เลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม. และ สก. ๕๐ เขตในวันอาทิตย์ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕
l กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงและนครที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย
เป็นศูนย์กลางการปกครอง การศึกษา การคมนาคมขนส่ง การเงินการธนาคาร การพาณิชย์ การสื่อสาร และความเจริญของประเทศ
ตั้งอยู่บนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเจ้าพระยามีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านและแบ่งเมืองออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี
กรุงเทพมหานครมีพื้นที่ทั้งหมด 1,568.737 ตร.กม.
มีประชากรตามทะเบียนราษฎรกว่า 6 ล้านคน (ตามความจริง มีใกล้ ๑๐ ล้านคน)ทำให้กรุงเทพมหานครจัดเป็นเอกนคร (Primate City)
l ผู้ว่าฯกทม. มีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศไทย
๑. ความสำคัญ ในฐานะการเป็นเมืองหลวง
ที่มีการรวมศูนย์อำนาจทางการเมือง (รัฐบาล รัฐสภา ศาล ฯลฯ)
เศรษฐกิจ (กลุ่มทุนใหญ่ ธุรกิจใหญ่กลาง น้อยฯ)
สังคม วัฒนธรรม (รวมศูนย์ความหลากหลายของประชาชน และประเพณีวัฒนธรรม)
การต่างประเทศ (สถานทูตของประเทศต่างๆ)
สื่อสารมวลชนต่างๆ ล้วนตั้งอยู่ในกทม. (เป็นจุดรวมศูนย์ของข่าวสารข้อมูลจริงเท็จ)
รวมทั้งจำนวนของประชาชนและที่ตั้งอยู่บริเวณ ศูนย์กลางของประเทศ
เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ มักจะเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ
ความสัมพันธ์และการเกี่ยวโยง กับ การเมืองท้องถิ่นอื่นๆ เช่น สก. ฯลฯ
รวมทั้ง พรรคการเมือง กลุ่มการเมืองกลุ่มนักวิชาการ กลุ่มทุนฯ
๒. ความสำคัญ ในลักษณะพิเศษ ในยุคปัจจุบัน
(๑) ความขัดแย้งทางการเมือง และความคิด ที่สูง และแหลมคมมากขึ้น
และเข้าสู่ชาวบ้าน โดยเฉพาะ เยาวชนคนรุ่นใหม่ฯ
(๒) การเชื่อมโยงกับ “อิทธิพลของมหาอำนาจ” ที่เข้าสู่เมืองไทยในระดับที่น่าห่วง
(๓) ความต้องการที่จะใช้ “การเข้าสู่อำนาจรัฐ ในกทม.” เป็นฐานการเมืองของพรรคกลุ่มการเมืองของตน หรือ เพื่อตนเอง (ให้ได้มีบทบาททางการเมืองต่อไป) (พิจารณาดูจาก”วัตถุประสงค์การสมัครเป็นผู้ว่าฯกทม.”ที่หลากหลาย)
(๔) การแตกแยก แบ่งเป็นฝ่ายต่างๆ และมีกลุ่มต่างๆ ในฝ่ายฯ โดยเฉพาะ ในฝ่ายค้านที่มีความคิดนิยมตัวบุคคล และอุดมการณ์ในระดับต่างๆ
(๕) ภารกิจสำคัญขอผู้ว่าฯกทม.อิทธิพลของ“นายทุนสามานย์” ที่ถูกศาลลงโทษ และหนีคดีไปซ่องสุมและบัญชาการ ชักใยต่อ พรรคการเมืองฝ่ายค้าน และกลุ่มต่างๆ
(๖) การได้รับตำแหน่ง ผู้ว่าฯกทม. หรือไม่ได้รับ รวมทั้งจำนวนคะแนนเสียงจะชี้ถึง ศักยภาพและบทบาทของนักการเมือง พรรคการเมือง และกลุ่มบุคคลในอนาคตอันใกล้นี้
l ภารกิจสำคัญบางอย่าง ที่ผู้ว่าฯกทม. ต้องแบกรับ
อยากเตือนคนกทม. ปีนี้มีงานใหญ่อยู่สองงาน ที่ผู้ว่าฯกทม.ต้องร่วมงานกับรัฐบาล คือ
๑. งานแรกเฉลิมฉลองพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
๒. งานที่สอง คือ การจัดประชุมสุดยอดเอเปก ปลายปี ที่จะมีผู้นำมหาอำนาจและผู้นำประเทศต่างๆ มาร่วมประชุมจำนวนมาก ซึ่งการจัดงานเป็นหน้าเป็นตา เป็นงานใหญ่ของประเทศไทย ในฐานะประเทศเจ้าภาพ การจัดงานต้องดีเลิศจะขลุกขลักไม่ได้
และที่สำคัญไม่น้อย คือ ผู้ที่เป็นผู้ว่าฯกทม. จะมีผลต่อการเลือกตั้งทั่วไป ที่จะมีขึ้นได้ในทุกโอกาส
หรืออย่างช้า ช่วงต้นปี ๒๕๖๖ ตามกำหนด
l ฉะนั้น ผู้สมัครฯ ที่ส่งลงในนามพรรค อิสระ หรือ อิสระเทียม (อีแอบ) ฯลฯ
จะทุ่มทุนหมดหน้าตัก ทุ่มตัวอย่างสุดกำลัง เอาชีวิต เป็นเดิมพันฯ
เรียกว่า “แพ้ไม่ได้”
ซึ่งจะก่อให้เกิด ปรากฏการณ์ที่อาจคาดไม่ถึง ที่มีผลเสียหายร้ายแรงต่อบ้านเมือง
ซึ่งเราจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
l มาดูกัน ถึง “บทบาทหน้าที่ของผู้ว่าฯกทม. บุคคลที่เคยเป็นผู้ว่าฯกทม. และ ผู้สมัครครั้งนี้
1. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
เป็นตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ
กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย มีที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง
มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี และดำรงตำแหน่งติดต่อกันได้ไม่เกิน 2 วาระ
2. อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (๑ มกราคม ๒๕๑๖ - ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๕)
ชำนาญ ยุวบูรณ์ • อรรถ วิสูตรโยธาภิบาล • ศิริ สันตะบุตร • สาย หุตะเจริญ • ธรรมนูญ เทียนเงิน • ชลอ ธรรมศิริ • เชาวน์วัศ สุดลาภา
• เทียม มกรานนท์ • อาษา เมฆสวรรค์ • จำลอง ศรีเมือง 1,2 • กฤษฎา อรุณวงษ์ ณ อยุธยา • พิจิตต รัตตกุล • สมัคร สุนทรเวช • อภิรักษ์โกษะโยธิน 1,2 • ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร 1,2 •
อัศวิน ขวัญเมือง (๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๙ - ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๕)
จากการแต่งตั้งของ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ปัจจุบัน นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัด กทม. รักษาการฯ (๒๔ มีนาคม ๒๕๖๕)
3. สรุปการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้มีผู้สมัครทั้งสิ้น 31 คน เป็นชาย 25 คนหญิง 6 คน
สังกัดพรรค ๕ คน นอกนั้น สมัครอิสระ
ผู้สมัครที่อายุมากที่สุด 75 ปี และอายุน้อยที่สุด 43 ปี
ขอต้อนรับ และให้กำลังใจ “ผู้สมัครทุกคน”
หมายเลขผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทั้ง ๓๑ คน
๑. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร พรรคก้าวไกล
๒. พ.ท.หญิงฐิฏา รังสิตพล มานิตกุล
๓. นายสกลธี ภัททิยกุล
๔. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ พรรคประชาธิปัตย์
๕. นายวีรชัย เหล่าเรืองวัฒนะ
๖. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง
๗. นางสาวรสนา โตสิตระกูล
๘. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อิสระเทียม
๙. นางสาววัชรี วรรณศรี
๑๐. นายศุภชัย ตันติคมน์
๑๑. น.ต.ศิธา ทิวารี พรรคไทยสร้างไทย
๑๒. นายประยูร ครองยศ
๑๓. นายพิศาล กิตติเยาวมาลย์
๑๔. นายธเนตร วงษา
๑๕. พล.อ.ต.ทูตปรีชา เลิศสันทัดวาที
๑๖. นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์
๑๗. นายอุเทน ชาติภิญโญ
๑๘. นางสาวสุมนา พันธุ์ไพโรจน์
๑๙. นายไกรเดช บุนนาค
๒๐. นางอมรพรรณ อุ่นสุวรรณ
๒๑. นายนิพัทธ์พนธ์ สุวรรณชนะ
๒๒. นายวรัญชัย โชคชนะ
๒๓. นายเฉลิมพล อุตรัตน์
๒๔. นายโฆสิต สุวินิจจิต
๒๕. นายประพัฒน์ บรรจงศิริเจริญ
๒๖. พล.ต.ท.มณฑล เงินวัฒนะ
๒๗. นายภูมิพัฒน์ อัศวภูภินทร์
๒๘. นายสราวุธ เบญจกุล
๒๙. นายกฤตชัย พยอมแย้ม พรรคประชากรไทย
๓๐. นายพงศา ชูแนม พรรคกรีน
๓๑. นายวิทยา จังกอบพัฒนา
ทั้งนี้ หลังจากปิดรับการสมัครจะมีการดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และจะประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ภายใน 7 วัน นับแต่วันปิดรับสมัคร
คือวันที่ 11 เม.ย. 2565
หลังจากประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแล้ว
หากผู้สมัครไม่มีรายชื่อสามารถยื่นคัดค้านได้ ภายใน 3 วัน คือวันที่ 14 เม.ย.2565
4. การหาเสียง
นอกจากนี้ ผู้สมัครสามารถดำเนินการหาเสียงเลือกตั้ง โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย ยูทูบ แอปพลิเคชั่นอีเมล SMS หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ประเภทอื่นๆ ได้
จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 21 พ.ค.2565
ในส่วนผู้สมัครรับสก. 50 เขต มีทั้งสิ้น 382 คน
การเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) ปี 2565 ต่างจากการเลือกตั้ง สก.หนล่าสุดเมื่อ 12 ปีที่แล้ว
จาก 50 เขต สก. 61 คน ลดเหลือ 50 เขต สก. 50 คน
โดยไม่มีสมาชิกสภาเขต (สข.)
@ บทบาทของ สก. ทั้งสังกัดพรรคการเมือง และอิสระ มีผลต่อ “คะแนนเสียงของผู้ว่าฯกทม.”
คือ “ผู้ว่าฯกทม. และ สก.” มีผลกระทบซึ่งกันและกัน
และในสภาพการเมืองกทม. คือ สก. ในปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่พอควร
๑. ความขัดแย้งที่ร้าวลึกในบางพรรค ที่ทำให้ “แกนนำ” ที่มีบทบาทในกทม. และประเทศแยกตัวออกมา ตั้งพรรคใหม่ โดยมีฐานเสียง สก. จำนวนหนึ่ง ที่ย้ายมาสังกัด
และมี สก. ที่สังกัดพรรคการเมือง ย้ายพรรค ออกไปสังกัดพรรคอื่นๆ
๒. การลงสมัคร สก. ครั้งนี้ มีทั้ง สังกัดพรรค กลุ่ม และ อิสระที่สำคัญคือ
พรรคการเมือง พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์
พรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคก้าวไกล และกลุ่มรักษ์ไทย
จำนวน สก. ในแต่ละพรรค และ กลุ่มฯ จะมีผลสำคัญต่อการเลือกผู้ว่าฯกทม.
๓. การลงคะแนนของชาวกรุงฯ จะมีความแตกต่าง และไม่เป็นเอกภาพ คือ
ความเป็นเอกภาพ ต้องเลือกเหมือนกัน คือ พรรค ที่ส่ง ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. และ ผู้สมัคร สก.
ความไม่เป็นเอกภาพ คือ เลือกต่างกัน ระหว่าง ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. กับ ผู้สมัคร สก.
l การสมัครในนามพรรค และ ในนามอิสระ มีข้อดี และข้ออ่อนอย่างไร
พรรคการเมือง และนักการเมืองระดับรัฐมนตรี ฯลฯ มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาล
เนื่องจากการบริหาร กทม.ต้องสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล
เพื่อทำงานร่วมกันและตอบสนองนโยบายการพัฒนาให้เป็นทิศทางเดียวกันด้วยดี
l การสมัคร อิสระ
เพราะ
๑. ไม่มีพรรคลง หรือ มีความเห็นต่างจากพรรคที่มีอยู่
๒. พรรคการเมืองที่มีอยู่ มีความขัดแย้งหนัก จึงต้องการจะได้คะแนนจากฝ่ายที่เป็นกลาง
๓. เป็นการสมัครอิสระเทียม เพราะมีข้อตกลง กับพรรคการเมืองที่จะเทคะแนนให้อยู่แล้ว
ข้อดี : สามารถทำงานได้กับทุกพรรคทุกฝ่าย
ข้ออ่อน : ทำงานได้ยาก เพราะไม่มี พรรค หรือ สก. สนับสนุน
l ผู้สมัครในนามพรรคการเมือง
มีความสัมพันธ์และเชื่อมโยงกับพรรค ทางนโยบาย
หากเหมือนกับรัฐบาล (ร่วมกันได้)
หากต่างกัน จะมีปัญหาการทำงานไม่น้อย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี