“หนังสือพิมพ์แนวหน้า สื่ออุดมการณ์ มั่นคง ตรงไป ตรงมา www.naewna.com” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสามย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงให้ปรากฏ ให้รู้เท่าทันนักเลือกตั้งนักการเมืองชังชาติอย่างเท่าเทียม” เริ่มกันที่ “โศกนาฏกรรม” ย่าน “ถนนเศรษฐศิริ” เพราะพิษ “ปริญญ์เอฟเฟกท์” ทำเอาสมาชิกพรรครุ่นเล็กรุ่นใหญ่ตะเกียกตะกายหนีตายทางการเมืองทิ้งพรรคกันโกลาหลวุ่นวาย… แต่นี่คือบทพิสูจน์ “เลือดข้นคนประชาธิปัตย์” ไม่ทอดทิ้งถีบหัวส่งพรรคในยามเกิดภัยพิบัติเข้าใกล้ยุคล่มสลาย!! เหมือนประวัติศาสตร์การเมืองช่วง “ตุลาประชาธิปไตย เมื่อ 5 ทศวรรษ” ที่ผ่านมา เชื่อมั่นว่า “มีดโกนอาบน้ำผึ้ง อย่าง นายหัวชวน หลีกภัย” ผู้อาวุโสของพรรคคงจำได้และเข้าใจหนทางปฏิบัติแก้ไขเพื่อให้ “ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม” เป็นสถาบันการเมืองอยู่กับสังคมไทยได้อย่างมั่นคงต่อไปด้วย “สจฺจํ เว อมตา วาจา” คำขวัญที่สมาชิกพรรคทุกคนท่องจำได้อย่างคงมั่น เหมือนอย่างที่ได้โพสต์สะกิดเตือนสติผู้บริหารและสมาชิกพรรคที่ว่า “อย่ากลัวปัญหา เมื่อมีปัญหา อย่าหนีปัญหา”… การตัดสินใจเทพรรคประชาธิปัตย์ของ “วิทยา แก้วภราดัย” ด้วยปัญหาที่ “นายหัวชวน หลีกภัย” ให้แก้ไขอย่าหนี ย่อมทำลายศรัทธาแฟนคลับปชป. ไม่มากก็น้อย “วิทยา” ย้ายก้นจากพรรคพลังธรรมมาเข้าชายคาประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งปี 2538 พร้อม “ชำนิ ศักดิเศรษฐ์” นักการเมืองสายสังคมนิยมใหม่ อดีตลูกพรรคของ “พันเอกสมคิด ศรีสังคมหัวหน้าพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย และ ดร.บุญสนอง บุณโยทยานเลขาธิการพรรค” ที่ชีวิตกลายเป็นเหยื่อ “จักรวรรดินิยม” ที่ลอบสังหารดาวดิ้นในเดือนมกราคม 2518 ซึ่งทำให้นครศรีธรรมราชกลายเป็นเมืองหลวงในปักษ์ใต้ของพรรคประชาธิปัตย์กวาดทุกที่นั่งในพื้นที่เลือกตั้งตลอดมา ทำให้การเลือกตั้งครั้งต่อไปน่าจับตามองมากขึ้นว่า “พรรคประชาธิปัตย์จังหวัดนครศรีธรรมราช” ในยุคที่ไม่มี “สุรินทร์ พิศสุวรรณ” ไม่มี “วิทยา แก้วภราดัย” ไม่มี “สุรเชษฐ์ มาศดิตถ์” และตระกูลมาศดิตถ์ให้การสนับสนุนยังจะยึดครองศรัทธาแฟนคลับเป็นเมืองหลวงปักษ์ใต้ได้ต่อไปหรือไม่...
nn วันนี้ของพรรคประชาธิปัตย์อาจจะเหมือนครั้งหนึ่งที่“สมัคร สุนทรเวช ขุนพลปชป.ยุคเตมีย์ใบ้ ฤๅษีเลี้ยงลิง” อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถึงแก่อนิจกรรมไปในปี 2552 ยกทีมพร้อมสมาชิกพรรคระดับแกนนำลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ศรัทธาตกต่ำ จากเหตุการณ์ปิดล้อมปราบปรามนักศึกษาบริเวณลานโพธิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (6 ตุลา 19) จนกระทั่งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของ “เตมีย์ใบ้ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช” ถูกคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินภายใต้การนำของ “บิ๊กจอวส์–พลเรือเอกสงัด ชลออยู่” ยึดอำนาจก่อนแต่งตั้ง “ธานินทร์ กรัยวิเชียร”เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะกระทำรัฐประหารอีกครั้งในปี 2520 และให้“อินทรีแห่งทุ่งบางเขน–พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์” เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนจัดการเลือกตั้งใน ปี 2521 ซึ่ง “พรรคประชากรไทย”ของ “สมัคร สุนทรเวช”และอดีตสมาชิกพรรคปชป.นำสังกัดใหม่โค่นปชป. จนสูญเสียที่มั่นพรรคในกรุงเทพมหานครแทบสูญพันธุ์อย่างน่าใจหาย...
nn พรรคประชาธิปัตย์ สถาบันลูปการเมืองที่เสมือนแมวเก้าชีวิต แตกแล้วโต โตแล้วแตก เยี่ยงนี้ตลอด “8 หัวหน้าพรรค” นับจาก “ควง อภัยวงศ์” จนถึง “จุรินทร์ลักษณวิศิษฎ์” และ “15 เลขาธิการพรรค นับจาก “หม่อมป้า ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ปราโมช ถึง เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย ศรีอ่อน”...
nn ปฏิกิริยา “ปริญญ์เอฟเฟกท์” มีเรื่องน่าเพลียใจให้เคลียร์ไม่ใช่น้อย เริ่มจาก “ทนายตั้ม–ษิทรา เบี้ยบังเกิด”เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีนี้ฐานะอะไร เมื่อ “นักเล่าข่าวจริยธรรมสูง” นำเสนอข้อมูลผ่านรายการเล่าข่าวทางวิกน้อยสีว่า “แม่ของหญิงสาวผู้เสียหายที่ออกมาเปิดเผยตัวรายแรก” ขอให้ “ทนายตั้ม”ลบรูปในเพจ ทั้งยืนยันว่า ไม่เคยแต่งตั้งให้นายตั้มเป็นทนาย เนื่องจากมีทีมที่ปรึกษากฎหมายอยู่แล้ว ทั้งยืนยันหนักแน่นว่า “ไม่มีใครให้เงินเคลียร์คดี”...
nn ต้องยอมรับว่าการเมืองช่วงนี้ ตกอยู่ในหมวดเลือกเครื่องแต่งตัวเพื่อเข้าสู่สนามกลศึกกลเกมการเมืองของจริง ทว่า “หมอหนู–อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศขอเป็นพรรคใหญ่แบบทำอะไรแล้วสำเร็จ ตอกย้ำสโลแกน “พูดแล้วทำ” สร้างความน่าเชื่อถือ หมดยุคกอบโกย จะเป็นพรรคที่สร้างแต่ผลประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน ลั่น พระนครศรีอยุธยา5 ที่นั่ง ภูมิใจไทยขอกวาดยกจังหวัด…“บิ๊กป้อม–พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ –หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ” ยอมที่ไหน ประกาศรักษาเก้าอี้แกนนำรัฐบาลอีกสมัย พร้อมกร้าวแย่ง “หมอหนู–อนุทิน ชาญวีรกูล” ยึดเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี” สู้แค่ไหนไม่รู้ รู้เพียงแค่มีการทาบทามกูรูด้านเศรษฐกิจเข้าร่วมรัฐบาลหลังการเลือกตั้งแล้ว… หายหน้าหายตาไปจากพื้นที่สื่อแต่ไม่หายไปจากสังคมการเมืองไทย “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา” ร่วมประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรค ที่โรงแรมแคนทารี่ ที่นครราชสีมา ประกาศพาน้องชาย “เทวัญ ลิปตพัลลภ”ทวงคืนเก้าอี้ท่านผู้ทรงเกียรติเขตเลือกตั้งที่ 1 นครราชสีมา คืนจากพรรคพลังประชารัฐ...
nn รู้สันดานตอนนี้ก็นับว่าไม่เสียชาติเกิดที่ได้ทราบในสิ่งที่ไม่เคยทราบมาก่อน “นางสาวธนภร โสมทองแดง ท่านผู้ทรงเกียรติพรรคเสรีรวมไทย” ภายใต้การบริหารของ “วีรบุรุษนาแก–พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” ออกมาแถลงข่าวกรณีการลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อ้างว่า เหตุที่ลาออกเพราะถูกผู้ใหญ่ในพรรคบีบ หลายวิธีเพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปขึ้นมาเป็นสส. แทน ซึ่งไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลใดและวัตถุประสงค์อะไรทางการเมือง แต่น่าจะเป็น “การตอบแทนบุญคุณนายทุนพรรค” เรื่องนี้ยังไม่มีการชี้แจงตอบโต้จากทาง “หัวหน้าและผู้บริหารพรรค” จากนี้คงต้องรอทางพรรคชี้แจงอีกกระทอก...
nn ที่สุด “ฝรั่งเศส” ก็ได้คนหน้าเดิม “เอ็มมานูเอล มาครง” มาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีบริหารประเทศอีกสมัยหลังขยี้ “นางมารีน เลอ แปน” ด้วยคะแนนเสียง 58.55% ต่อ 41.45% พร้อมประกาศชัดเจน “ผมเป็นประธานาธิบดีของทุกคน และจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”... คุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินประโยคเหล่านี้ในสังคมไทยมาก่อนยังไงยังงั้นเชียว...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี