต่อกัน
บางคน “อารมณ์รุนแรงมาก” ถึงกัน “ด่าว่ากัน”“กระแนะกระแหนกัน”
บางคน หันหน้าไปทางตรงกันข้าม ไม่คบกัน (พยายาม)ห่างเหินกัน ไม่พูดไม่คุยกัน รวมทั้ง มีความคิดในเชิงลบ และให้ร้ายกัน
l เรา (ทั้งฉันและเขาหรือเธอ)
ควรกลับมาทำความเข้าใจ อีกครั้งกับคำว่า “Respect”
“Respect” มีความหมายยิ่ง ที่ทำให้ครอบครัวและเพื่อนมิตร อยู่กันยืนยาว ด้วยรักและสุขร่วมกัน
Respect คือ
การเคารพ นับถือ ให้เกียรติ เชื่อใจ ไว้วางใจ เรียนรู้ เพื่อเข้าใจกัน ในจุดแข็ง และจุดอ่อน (ทางดี และทางไม่ดี) ชั่งใจ ยับยั้งใจคิดถึงข้อดีของกันและกัน ฯลฯ
และ Respect เป็นเรื่องของ “คน ๒ คน” : ฉัน และ เพื่อน
ทั้ง ๒ คน ต้อง มี Respect ซึ่งอาจจะมีเท่ากัน มากกว่า หรือไม่เท่ากัน ใครมีมากกว่า เป็นเรื่องดี มิใช่เป็นเรื่องเสียเปรียบ
และต้องมี ๒ ส่วน สำคัญ
๑.ความเข้าใจที่ถูกต้อง ต่อ “หลักการและความหมาย ของ Respect”อ่านและทำความเข้าใจ ให้ขึ้นใจ ให้เป็นนิสัย ที่เราสามารถนำมาใช้ได้ทันที
๒.กระบวนการในการสร้าง Respect ต่อกัน และปรับเข้าหากันอย่างต่อเนื่องต้องเริ่มต้น จากความรู้ ใช้สติปัญญา ความจริงและนำมาใช้ปฏิบัติได้จริง สรุปบทเรียน ปรับปรุงเป็นประจำ
l ยิ่งในยุคแห่งความขัดแย้ง ที่มีฝักฝ่าย มีอุดมคติ อุดมการณ์ และหรือผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งในระดับโลก ระดับประเทศ และในชุมชนของเรา รวมทั้งสังคมออนไลน์
เราต้องตระหนัก ถึงคุณค่าความหมายของ Respect และ Friendship โดย
๑.หลักการมองและเข้าใจปัญหา โดยใช้หลักวิทยาศาสตร์ Science คือ เรื่องที่เราจะไปเรียนรู้เข้าใจ ต้องมีที่มาที่ไป มีเหตุผล พิสูจน์ได้ทั้งไปและกลับ การใช้ “หลัก Non Science” คือความเชื่อ เชื่อในประวัติศาสตร์บอกเล่า เชื่อในบุคคลหนึ่ง และเกลียดแค้น ต่อ อีกบุคคล ๑ เป็น “พาหะ” ที่ทำให้เรา หลงผิด ได้ง่ายๆ และอีกประการ คือ “การติดหล่ม ของวาทกรรม มิตร และศัตรู” ถ้ามิใช่ มิตรก็ต้องเป็นศัตรูซึ่งเป็นเรื่องที่ผิด อย่างใหญ่หลวง
๒.ใครทำดี เขาก็จะได้รับผลดี เขาก็จะได้รับบุญนั้นและใครทำไม่ดี ทำชั่ว เขาก็จะได้รับผลกรรมนั้นเอง
๓.มิตรภาพและความเป็นมิตรสหาย ที่มีต่อกันมาอย่างยาวนาน มีคุณค่าความหมายต่อชีวิตเป็นเรื่องที่จะต้อง รักษา เก็บไว้ในความทรงจำไปตลอดชีวิตเพราะนี่เป็นเครื่องหมายของความเป็นคน
๔.ผลประโยชน์ของบ้านเมืองและประเทศชาติ เป็นเรื่องสำคัญของคนทั้งชาติ ซึ่งเราจะต้องรักษา ปกป้องไว้ด้วยชีวิต
l หลักที่นำมาใช้ ในชีวิตจริง
๑.เรา มิสามารถกำหนดได้ด้วยตนเอง ฝ่ายเดียวทั้งเราและเขาต้องร่วมสร้างความเข้าใจกัน
๒.ทำสิ่งที่ดีงาม และมีคุณค่า คือ ทำให้เกิดผลดีขึ้นกับเพื่อนมิตรสหาย ที่มีความต่างกัน ให้มากที่สุด หากทำไม่ได้ขอให้เรามีความคิดที่ดี ถูกต้อง คือ
(๑) เรายังต้องคิดด้วยความเป็นมิตรต่อเขา
(๒) หากเขายังเคืองแค้นไม่พอใจ เนื่องจากเรายังมี “อุดมคติ”ของเรา ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามเขา แต่เราอย่าไปตอบโต้ หรือ คิดร้ายกับเขา เราต้องให้โอกาสแก่เขา ช่วงนี้ เราต้องปล่อยเขาไปก่อน
(๓) หากเรามีโอกาส ที่จะทำดีกับเขา หรือ ให้กำลังใจต่อเขา เราก็ควรทำ เราจะมีความสุข ต่อการทำดีอาจจะเรียกว่า “การสร้างมิตรภาพทางเดียว” แต่ไม่เป็นไร ขอให้ใจสงบ มีสติ ปัญญา ก็พอ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี