“หนังสือพิมพ์แนวหน้า www.naewna.com สื่ออุดมการณ์ มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม ย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงให้ปรากฏ ให้สังคมรู้เท่าทันเท่าเทียมนักการเมืองนักเลือกตั้ง” เริ่มต้นกับวิบากกรรมซ้ำซ้อนของพรรครัฐบาล...
nn นับจาก “เจ้าแม็กซ์-สุนัขอกตัญญูตามวาทกรรมของสัมภเวสีโอปปาติกะหนีคุก–โทนี่ วู้ดซัม” ที่ถูกผู้หวังดีประสงค์ร้ายอัดคลิปสนทนาระหว่าง “จุรีพร สินธุไพร” อดีตสส.พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง และผู้กว้างขวางจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ได้รับความไว้วางใจจาก “อัศวินคลื่นลูกที่สาม” มานานนมกับ“ไอ้แม็กซ์–ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์” อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีเจ้าของฉายา “แรมโบ้อีสาน” ที่มีเรื่องเงิน 15 ล้านบาทกับโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นข้อสนทนาพ่วงเข้ามาระหว่างการดำรงสถานะเป็น “ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา” ทำเอาสังคมเกิดความกังขาเคลือบแคลง แต่ “แรมโบ้อีสาน” ก็ตัดไฟแต่ต้นลมทิ้งเก้าอี้ทุกเก้าอี้ป้องกันข้อครหาพาดพิง “ไต้ก๋งชรา–พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีแบบไม่มีประวิงเวลา ชักเชื่อแล้วว่าครั้งที่แล้ว เจ้าแม็กซ์อกตัญญูอย่างมีสติสามัญสำนึก เพราะเจ้านายร้าย ต่างจากครั้งนี้เจ้านายแสนดีทำเพื่อบ้านเมืองไม่คดไม่โกงไม่หลอกลวงประชาชนสมควรต้องปกป้อง...
nn โพลล์ที่มีออกมาเกือบจะดีอยู่แล้วเชียว “พรรคประชาธิปัตย์” สถาบันพรรคการเมืองเก่าแก่ยืนยงของประเทศไทย ดันมาพลาดก่อนการตัดสิน “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” เจอ “ปริญญ์เอฟเฟกท์” ทำคะแนนนิยมร่วงยับเยิน ยังเจอดาบสอง “คนจัญไร” เอาเรื่อง “ศาสนา” มาสร้างกระแสปล่อยคลิปเฟคนิวส์ตัดต่อหวังสร้างความเสียหายอย่างมีนัยกรณีทำบุญครบ 76 ปี พรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผมที่อ้างกันว่าทำพิธีสักการะด้วยศาสนาอิสลามศาสนาเดียวล้วนๆ ทั้งที่ข้อเท็จจริงแล้วทำพิธีครบสามศาสนา ทั้งพุทธ ทั้งพราหมณ์ และอิสลาม ซึ่งก็ปฏิบัติตามนี้มาทุกยุคทุกสมัยทำเอา “อู้ดด้า–จุรินทร์ลักษณวิศิษฎ์” ต้องประกาศขอความกรุณาหยุดแชร์เฟคนิวส์นี้เสียที ไม่อย่างนั้นจะเจอข้อหา “นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตามมาตรา 14 งานนี้โทษจำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ”...
nn “พรรคสร้างอนาคตไทย” ของ “สี่กุมาร-อุตตม สาวนายน, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, สุวิทย์ เมษินทรีย์ และ กอบศักดิ์ ฟูตระกูล” ที่มีคนรุ่นใหม่จากทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมขยับองคาพายพ ซึ่งคนสายพันธุกรรม “จาตุศรีพิทักษ์” มากหน้าหลายตาที่สุดก็ประกาศตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคแล้วคือ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” งานนี้เปลี่ยนบริบทเลิกกระมิดกระเมี้ยนเสียทีแต่ฝันให้ไกลจะไปได้ถึงหรือไม่ ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้นเป็นผู้พิจารณาส่วนวาทกรรมนี้ก็เกินไป “ลั่นหากการเมืองวันนี้แก้ปัญหาลุล่วง เราไม่จำเป็นต้องเข้ามา ก็กลุ่มท่านเป็นอณูหนึ่งในการเข้ามาบริหารประเทศในช่วงต้นมิใช่หรือ ถ้าเช่นนั้นพวกท่านมีส่วนสร้างปัญหาและแก้ไขให้เสร็จลุล่วงไปไม่ได้ จริงหรือไม่” อย่าเอาดีใส่ตัว ชั่วให้คนอื่นเลย...
nn ด้าน “พรรคไทยสร้างไทยของเจ๊หน่อย-คุณหญิงสุดารัตน์เกยุราพันธุ์ อดีตติ่งสำคัญในระบอบทักษิโณมิกส์หรือ ระบอบทักษิณ” ที่วันนี้เห็นโอกาสของตนเองตั้งพรรคการเมืองสู้ศึกเลือกตั้ง ประกาศชัดนโยบาย จัดตั้ง “กองทุนเครดิตประชาชน” หวังให้ประชาชนคนไทย เข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำที่เป็นธรรม และจะใช้ “กรุงเทพมหานคร”เป็นพื้นที่นำร่องหาก “ผู้พันปุ่น-นาวาอากาศตรีศิธา ทิวารี”สร้าง “ปาฏิหาริย์” ชนะการเลือกตั้ง เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้สำเร็จ ทั้งยังจะมีกองทุนอื่นๆ อีกอาทิ กองทุน Start Up ที่ให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสสร้างตัวสร้างรายได้เข้าประเทศ กองทุนวิสาหกิจชุมชน ที่จะสร้างโอกาสให้เกษตรกรและลูกหลานได้ทำธุรกิจบนพื้นที่และภูมิปัญญาของตนเอง ทั้งการแปรรูปต่อยอดโอท็อป กองทุนธุรกิจท่องเที่ยว และสุดท้ายที่คาดว่าจะเป็นไฮไลท์คือ “กองทุนคนเครดิตประชาชนตัวเล็ก” ที่ขาดสภาพคล่องหนักขณะที่หนี้ครัวเรือนสูง ได้มีโอกาสกู้เงินเพื่อเป็นทุนในการสร้างอาชีพในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ในการกู้วงเงินเริ่มต้น 5,000-50,000 บาท/ราย โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันผ่อนชำระตั้งแต่ 6 เดือน-3 ปี...
nn บรรทัดนี้ “ไม้หน้าสาม” นึกถึง “พรรคทางเลือกใหม่”ที่มี “ราเชนทร์ ตระกูลเวียง” เป็นหัวหน้าพรรค มี “สรสินธุ์ ไตรจักรภพ” เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค กับนโยบาย “เงินทุนเจ้าบ้าน” ที่มีวงเงินเริ่มต้นที่ 36,000 บาทกำหนดอัตราและเวลาการผ่อนชำระเองที่จะใช้เป็นนโยบายหลักในการสู้ศึกเลือกตั้งที่จะถึงในอีกไม่ช้าไม่นานนี้...
nn สรุปผลดำเนิน “โครงการคนละครึ่งเฟส 4” ที่จะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 30 เม.ย.2565 นี้ มียอดใช้จ่ายสะสมจนถึงวันที่ 19 เม.ย. ทั้งสิ้น 58,865.1 ล้านบาท จากสมาชิกกลุ่มเดิม จำนวน 25.46 ล้านราย ขณะที่สมาชิกกลุ่มใหม่8.4 แสนคน มียอดการใช้จ่าย 1,752.7 ล้านบาท รวมสองกลุ่ม 26.26 ล้านราย ยอดใช้จ่าย 60,617.8 ล้านบาท แยกเป็นยอดใช้จ่ายของประชาชน 30,863.4 ล้านบาท และ รัฐจ่ายสนับสนุน 29,754.4 ล้านบาท ส่วนโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ที่เข้าสู่การพิจารณาของครม. เมื่อวันที่ 19 เม.ย. นั้นได้ให้แนวทางการดำเนินโครงการแล้ว แม้จะมีกระแสวิจารณ์โจมตีอยู่บ้างก็ตามไม่นานเกินรอ...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี