ถึงแม้ว่าการเป็นประชาธิปไตยของราชอาณาจักรไทยจะลุ่มๆ ดอนๆ จากพฤติกรรม และการปฏิบัติของนักการเมืองทุกระดับ รวมทั้งระบบราชการที่ยังรวมศูนย์อำนาจและกฎหมายรัฐธรรมนูญตลอดปี 2560 ที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังไม่ได้มืดมนไปเสียหมด เพราะ “ใครใคร่ค้า” ก็ยังมีชีวิตชีวาอยู่ สื่อก็ยังทำหน้าที่อย่างแข็งขันในการติดตามเรื่องราวต่างๆ อีกทั้งสังคมโซเชียลมีเดียก็แสนจะคึกคักในการเป็นพลัง การปกป้องความถูกต้องยุติธรรม และกดดันให้ฝ่ายการบ้านการเมืองให้อยู่ในร่องในรอย
ชาวไทยโดยทั่วไป แม้เศรษฐกิจจะฝืดเคืองหน่อย แต่ก็ยังมีความเป็นอิสระเสรีในการสัญจรไปมา และหาความบันเทิงหรรษาได้อย่างกว้างขวาง ไม่ตกหล่นในเรื่องการเฉลิมฉลองต่างๆ จึงจัดได้ว่า ไทยเรายังเป็นสังคมที่เป็นเมืองยิ้มแย้มแจ่มใสต่อกันและกัน และโอบอ้อมอารี มีมิตรจิตมิตรใจต่อผู้ที่มาต่างถิ่น โลกทั้งโลกก็ยังอยากมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยและทำความรู้จักมักจี่กับวิถีชีวิต และการต้อนรับขับสู้ด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
โดยทั่วไป สังคมไทยยังจัดได้ว่าเป็นสังคมที่เปิด และผู้บริหารบ้านเมืองก็ยังมีทีท่าที่จะรับฟังข้อติชมต่างๆ นานา อยู่ที่สำคัญฝ่ายค้าน หรือฝ่ายเสียงข้างน้อยในสภา ฝ่ายผู้ที่เห็นต่างหรือเห็นตรงกันข้ามกับฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายผู้ที่เสนอทางเลือก ทางออก ให้กับสังคม ซึ่งโดยองค์รวมภาษาอังกฤษใช้คำว่า The Opposition ก็ยังมีบทบาทอย่างแข็งขันในเวทีการบ้านการเมือง บ่งบอกว่าความเป็นประชาธิปไตยของราชอาณาจักรไทยนั้นมีความเป็นจริงเป็นจังจับต้องได้
ดังนั้น สังคมประชาธิปไตยในทุกสังคม จึงต้องมีฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เอาจริงเอาจัง และในเชิงสร้างสรรค์ มิใช่ทำงานแบบ “ค้านตะบัน” หรือพวกมากลากไป หรือเอามันอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาต่อสังคมโดยองค์รวม
ฝ่ายค้านต้องคัดค้านฝ่ายรัฐบาล (ในเรื่องที่ตนเองไม่เห็นด้วย) ด้วยเหตุด้วยผล และด้วยข้อมูลข้อเท็จจริง แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อค้านแล้ว ก็จะต้องมีข้อเสนอ หรือทางเลือกให้กับสาธารณชนด้วย
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาของกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่มีการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลนั้น บรรดาฝ่ายค้าน รวมทั้งพรรคการเมืองในฝ่ายรัฐบาลก็ได้แสดงความประสงค์ที่จะให้มีการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อตัดสาระเนื้อหาที่เป็นอุปสรรคต่อสังคมประชาธิปไตย และเสริมสร้างความก้าวหน้าของการเป็นสังคมประชาธิปไตยของราชอาณาจักรไทย
ในขณะเดียวกัน ก็มีการกล่าวหาการสืบทอดอำนาจของฝ่ายกองทัพและ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการบ้านการเมืองของราชอาณาจักรไทย ซึ่งก็เป็นสิทธิอันชอบธรรม แต่ก็ไม่เป็นการเพียงพอ เพราะว่าเมื่อแสดงออกว่า ไม่ชอบ หรือไม่ต้องการ สิ่งหนึ่งสิ่งใดนั้น ก็จะต้องเสนอมาด้วยว่า แล้วจะมีข้อเสนอแก้ไขอย่างไร และด้วยเหตุผลใดด้วย
จนบัดนี้ สังคมไทยก็ยังไม่ได้รับทราบจากพรรคฝ่ายค้านว่า พวกท่านอยากจะตัดข้อความสาระเนื้อหาอะไรบ้างของกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 และจะมีข้อเสนอใหม่ๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างความเป็นประชาธิปไตยของสังคมไทยอย่างไรบ้าง หรือหากเห็นว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่มีฝีไม้ลายมือในการบริหารราชการและนำพาประเทศ ก็จะต้องพูดออกมาให้แน่ชัด และจะมีข้อเสนอที่ดีกว่าอย่างไร
การแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับสัดส่วนระหว่างระบบบัญชีรายชื่อ กับระบบเขตเลือกตั้ง หรือการปรับเขตเลือกตั้ง หรือวิธีการกาบัตรหนึ่งใบ
หรือสองใบนั้น ก็เป็นการแก้ไขที่ดูผิวเผินเป็นไปด้วยความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างพรรคการเมืองด้วยกันมิได้เกี่ยวกับสาระเนื้อหาของการเสริมสร้างของความเป็นสังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ทั้งหมดเป็นเรื่องผลประโยชน์ของพรรคการเมืองมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชนพลเมืองและประเทศชาติ เพราะฉะนั้นการเป็นฝ่ายค้านจึงต้องมีสาระเนื้อหาและมีทางเลือกที่ดีกว่าให้กับสังคมและประชาชน บทบาทที่เต็มไปด้วยสาระเนื้อหาและความเอาจริงเอาจังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งมั่นคงของระบอบประชาธิปไตย ฝ่ายค้านจึงเป็นของที่คู่ควรกับสังคมประชาธิปไตย และฉะนั้นต้องทำตนให้เป็นที่นับหน้าถือตา เชื่อถือ และไว้วางใจ
ทั้งนี้ ก็ต้องตระหนักว่า การได้เป็นฝ่ายค้านก็ถือว่าเป็นเรื่องของความมีโชค เพราะสามารถที่จะแสดงบทบาทได้อย่างเต็มที่ และยังเป็นโอกาสที่จะได้กลับมาเป็นฝ่ายรัฐบาล เพราะในหลายๆ ประเทศรอบๆ บ้านไทยเรานั้น ฝ่ายค้านไม่สามารถมีบทบาทใดๆ ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นที่กัมพูชา ลาว เวียดนาม และเมียนมา หรือจะไปให้ไกลออกไปหน่อยก็จะมี ศรีลังกา จีน รัสเซีย บรูไน และอิหร่าน เป็นต้น
เราคงไม่ต้องการที่จะอยู่ในสังคมที่ไม่มีฝ่ายค้านเพราะนั่นหมายถึง การเป็นสังคมที่ไร้ความเป็นประชาธิปไตยหรือเป็นสังคมที่ประชาธิปไตยล่มสลาย
เมื่อประเทศไทยเราเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านมีบทบาทแล้ว ก็สมควรที่จะมุ่งทำหน้าที่ให้เต็มที่ และทำอย่างถูกต้องเหมาะสม เพราะหาไม่แล้ว ก็คงจะเป็นการทำลายตนเอง และทำลายประชาธิปไตยไปด้วย
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี