แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา…
nn ในปัจจุบันนี้ปรากฏว่าได้มีการใช้ถ้อยคำออกจะฟุ่มเฟือย และไม่ตรงกับความหมายอันแท้จริงอยู่เนืองๆ ทั้งออกเสียงก็ไม่ถูกต้องตามอักขรวิธี ถ้าปล่อยให้เป็นดังนี้ ภาษาของเราก็มีแต่จะทรุดโทรม ชาติไทยเรามีภาษาของเราใช้เองเป็นสิ่งอันประเสริฐอยู่แล้ว เป็นมรดกอันมีค่าตกทอดมาถึงเราทุกคนจึงมีหน้าที่จะต้องรักษาไว้... (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 9 กรกฎาคม 2502)…
nn ย้ำเตือนให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้งว่า ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไปกระทรวงพลังงานจะยุติการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ลิตรละ 30 บาท ดังนั้น ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่า หลังจากนั้นราคาน้ำมันดีเซลจะเพิ่มเป็นลิตรละเท่าไร บ้างก็บอกว่าจะเพิ่มเป็นลิตรละ 35 บาท บ้างก็บอกว่าจะเพิ่มเป็นลิตรละ 38 บาท หลังจากวันที่ 20 พฤษภาคม เมื่อกรมสรรพสามิตเลิกใช้มาตรการอุ้มน้ำมันดีเซล แต่บางแหล่งก็บอกว่าราคาอาจจะสูงถึง 40 บาทต่อลิตร หากไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ จากรัฐบาล…
nn ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าโดยรถบรรทุกในนามสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ซึ่งอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ในฐานะประธานสหพันธ์ฯ ให้ข่าวว่าจะต้องปรับขึ้นค่าบริการขนส่งอย่างแน่นอนหลังราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นเกินลิตรละ 30 บาท เพราะเมื่อต้นทุนการดำเนินการเพิ่มขึ้น ก็ต้องขึ้นค่าบริการอย่างแน่นอน อภิชาติบอกว่าจะออกมาแฉให้สังคมทราบเรื่องกลไกราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะมีความน่าสงสัยหลายประการ พร้อมบอกด้วยว่าภายในเดือนเมษายนนี้ ทางผู้ขับรถบรรทุกจะออกไปประท้วงอีกอย่างแน่นอน พร้อมบอกด้วยว่ารองนายกรัฐมนตรี สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ในฐานะ รมว.พลังงาน มองไม่เห็นปัญหานี้ และไม่สามารถแก้ปัญหาได้…
nn อภิชาติเสนอให้รัฐบาลหาทางลดราคาน้ำมันดีเซลด้วยวิธีต่อไปนี้ คือตัดส่วนผสมไบโอดีเซลออกทั้งหมดจากน้ำมัน จะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลลดลงลิตรละประมาณ 2 บาท เก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลรถยนต์ให้เท่ากับที่เก็บจากน้ำมันสำหรับเครื่องบิน จะลดราคาได้อีกลิตรละ 4-5 บาท และขอให้รัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซลต่อไปที่ลิตรละ 30 บาท หรือถ้าจะให้ดีก็ตรึงราคาไว้ที่ลิตรละ 25 บาท…
nn เชื่อว่าเมื่อรัฐบาลได้ฟังคำเสนอประเภทมองมุมเดียวจากประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกฯ แล้วก็คงได้แต่เกาศีรษะ แต่ก็แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะรัฐบาลเองก็หมดปัญญาหาน้ำมันราคาถูกมาให้ประชาชนใช้ แล้วก็มีคำถามตามมาอีกว่า หากรัฐบาลยังคงอุ้มราคาน้ำมันดีเซลต่อไป รัฐบาลจะต้องกู้เงินอีกกี่หมื่นกี่แสนล้านบาทมาโปะแล้วภาระหนี้สินก็จะบังเกิดกับคนทั้งแผ่นดินต่อไปอีกมากมายมหาศาล แล้วก็ยังมีอีกหลายคำถามตามมาคือ หากรัฐบาลพยุงราคาน้ำมันเพื่อช่วยกลุ่มผู้ขับรถบรรทุกแล้ว มั่นใจหรือว่าราคาสินค้าและบริการในประเทศไทยจะไม่ขึ้นอีกต่อไป ส่วนคำถามต่อๆ ไปก็คือถ้าหากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงในอนาคต ผู้ประกอบการขับรถขนส่งสินค้าจะลดราคาค่าบริการลงหรือไม่ หรือว่าเรียกร้องให้ช่วยตัวเองเฉพาะยามที่ราคาน้ำมันแพง แต่เวลาราคาน้ำมันถูกลงก็ไม่ยอมคืนส่วนต่างให้กับประชาชน…
nn ขอย้ำว่าต้นทุนการผลิตสินค้าทุกชนิดไม่ได้อยู่ที่การขนส่งสินค้าเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ ค่าแรง ค่าเช่าพื้นที่ ค่าเครื่องจักร และอีกสารพัดปัจจัย ดังนั้น ผู้ประกอบการขนส่งสินค้ากล้ายืนยันหรือว่าหากรัฐบาลช่วยกลุ่มผู้ขับรถบรรทุกสินค้าแล้ว ราคาสินค้าในบ้านในเมืองของเราจะไม่ปรับราคาขึ้นอีก กล้ารับประกันหรือไม่ล่ะ…
nn อ้อ! แต่มีประเด็นหนึ่งที่ประธานสหพันธ์ฯ อ้างแล้วน่าสนใจมากคือ เรื่องที่บอกว่ารัฐบาลมีสต๊อกน้ำมันราคาถูกอยู่จำนวนมาก แต่ไม่นำน้ำมันในสต๊อกออกมาใช้ แต่ยังคงเก็บเอาไว้เฉยๆ ในยามนี้ เรื่องนี้อภิชาติคิดว่าเป็นการฉ้อฉล คำถามคือประเด็นนี้รัฐบาลจะชี้แจงอย่างไร ประเทศไทยมีสต๊อกน้ำมันที่ซื้อมาในช่วงที่น้ำมันราคาถูกมากมายกี่หมื่นกี่แสนล้านลิตร รัฐบาลต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้กระจ่างด้วย…
nn ส่วนชาวไร่ชาวนาที่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีในการทำการเกษตรก็ร้องระงมบ่นว่าราคาปุ๋ยเคมีเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จากเดิม 700 บาท เป็น 1,750 บาท (ข่าวนี้มาจากชาวนาทุ่งกุลาร้องไห้ร้องเรียนเรื่องกับหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แห่งพรรคไทยสร้างไทย) เมื่อบวกกับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงแพงเข้าไปอีก ก็ทำให้ต้นทุนการผลิตข้าวต่อไร่เพิ่มเป็น 3,750 บาท ในขณะที่ขายข้าวได้กิโลกรัมละ 8 บาท ซึ่งก็ตกตันละ 8 พันบาท หักลบกลบหนี้แล้วไม่เหลือกำไร ว่าแล้วก็เรียกร้องให้รัฐบาลหาทางลดราคาปุ๋ย แต่ในข่าวบอกว่าสุดารัตน์แนะว่าต้องปลูกข้าวอินทรีย์แทนการใช้ปุ๋ย แต่ก็ประหลาดตรงที่สุดารัตน์บอกว่าต้องให้ประเทศไทยผลิตปุ๋ยเคมีในประเทศ เพื่อทดแทนการนำเข้าปุ๋ย ฟังสุดารัตน์พูดเรื่องนี้แล้วบอกได้คำเดียวว่าสับสนมาก ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่จ๊ะ จะเน้นข้าวอินทรีย์ หรือเน้นข้าวที่ใช้ปุ๋ยเคมี เอาให้ชัดด้วยเจ๊…nn
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี